เวทีปฏิรูปการเมือง โดย วีรพงษ์ รามางกูร ....... มติชนออนไลน์ ..... อ่านแล้วจะเข้าใจทุกฝ่ายมากขึ้น

กระทู้สนทนา
(ที่มา:มติชนรายวัน 29 ส.ค.2556)

เช้าวันที่ 25 สิงหาคม 2556 นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานเปิดประชุมเวทีปฏิรูปการเมือง
ที่นายกรัฐมนตรีประกาศจัดตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ก่อนที่จะมีการชุมนุมทางการเมือง
ของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลที่สวนลุมพินี และการชุมนุมของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม
ที่จะเดินไปส่ง ส.ส.ประชาธิปัตย์ เข้าประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
ตามที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ประกาศว่า จะไม่เดินตามแนวทางประชาธิปไตยระบอบรัฐสภาแล้ว
แต่จะมาดำเนินกิจกรรมการเมืองนอกสภา

เมื่อได้รับเชิญ ก็มาพิจารณาดูว่าประชาชนในกรุงเทพฯบางส่วนหมดความเชื่อมั่นในระบอบรัฐสภา
พันธมิตรก็ประกาศยุติบทบาทของตนลง และเรียกร้องให้ ส.ส.ประชาธิปัตย์ลาออกจากสภาผู้แทนราษฎร
ออกมาเป็นแกนนำทำกิจกรรมการเมืองนอกสภา เพื่อให้ผู้ที่มิใช่นักการเมือง ที่มิใช่ ส.ส.ได้มีเวที
แสดงออกโดยไม่ต้องอยู่ในระเบียบวินัยของพรรคร่วมรัฐบาล

เมื่อเห็นรายชื่อผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือหลายท่านยอมรับที่จะเข้าร่วมขบวนการปฏิรูปการเมือง
"นอกรัฐสภา" ตามที่คนในกรุงบางส่วนเรียกร้อง ก็น่าจะเป็นผลดีมากกว่าออกไปยืนชุมนุมฟังคน
บนเวทีพูดฝ่ายเดียว แต่จะได้ฟังผู้คนหลายฝ่ายหลายองค์กร คนที่มีประสบการณ์ทางการเมือง
คนที่อยู่ใกล้ชิดกับประชาชน ได้แสดงความคิดความเห็นอันเป็นประโยชน์ในการหาทางออกให้กับ
ประเทศชาติ นอกเหนือจากรัฐสภา นอกเหนือจากการฟังการอ่านจากสื่อมวลชน นอกเหนือจาก
เวทีการชุมนุม จึงได้ตอบรับคำเชิญและไปร่วมประชุมกับท่านเหล่านั้นที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล

บรรยากาศการประชุมที่ได้สัมผัสนั้นผิดคาด เพราะท่านที่มาร่วมประชุมกว่า 70 ท่าน ล้วนแต่คึกคัก
สายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง สุ้มเสียงแสดงความห่วงใยบ้านเมืองและอนาคตของลูกหลาน
อย่างเต็มเปี่ยม

หลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้นำคณะนายทหารเข้าไปอวยพรวันเกิดป๋าในฐานะรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงกลาโหมแล้ว ก็เข้ามานั่งหัวโต๊ะเป็นประธานกล่าวเปิดการประชุม

นายกฯแสดงความจริงใจด้วยการจะเป็นเพียงผู้ประสานงาน เพื่อให้ผู้คนจากส่วนต่างๆ ได้มาพูดคุย
แนะนำ วางแผน เพื่ออนาคตของชาติอย่างจริงใจ ทำอย่างไรจึงจะทำให้ระบอบประชาธิปไตยอัน
มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้มีความมั่นคงแข็งแรง ประชาชนอยู่ดีกินดี มีความสุข ไม่เคร่งเครียด
อย่างที่ผ่านมา 6-7 ปี ซึ่งเป็นเวลานานเกินไปแล้ว

<
<
<
บรรยากาศในการประชุมปรึกษาหารือกันดีมาก น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ไม่มีการเล่นเกมแต่ปรารถนาจะเห็น
บ้านเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติสุขโดยเร็ว ไม่มีใครอยากเห็นมิคสัญญีเกิดขึ้นกับบ้านเรา เหมือนที่เกิดขึ้น
ที่ประเทศอียิปต์ ซึ่งไม่เป็นผลดีกับใครเลย

