นี่เป็นเพียงการเสนอมุมมองและความเห็นส่วนตัวนะคะ ไม่ใช่ Discourse ดังนั้น จึงมีความฮา ความโก๊ะ ของคนเขียนอยู่ดังนั้น หากท่านใดจะเสริมหรือ เสนอแนวคิดเห็นที่แตกต่างก็ว่ากันได้เลยค่ะ เต็มที่
นับถึงฝรั่งเริ่มขาย และ ซื้อต่อเนื่องกันเมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้ว เป็นที่สงสัยอยู่ว่า ฝรั่งกลุ่มไหนกัน หัวแดง หรือ หัวดำ
หรือพวกล่องหน ดิฉันสังเกตุเห็นพฤติกรรมหลายๆอย่างของนักลงทุนกลุ่มต่างๆ ในตลาดมา สิบกว่าปี พบว่า
1. ถ้าฝรั่งเข้าซื้อจริงๆ จะซื้อขาเดียว ซื้อยาวนาน ติดต่อกันเป็น 2-3 ปี ก็ไม่มีออร์เดอร์ขาย เห็นชัดเจนตั้งแต่ hamburger crisis ปี 2008 นั้น เป็นออร์เดอร์ที่สั่งขายล้วนๆ ตั้งแต่ปี 2007 ยาวมาถึง 2008 ดิฉันได้เห็น การทิ้งแบบ coco crunch หุ้นเละเทะจนดูไม่ได้ pttep จาก 215 บาทเหลือ 82 บาท มั้งราคาต่ำสุด 77 บาท ราว ๆ นี้ SCC ราคา 98 บาท จำได้เพราะเก็บส่วนตัวจนได้ขาย 350 บาท ptt จาก 480 เหลือ 140 บาท tta จาก 77 บาท เหลือ 28 บาท ( จนทุกวันนี้ยังไม่ฟื้น ) แต่ หุ้น bank ---kbank scb kkp tisco tcap bay ktb ราคาทุกวันนี้ถือว่า new high ถ้าเทียบกับช่วงนั้น แต่ กลุ่มพลังงานนั้น ยังไม่เคยตีด่านนั้นแตกเลย นี่ก็เข้ามา ปีที่ 5 แล้ว
1.1 ขาซื้อ ซื้ออย่างเดียวไม่ขาย ---- ปลายปี 2009- ต้นปี 2013
1.2 ขาขายคือ 2007-2009 และ มาช่วงนี้ ลูกผีลูกคน กลางปี 2013 - ปัจจุบัน เดี๋ยวเราจะลงรายละเอียดอีกที
---- ต่างชาติ คือ กลุ่มที่ชอบสร้างข่าว
2. รายย่อย ---- กลุ่มนี้จะตื่นเต้น กว่ากลุ่มอื่นๆ สังเกตุว่าจะชอบอ่านข่าว ตามข่าว เชื่อนักวิเคราะห์ ซื้อหุ้นตามโบรค ชอบทำกำไรระยะสั้น ชอบเข้าไวออกไว ดีใจประเดี๋ยวประด๋าว ชอบหาค่ากลับข้าว แต่เสีย คฤหาสถ์ ชอบหุ้นที่มีเป้า ยิ่งบอกหุ้นเสี่ย หุ้นเจ้ หุ้นก้วนนั่นนี่ ยิ่งชอบ ประเภทคนกันเองนั่นน่าเขื่อถือ แม่น ชอบเป็นหนุ่มเทคนิค สาวเทคนิค ชอบตีเส้น ชอบจินตนาการ ชอบนับคลื่น บ่อยครั้งนับจนเมาไปเลย ชอบฟังหมอดู ชอบทำนายอนาคตล่วงหน้าโดยหมอดูใต้ต้นมะเขือ บางคนมีหัวหน้าก้วนเป็นพระวัดดัง เจ้ามือหุ้นก็คือ หัวหน้าเม่าดีๆนี่เอง ที่บ่อยครั้งก็โดนทุบเละ ปั่นหุ้นจนติดเสียเอง !!! กลุ่มนี้ ชอบซื้อตอนตลาดแดงๆ เพราะมโนไปว่า มี " discount " และชอบขายตอนเขียวๆ เพราะ เห็นว่า ขึ้นมาเยอะแล้ว โดยบอกตัวเอง ว่าขายเอากำไรก่อน ถ้าขึ้นอีก แสดงว่ามันดี มันเก่ง ซื้อแพงแล้วขายให้แพงกว่า ซึ่งปกติแล้วมักจะ ไม่ได้ขาย เพราะจังหวะ 2 มักจะ พากัน let profit run ย่ามใจ 2 วัน เขาออกข่าวทุบเละ กลุ่มนี้เงินเยอะ แต่กระจายกัน ไม่สามัคคี ต่างคนต่างซื้อ มีระบบเป็นของตัวเอง ของใครของมัน และมีวลีเด็ดที่ท่องกันมาจาก มาร์เก็ตติ้งว่า " ถือไปไม่ขายไม่ขาดทุน เงินเย็น " จริงเหรอคะ ที่ว่าไม่ขายไม่ขาดทุนน่ะ ไอ้ที่ว่าเงินเย็นน่ะ มันจะร้อนขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ดังนั้น ดิฉันจึงบอกตัวเองเสมอว่า แค่เราไม่ขายก็ขาดทุนละ ขาดทุนทางโอกาสที่จะได้สิ่งที่ดีกว่าไงคะ ---- กลุ่มนี้มักเป็นเหยื่อของข่าว
3. Pop trade อย่างเป็นทางการเพิ่งถูกสถาปนามาในระยะ 3 ปีนี้เองค่ะ แต่ก่อนคนสวนใหญ่ไม่รู้จักในวงกว้าง ซึ่งจริงๆมีมานานมากละ พวกนี้มีแหล่งเงินทุนมาจากโบรคก็จริง แต่เงินก้อนจริงๆมาจากแหล่งใดนั้น ก็ระบุไม่ได้หรอกค่ะ พวกนี้จะซื้อดุ ซื้อหนัก ทิ้งแรง และเร็ว กลุ่มนี้มีเครื่องมือครบ และใกล้ชิดสั่งได้ พวกนี้ซื้อไม่เลือกตลาดค่ะ คือ อยากเล่นก็เล่น ----กลุ่มนี้ชอบปล่อยข่าวค่ะ
4. กองทุน ---- กลุ่มนี้ซื้อตามนโยบายค่ะ ซื้อเป็นรอบๆ แบ่งเงินเป็นช่วงๆ ความกดดันของกลุ่มนี้คือ เวลาคนขายกองทุนออกค่ะ เวลากองทุนจะเก็บหุ้น มักจะทิ้งหุ้นก่อน ทิ้งนำ ทิ้งจนคนทิ้งตาม จากนั้นจะปล่อยมันแช่แบบไม่กระดิก และเริ่มขบวนการเก็บ ปัจจุบันที่เห็นชัดๆเลย ก็คือ TISCO TCAP ***ตรงจุดนี้ ขอเพิ่มเติมนะคะ เพราะไม่อยากลบชื่อหุ้น เพราะพิมพืไปแล้ว ยังมีสมาชิกบางท่านอ่านไม่ค่อยเข้าใจนัก อย่างนี้นะคะ ไม่ได้บอกว่า กองทุนสร้างข่าวหรือเสกงบ TISCO TCAP นะคะ กำลังจะบอกว่า เขาเก็บหุ้นค่ะ ว่าเขาเก็บยังไง ไม่อยากลงชื่อหุ้น ก็เพราะแบบนี้แหล่ะนะ คือ งบมันสะท้อนจากการดำเนินงานอยู่แล้วค่ะ คุณ คห.6 ตรงจุดนี้ เคลียร์แล้วนะคะ ดิฉันขออภัยที่เขียนไปกำกวมค่ะ ***
นักเล่นกลุ่มนี้เขาจะมีวิธีหาเงินเข้ากองทุน นอกจากฝีมือ ข้อมูลที่มีแล้ว เขายังทำหน้าที่เสริมอีกอันอน่างชำนาญคือ
" การแต่งหน้าศพ " ก็จะเลือกแต่งตัวหุ้นที่เละๆ ที่ติดราคาสูง จากนั้นก็ขายตัวที่ขาดทุนน้อย ๆ ไปซื้อเฉลี่ยตัวที่ขาดทุนหนัก ๆ ทำราคาปิดให้สูงๆ จากขาดทุนหนักอาจจะขาดทุนน้อย ไปจนถึงกำไร โดยไม่ขายตัวที่กำไรมากๆ ออกนะะ ย้ำให้อ่านอีกรอบนะคะ เขาขายตัวที่ขาดทุนน้อยไปถัวตัวที่ขาดทุนมากๆ แล้วใข้ตัวที่กำไรมากดึงภาพรวมพอร์ตค่ะ !!!
แต่สิ่งที่ รายย่อยทำตรงข้ามกับกองทุนคือ ขายตัวที่มีกำไรออกมา แล้วเก็บตัวที่ขาดทุนเอาไว้ เพราะหวังว่าสักวันมันจะขึ้นมาให้หลุด ถ้าจะคิดเช่นนี้ ได้ค่ะ แต่ต้องดูหน้าอินทร์หน้าพรหมด้วยว่า มันมีอนาคตหรือไม่ ???
ประเภทของกองทุนนั้น มีทั้งกองทุนจัดตั้งของบลจ. ต่างๆ ของธนาคาร ของโบรค ของส่วนบุคคล และไปจนถึง กลุ่มคนที่สวมรอยเป็นกองทุน ศูนย์บัญชาการอยู่ที่ สิงคโปร์ จะเยอะเป็นพิเศษ มักจะมาถือหุ้นโดยมีชื่อ ---- ต่อท้ายด้วยคำว่า NOMINEES LTD. ซึ่งยอดสุทธิในแต่ละวันจะถูกจัดให้เป็น Institute ค่ะ ---- กลุ่มนี้ชอบเขียนข่าว
มีใครเคยนึกกันบ้างคะว่า จริง ๆ แล้ว ฝรั่งแอบพิมพ์เงินทำ QE มาตั้งนานแล้ว แต่เราจับไต๋ไม่ได้คาหนังคาเขาค่ะ แต่ดิฉันคิดนะคะ มาประติดประต่อ จิ๊กซอว์ + จินตนาการ ( อันนี้ขำๆค่ะ ) เอาว่า พอหลังจาก พิมพ์เงินมากพอแล้ว ก็เริ่มทำทีว่าปิดฝุ่นใต้พรมไม่มิด วางแผนให้ทั่วโลกเขารู้ว่าตัวเองแย่ มีวิกฤต เพราะจะสั่นคลอนความเชื่อมั่นไปทั่วโลกได้เร็วและรุ่นแรง จะมีข่าวอะไรหล่ะคะที่จะทำให้หุ้นทั่วโลกตกรุ่นแรงได้เท่ากับยักษ์ล้ม และ สงคราม ค่ะ การเงินทั่วโลกปั้นป่วน หุ้นถุกเทขายระเนระนาด ขาย ๆๆๆ ไปจนถึงจุดหนึ่ง ทำซะจนสินค้าคุณภาพของประเทศนั้น ๆ ในตลาดหุ้นทั่วโลกไร้ค่า เพราะถูกแสนถูก คนในประเทศมั่งคั่งน้อยลง บางคนล้มทั้งยืน แต่ ประเทศที่แสวงหาผลประโยชน์บนซากศพของคนอื่น กลับทีวีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้น ๆ เงินที่พิมพ์เอาไว้ หรือ ดอลล่า ในตอนนั้น ไม่ใช่สิ่งไร้ค่าหรือกระดาษนะคะ ดังนั้น จึงใช้เงิน QE แบบลับ ๆ นี่หล่ะ ทะยอยซื้อ ๆๆๆๆ หุ้นเข้าไป ซื้อต่อเนื่องยาวนาน ไม่หวั่นแม้น้ำท่วมไทย ไม่หวั่นแม้พม่ายิงกันตาย ไม่หวั่นแม้เขมรจะทำอะไรก็ตาม เพราะเส้นทางแห่งความกระหายเงินตรานั้น ไม่เคยปราณีต่อสิ่งใด ....จนกระทั้ง ถึงจุด Climax หรือ ใครหลายคนอาจจะเรียกว่า buying climax ก็แล้วแต่สถานะการณ์จะเอื้ออำนวยนะคะ ....ก็ได้ประกาศออกเงิน QE1 ออกมา อ้างว่าเอามากระตุ้น ศก. ซึ่ง จริง ๆ แล้ว Real sector ไม่ได้ถูกหว่านเม็ดเงินลงไปนะคะ เพราะมันให้ return ช้า ไม่เหมือน financial sector ที่ เร็วทันใจ อย่างว่าค่ะ hot money ก็ต้องเล่นกะของ hot hot แต่ห้ามบอกว่า I'm hot นะคะ (อันนี้มุก ค่ะ ) ....
ทีนี้ เมื่อ เงิน QE ถูกประกาศ แล้ว ก็ถึงจังหวะที่ดิฉันเรียกและ บัญญัติศัพท์ที่ไม่เป็นทางการ ว่า....ลากโชว์ ชวนชาวบ้านขึ้นรถ โดย มีโฆษกประกาศเป็นระยะ ๆ ว่า สถานที่จะไปนั้นสวยงามมากมาย ผ่านสวนดอกไม้ ก็แล้วบางคนขอลงถ่ายรูป เก็บดอกไม้ แล้วขึ้นรถต่อ ระหว่างทาง ก็มีรางวัลแจกชิ้นแรก รถมอเตอร์ไซด์ บางคนบอกผมเอาเอง อ่ะก็ขับมอไซด์ กลับบ้าน รางวัลต่อมา รถกระบะคนที่เอาเขาก็ขับกลับบ้าน ต่อมาบอกให้ TOYOTA Camry บางคนเอาก็ขับกลับบ้าน บางคนอดทนรอจนได้ BENZ คนที่ลงแล้วลงเลย และ คนที่ยังอยู่บนรถ โชเฟอร์ก็ไม่ทำให้ผิดหวังค่ะ โดยการมี Entertain ตลอดเส้นทาง โดยให้ความหวังไว้ว่า ปลายทางคือ lamborghini ก็รอกันไปค่ะ หลับไป พอตื่นอีกที โดนทิ้งโค้งเลยค่ะ ดัชนีตกหนัก อย่าว่าแต่ lambo เลย camry ก็ไม่พอจ่าย ตอนนี้เหลือ city ก็ไม่เอา ต่อมาเหลือ มอไซด์ ไม่เอาอีก สุดท้ายเหลือเงิน จ่ายแค่ค่า TAXI .....อันนี้ก็ปนมุกฮา ๆ นะคะ
ค่ะ...มาดูต่อว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ณ ตอนนี้ ดิฉันรู้สึกว่า เราโดนปล้นไม่พอ แถมยังโดนปั่นหัวรายวัน โดยมี QE เป็นตัวหลัก สังเกตุเห็นกันไหมคะ ทั้งประวัติศาสตร์หุ้นไทย และปัจจุบันนี้ ดิฉันว่าเหมือนเดิมนะคะ ไม่เปลี่ยนหรอก จุดสังเกตุคือ ก่อนจะเกิดวิกฤตหุ้นมักจะวิ่งขึ้นแรงเสมอ ๆ นับจาก ต้มยำกุ้ง subprime หุ้นก็ถูกลากไปสูง ๆ ทั้งนั้น แล้วเจอบทซาดิสต์ เพียงแต่ว่าทุกช่วงสมัยนั้นจะแตกต่างกันเรื่องกลุ่มนำขึ้น อย่างต้มยำกุ้งเป็นที่ดิน กับ ธนาคาร หลักทรัพย์ แล้ว หุ้นเจ้า หุ้นเสี่ย ....subprime นั้นกลุ่ม น้ำมัน ....พอมาปีนี้
1.เป็นหุ้นขุดมาเล่น หุ้นหลับ หุ้นsunset แล้วเปลี่ยนธุรกิจเป็นพลังงานทดแทนดาหน้าขึ้นกันมากมาย
2. bank return กลุ่มนี้ใช่ย่อยค่ะ ขึ้นมาแรงอยู่
3. สื่อสาร
4. ค้าปลีก
5. โรงพยาบาล
ต้นปีลากขึ้น กลางปีทุบ ในมุมมองของดิฉันนะคะ แบบส่วนตัว คิดแบบนี้ค่ะ ดิฉันว่า *** สงครามมันยังไม่จบ *** ถ้าจะจบแบบเดิม ดัชนีสูงกว่านี้เยอะค่ะ อาจจะ 2000 2500 หรือ 3000 จุด ก็เป็นได้ แต่ตอนนี้มันยังไม่จบ ราคาหุ้นหลาย ๆ ตัวของวันนี้ ยังไม่แพง แต่มันอาจจะแพงกว่า หรือ ถูกกว่า อีก 2-3 เดือนข้างหน้า ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น แต่ แนวโน้มอีก 2 ปี ดิฉันว่าคุณจะเห็นได้ที่แพงกว่านี้แน่ ๆ ค่ะ หนังใหญ่ยังไม่เลิก อย่าเพิ่งลุกนะคะ รอๆ ดุไปก่อน
เดี๋ยวจะมาเล่าต่อ บางอันก็ลืมๆเลือนลางตามอายุนะคะ แต่ก็พยายามเรียบเรียงให้ค่ะ เล่าเรื่องผ่านตัวหนังสือไม่ค่อยเก่งค่ะ ท่านใดจะช่วยเสริมก็เรียนเชิญได้เลยนะคะ ยินดีมากๆค่ะ
---- เวลา 23.43 น. มี ความเห็นจากสมาชิกนะคะ ดิฉันตอบเอาไว้ที่ คห. 24 -1 ค่ะ เห็นว่าเป็นประโยชน์เลยตอบเอาไว้ละค่ะ ติดตามอ่านต่อได้
***** บทความนี้ เขียนขึ้นโดย จขกท. log in ภูพิงค์กับอิงดาว ไม่ได้มีเจตนาจะโน้มน้าวผู้ใดให้เชื่อถือนะคะ เป็นเพียงความเห็น และมุมมองของบุคคลธรรมดา ๆ เท่านั้น ไม่ได้จัดทำขึ้นมาเพื่อหาผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น แต่จุดประสงค์ต้องการสนทนามุมมองกับคนในเวปบอร์ดเท่านั้นค่ะ รบกวนท่านที่อ่านและแสดงความคิดเห็นโปรดใช้วิจารณญาณในการรับสารนะคะ เพื่อประโยชน์เกิดแก่ตัวท่านเอง ขอบคุณค่ะ *****
**** สัญญาณ ความโหดร้ายกำลังมา ป่าช้าใกล้แตก นรกกำลังจะระเบิด จริงหรือมาดูกันค่ะ ****
นับถึงฝรั่งเริ่มขาย และ ซื้อต่อเนื่องกันเมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้ว เป็นที่สงสัยอยู่ว่า ฝรั่งกลุ่มไหนกัน หัวแดง หรือ หัวดำ
หรือพวกล่องหน ดิฉันสังเกตุเห็นพฤติกรรมหลายๆอย่างของนักลงทุนกลุ่มต่างๆ ในตลาดมา สิบกว่าปี พบว่า
1. ถ้าฝรั่งเข้าซื้อจริงๆ จะซื้อขาเดียว ซื้อยาวนาน ติดต่อกันเป็น 2-3 ปี ก็ไม่มีออร์เดอร์ขาย เห็นชัดเจนตั้งแต่ hamburger crisis ปี 2008 นั้น เป็นออร์เดอร์ที่สั่งขายล้วนๆ ตั้งแต่ปี 2007 ยาวมาถึง 2008 ดิฉันได้เห็น การทิ้งแบบ coco crunch หุ้นเละเทะจนดูไม่ได้ pttep จาก 215 บาทเหลือ 82 บาท มั้งราคาต่ำสุด 77 บาท ราว ๆ นี้ SCC ราคา 98 บาท จำได้เพราะเก็บส่วนตัวจนได้ขาย 350 บาท ptt จาก 480 เหลือ 140 บาท tta จาก 77 บาท เหลือ 28 บาท ( จนทุกวันนี้ยังไม่ฟื้น ) แต่ หุ้น bank ---kbank scb kkp tisco tcap bay ktb ราคาทุกวันนี้ถือว่า new high ถ้าเทียบกับช่วงนั้น แต่ กลุ่มพลังงานนั้น ยังไม่เคยตีด่านนั้นแตกเลย นี่ก็เข้ามา ปีที่ 5 แล้ว
1.1 ขาซื้อ ซื้ออย่างเดียวไม่ขาย ---- ปลายปี 2009- ต้นปี 2013
1.2 ขาขายคือ 2007-2009 และ มาช่วงนี้ ลูกผีลูกคน กลางปี 2013 - ปัจจุบัน เดี๋ยวเราจะลงรายละเอียดอีกที
---- ต่างชาติ คือ กลุ่มที่ชอบสร้างข่าว
2. รายย่อย ---- กลุ่มนี้จะตื่นเต้น กว่ากลุ่มอื่นๆ สังเกตุว่าจะชอบอ่านข่าว ตามข่าว เชื่อนักวิเคราะห์ ซื้อหุ้นตามโบรค ชอบทำกำไรระยะสั้น ชอบเข้าไวออกไว ดีใจประเดี๋ยวประด๋าว ชอบหาค่ากลับข้าว แต่เสีย คฤหาสถ์ ชอบหุ้นที่มีเป้า ยิ่งบอกหุ้นเสี่ย หุ้นเจ้ หุ้นก้วนนั่นนี่ ยิ่งชอบ ประเภทคนกันเองนั่นน่าเขื่อถือ แม่น ชอบเป็นหนุ่มเทคนิค สาวเทคนิค ชอบตีเส้น ชอบจินตนาการ ชอบนับคลื่น บ่อยครั้งนับจนเมาไปเลย ชอบฟังหมอดู ชอบทำนายอนาคตล่วงหน้าโดยหมอดูใต้ต้นมะเขือ บางคนมีหัวหน้าก้วนเป็นพระวัดดัง เจ้ามือหุ้นก็คือ หัวหน้าเม่าดีๆนี่เอง ที่บ่อยครั้งก็โดนทุบเละ ปั่นหุ้นจนติดเสียเอง !!! กลุ่มนี้ ชอบซื้อตอนตลาดแดงๆ เพราะมโนไปว่า มี " discount " และชอบขายตอนเขียวๆ เพราะ เห็นว่า ขึ้นมาเยอะแล้ว โดยบอกตัวเอง ว่าขายเอากำไรก่อน ถ้าขึ้นอีก แสดงว่ามันดี มันเก่ง ซื้อแพงแล้วขายให้แพงกว่า ซึ่งปกติแล้วมักจะ ไม่ได้ขาย เพราะจังหวะ 2 มักจะ พากัน let profit run ย่ามใจ 2 วัน เขาออกข่าวทุบเละ กลุ่มนี้เงินเยอะ แต่กระจายกัน ไม่สามัคคี ต่างคนต่างซื้อ มีระบบเป็นของตัวเอง ของใครของมัน และมีวลีเด็ดที่ท่องกันมาจาก มาร์เก็ตติ้งว่า " ถือไปไม่ขายไม่ขาดทุน เงินเย็น " จริงเหรอคะ ที่ว่าไม่ขายไม่ขาดทุนน่ะ ไอ้ที่ว่าเงินเย็นน่ะ มันจะร้อนขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ดังนั้น ดิฉันจึงบอกตัวเองเสมอว่า แค่เราไม่ขายก็ขาดทุนละ ขาดทุนทางโอกาสที่จะได้สิ่งที่ดีกว่าไงคะ ---- กลุ่มนี้มักเป็นเหยื่อของข่าว
3. Pop trade อย่างเป็นทางการเพิ่งถูกสถาปนามาในระยะ 3 ปีนี้เองค่ะ แต่ก่อนคนสวนใหญ่ไม่รู้จักในวงกว้าง ซึ่งจริงๆมีมานานมากละ พวกนี้มีแหล่งเงินทุนมาจากโบรคก็จริง แต่เงินก้อนจริงๆมาจากแหล่งใดนั้น ก็ระบุไม่ได้หรอกค่ะ พวกนี้จะซื้อดุ ซื้อหนัก ทิ้งแรง และเร็ว กลุ่มนี้มีเครื่องมือครบ และใกล้ชิดสั่งได้ พวกนี้ซื้อไม่เลือกตลาดค่ะ คือ อยากเล่นก็เล่น ----กลุ่มนี้ชอบปล่อยข่าวค่ะ
4. กองทุน ---- กลุ่มนี้ซื้อตามนโยบายค่ะ ซื้อเป็นรอบๆ แบ่งเงินเป็นช่วงๆ ความกดดันของกลุ่มนี้คือ เวลาคนขายกองทุนออกค่ะ เวลากองทุนจะเก็บหุ้น มักจะทิ้งหุ้นก่อน ทิ้งนำ ทิ้งจนคนทิ้งตาม จากนั้นจะปล่อยมันแช่แบบไม่กระดิก และเริ่มขบวนการเก็บ ปัจจุบันที่เห็นชัดๆเลย ก็คือ TISCO TCAP ***ตรงจุดนี้ ขอเพิ่มเติมนะคะ เพราะไม่อยากลบชื่อหุ้น เพราะพิมพืไปแล้ว ยังมีสมาชิกบางท่านอ่านไม่ค่อยเข้าใจนัก อย่างนี้นะคะ ไม่ได้บอกว่า กองทุนสร้างข่าวหรือเสกงบ TISCO TCAP นะคะ กำลังจะบอกว่า เขาเก็บหุ้นค่ะ ว่าเขาเก็บยังไง ไม่อยากลงชื่อหุ้น ก็เพราะแบบนี้แหล่ะนะ คือ งบมันสะท้อนจากการดำเนินงานอยู่แล้วค่ะ คุณ คห.6 ตรงจุดนี้ เคลียร์แล้วนะคะ ดิฉันขออภัยที่เขียนไปกำกวมค่ะ ***
นักเล่นกลุ่มนี้เขาจะมีวิธีหาเงินเข้ากองทุน นอกจากฝีมือ ข้อมูลที่มีแล้ว เขายังทำหน้าที่เสริมอีกอันอน่างชำนาญคือ
" การแต่งหน้าศพ " ก็จะเลือกแต่งตัวหุ้นที่เละๆ ที่ติดราคาสูง จากนั้นก็ขายตัวที่ขาดทุนน้อย ๆ ไปซื้อเฉลี่ยตัวที่ขาดทุนหนัก ๆ ทำราคาปิดให้สูงๆ จากขาดทุนหนักอาจจะขาดทุนน้อย ไปจนถึงกำไร โดยไม่ขายตัวที่กำไรมากๆ ออกนะะ ย้ำให้อ่านอีกรอบนะคะ เขาขายตัวที่ขาดทุนน้อยไปถัวตัวที่ขาดทุนมากๆ แล้วใข้ตัวที่กำไรมากดึงภาพรวมพอร์ตค่ะ !!!
แต่สิ่งที่ รายย่อยทำตรงข้ามกับกองทุนคือ ขายตัวที่มีกำไรออกมา แล้วเก็บตัวที่ขาดทุนเอาไว้ เพราะหวังว่าสักวันมันจะขึ้นมาให้หลุด ถ้าจะคิดเช่นนี้ ได้ค่ะ แต่ต้องดูหน้าอินทร์หน้าพรหมด้วยว่า มันมีอนาคตหรือไม่ ???
ประเภทของกองทุนนั้น มีทั้งกองทุนจัดตั้งของบลจ. ต่างๆ ของธนาคาร ของโบรค ของส่วนบุคคล และไปจนถึง กลุ่มคนที่สวมรอยเป็นกองทุน ศูนย์บัญชาการอยู่ที่ สิงคโปร์ จะเยอะเป็นพิเศษ มักจะมาถือหุ้นโดยมีชื่อ ---- ต่อท้ายด้วยคำว่า NOMINEES LTD. ซึ่งยอดสุทธิในแต่ละวันจะถูกจัดให้เป็น Institute ค่ะ ---- กลุ่มนี้ชอบเขียนข่าว
มีใครเคยนึกกันบ้างคะว่า จริง ๆ แล้ว ฝรั่งแอบพิมพ์เงินทำ QE มาตั้งนานแล้ว แต่เราจับไต๋ไม่ได้คาหนังคาเขาค่ะ แต่ดิฉันคิดนะคะ มาประติดประต่อ จิ๊กซอว์ + จินตนาการ ( อันนี้ขำๆค่ะ ) เอาว่า พอหลังจาก พิมพ์เงินมากพอแล้ว ก็เริ่มทำทีว่าปิดฝุ่นใต้พรมไม่มิด วางแผนให้ทั่วโลกเขารู้ว่าตัวเองแย่ มีวิกฤต เพราะจะสั่นคลอนความเชื่อมั่นไปทั่วโลกได้เร็วและรุ่นแรง จะมีข่าวอะไรหล่ะคะที่จะทำให้หุ้นทั่วโลกตกรุ่นแรงได้เท่ากับยักษ์ล้ม และ สงคราม ค่ะ การเงินทั่วโลกปั้นป่วน หุ้นถุกเทขายระเนระนาด ขาย ๆๆๆ ไปจนถึงจุดหนึ่ง ทำซะจนสินค้าคุณภาพของประเทศนั้น ๆ ในตลาดหุ้นทั่วโลกไร้ค่า เพราะถูกแสนถูก คนในประเทศมั่งคั่งน้อยลง บางคนล้มทั้งยืน แต่ ประเทศที่แสวงหาผลประโยชน์บนซากศพของคนอื่น กลับทีวีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้น ๆ เงินที่พิมพ์เอาไว้ หรือ ดอลล่า ในตอนนั้น ไม่ใช่สิ่งไร้ค่าหรือกระดาษนะคะ ดังนั้น จึงใช้เงิน QE แบบลับ ๆ นี่หล่ะ ทะยอยซื้อ ๆๆๆๆ หุ้นเข้าไป ซื้อต่อเนื่องยาวนาน ไม่หวั่นแม้น้ำท่วมไทย ไม่หวั่นแม้พม่ายิงกันตาย ไม่หวั่นแม้เขมรจะทำอะไรก็ตาม เพราะเส้นทางแห่งความกระหายเงินตรานั้น ไม่เคยปราณีต่อสิ่งใด ....จนกระทั้ง ถึงจุด Climax หรือ ใครหลายคนอาจจะเรียกว่า buying climax ก็แล้วแต่สถานะการณ์จะเอื้ออำนวยนะคะ ....ก็ได้ประกาศออกเงิน QE1 ออกมา อ้างว่าเอามากระตุ้น ศก. ซึ่ง จริง ๆ แล้ว Real sector ไม่ได้ถูกหว่านเม็ดเงินลงไปนะคะ เพราะมันให้ return ช้า ไม่เหมือน financial sector ที่ เร็วทันใจ อย่างว่าค่ะ hot money ก็ต้องเล่นกะของ hot hot แต่ห้ามบอกว่า I'm hot นะคะ (อันนี้มุก ค่ะ ) ....
ทีนี้ เมื่อ เงิน QE ถูกประกาศ แล้ว ก็ถึงจังหวะที่ดิฉันเรียกและ บัญญัติศัพท์ที่ไม่เป็นทางการ ว่า....ลากโชว์ ชวนชาวบ้านขึ้นรถ โดย มีโฆษกประกาศเป็นระยะ ๆ ว่า สถานที่จะไปนั้นสวยงามมากมาย ผ่านสวนดอกไม้ ก็แล้วบางคนขอลงถ่ายรูป เก็บดอกไม้ แล้วขึ้นรถต่อ ระหว่างทาง ก็มีรางวัลแจกชิ้นแรก รถมอเตอร์ไซด์ บางคนบอกผมเอาเอง อ่ะก็ขับมอไซด์ กลับบ้าน รางวัลต่อมา รถกระบะคนที่เอาเขาก็ขับกลับบ้าน ต่อมาบอกให้ TOYOTA Camry บางคนเอาก็ขับกลับบ้าน บางคนอดทนรอจนได้ BENZ คนที่ลงแล้วลงเลย และ คนที่ยังอยู่บนรถ โชเฟอร์ก็ไม่ทำให้ผิดหวังค่ะ โดยการมี Entertain ตลอดเส้นทาง โดยให้ความหวังไว้ว่า ปลายทางคือ lamborghini ก็รอกันไปค่ะ หลับไป พอตื่นอีกที โดนทิ้งโค้งเลยค่ะ ดัชนีตกหนัก อย่าว่าแต่ lambo เลย camry ก็ไม่พอจ่าย ตอนนี้เหลือ city ก็ไม่เอา ต่อมาเหลือ มอไซด์ ไม่เอาอีก สุดท้ายเหลือเงิน จ่ายแค่ค่า TAXI .....อันนี้ก็ปนมุกฮา ๆ นะคะ
ค่ะ...มาดูต่อว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ณ ตอนนี้ ดิฉันรู้สึกว่า เราโดนปล้นไม่พอ แถมยังโดนปั่นหัวรายวัน โดยมี QE เป็นตัวหลัก สังเกตุเห็นกันไหมคะ ทั้งประวัติศาสตร์หุ้นไทย และปัจจุบันนี้ ดิฉันว่าเหมือนเดิมนะคะ ไม่เปลี่ยนหรอก จุดสังเกตุคือ ก่อนจะเกิดวิกฤตหุ้นมักจะวิ่งขึ้นแรงเสมอ ๆ นับจาก ต้มยำกุ้ง subprime หุ้นก็ถูกลากไปสูง ๆ ทั้งนั้น แล้วเจอบทซาดิสต์ เพียงแต่ว่าทุกช่วงสมัยนั้นจะแตกต่างกันเรื่องกลุ่มนำขึ้น อย่างต้มยำกุ้งเป็นที่ดิน กับ ธนาคาร หลักทรัพย์ แล้ว หุ้นเจ้า หุ้นเสี่ย ....subprime นั้นกลุ่ม น้ำมัน ....พอมาปีนี้
1.เป็นหุ้นขุดมาเล่น หุ้นหลับ หุ้นsunset แล้วเปลี่ยนธุรกิจเป็นพลังงานทดแทนดาหน้าขึ้นกันมากมาย
2. bank return กลุ่มนี้ใช่ย่อยค่ะ ขึ้นมาแรงอยู่
3. สื่อสาร
4. ค้าปลีก
5. โรงพยาบาล
ต้นปีลากขึ้น กลางปีทุบ ในมุมมองของดิฉันนะคะ แบบส่วนตัว คิดแบบนี้ค่ะ ดิฉันว่า *** สงครามมันยังไม่จบ *** ถ้าจะจบแบบเดิม ดัชนีสูงกว่านี้เยอะค่ะ อาจจะ 2000 2500 หรือ 3000 จุด ก็เป็นได้ แต่ตอนนี้มันยังไม่จบ ราคาหุ้นหลาย ๆ ตัวของวันนี้ ยังไม่แพง แต่มันอาจจะแพงกว่า หรือ ถูกกว่า อีก 2-3 เดือนข้างหน้า ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น แต่ แนวโน้มอีก 2 ปี ดิฉันว่าคุณจะเห็นได้ที่แพงกว่านี้แน่ ๆ ค่ะ หนังใหญ่ยังไม่เลิก อย่าเพิ่งลุกนะคะ รอๆ ดุไปก่อน
เดี๋ยวจะมาเล่าต่อ บางอันก็ลืมๆเลือนลางตามอายุนะคะ แต่ก็พยายามเรียบเรียงให้ค่ะ เล่าเรื่องผ่านตัวหนังสือไม่ค่อยเก่งค่ะ ท่านใดจะช่วยเสริมก็เรียนเชิญได้เลยนะคะ ยินดีมากๆค่ะ
---- เวลา 23.43 น. มี ความเห็นจากสมาชิกนะคะ ดิฉันตอบเอาไว้ที่ คห. 24 -1 ค่ะ เห็นว่าเป็นประโยชน์เลยตอบเอาไว้ละค่ะ ติดตามอ่านต่อได้
***** บทความนี้ เขียนขึ้นโดย จขกท. log in ภูพิงค์กับอิงดาว ไม่ได้มีเจตนาจะโน้มน้าวผู้ใดให้เชื่อถือนะคะ เป็นเพียงความเห็น และมุมมองของบุคคลธรรมดา ๆ เท่านั้น ไม่ได้จัดทำขึ้นมาเพื่อหาผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น แต่จุดประสงค์ต้องการสนทนามุมมองกับคนในเวปบอร์ดเท่านั้นค่ะ รบกวนท่านที่อ่านและแสดงความคิดเห็นโปรดใช้วิจารณญาณในการรับสารนะคะ เพื่อประโยชน์เกิดแก่ตัวท่านเอง ขอบคุณค่ะ *****