ก่อนจะจบการประชุมประมาณ 17.00 น. นายกรัฐมนตรีก็กล่าวสรุปผลของการประชุมปรึกษาหารือไว้
อย่างน่าฟัง ครอบคลุมเนื้อหาสำคัญๆ ที่ทุกคนได้พูดแสดงความคิดเห็น เป้าหมายของการปฏิรูปควร
จะเป็นดังนี้


1.เพื่อทำให้ระบอบการปกครอง ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มั่นคง
   แข็งแรงดีขึ้น เป้าหมายนี้น่าจะเป็นจุดหมายปลายทางที่มีความสำคัญ เพราะอย่างไรเสียระบอบ
   การปกครองในรูปแบบนี้น่าจะเหมาะสมกับบ้านเรามากที่สุด

2.ทำให้เกิดความเท่าเทียมกันในการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมทุกด้าน โดยมีความเท่าเทียม
   เสมอภาคกันในการใช้สิทธิเสรีภาพ ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะทางเศรษฐกิจใด เชื้อชาติศาสนาใด อยู่ใน
   ภูมิลำเนาใด

3.กลไกที่จะทำให้เกิดความเท่าเทียมเสมอภาคกันต้องโปร่งใส ตรวจสอบและอธิบายได้ ตามหลัก
   ธรรมาภิบาลที่ดี ไว้วางใจได้

4.สร้างกระบวนการเพื่อให้เกิดความยุติธรรม ความเสมอภาคเท่าเทียมกัน ในสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน
   ตามหลักนิติรัฐและนิติธรรม ทุกคนอยู่ในมาตรฐานเดียวกัน

5.สร้างระบอบการปกครองโดยเสียงส่วนใหญ่ที่มีส่วนร่วมของประชาชนทุกฝ่าย แต่เคารพ รับฟังและ
   ปกป้องเสียงข้างน้อยที่มีส่วนร่วม

6.สร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ขจัดความเคลือบแคลงสงสัย ให้อภัยซึ่งกันและกัน สร้างบรรยากาศ
   ที่จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นแก่นานาประเทศ

7.ยึดถือผลประโยชน์ส่วนรวมและความถูกต้องเป็นที่ตั้ง เอาความเป็น "ตัวกู ของกู" ออกไป ให้เหลือ
   แต่ผลประโยชน์ของชาติและประชาชน


บทสรุปทั้ง 7 ข้อ ที่นายกรัฐมนตรีได้รวบรวมน่าจะครอบคลุมประเด็นต่างๆ ที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง
ได้เสนอไว้ รวมทั้งจากเลขาธิการสมาพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยด้วย

เมื่อเริ่มต้นดีแล้ว ก็น่าจะช่วยกันสานต่อว่าจะดำเนินการกันต่อไปอย่างไร ท่านนายกฯ บรรหาร ศิลปอาชา
รับจะเป็นผู้ประสานกับฝ่ายต่างๆ เพื่อให้ผลออกมาอย่างเป็นรูปธรรม

บรรยากาศเหมือนการประชุมสัมมนาทางวิชาการที่เคยผ่านๆ มา ไม่มีการใช้วาทศิลป์ ส่อเสียด เหน็บแนม
ให้เป็นที่ระคายหู ไม่มีการใช้คารมในการแสดงความคิดความเห็น ทั้งๆ ที่หลายท่านก็มีพื้นฐานความคิด
เห็นที่แตกต่างกัน


ในงานนี้ตั้งใจมาจากบ้านแล้วว่า จะมาฟังโดยไม่ได้ตั้งความหวังอะไรไว้มาก ระเบียบวาระก็ไม่มี เมื่อเข้าไป
ในห้องประชุมตึกสันติไมตรี ก็เห็นเพียงคำขวัญหรือคำนำติดไว้บนเวทีว่า "เดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย
พัฒนาประชาธิปไตย และประเทศร่วมกัน" เท่านั้น แต่ผลออกมาดีเกินคาด

ใน 5-6 ปีข้างหน้า ถ้าได้สักครึ่งหนึ่งก็พอใจแล้ว

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟซบุ๊คกับมติชนออนไลน์
www.facebook.com/MatichonOnline

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1377777584&grpid=01&catid=&subcatid=

Mr.H คิดว่าเยี่ยม


อ่านแล้ว  ก็เห็นถึงความตั้งใจอันเต็มเปี่ยมของผู้เข้าร่วมสัมนาทุกคน
เห็นถึงความตั้งใจของรัฐบาล ที่ต้องการยุติความขัดแย้งทางการเมือง
แล้ว  อย่างนี้ เพื่อนๆว่า  บทบาทของ ปชป.และ พธม.  ที่บอกว่า
นี่เป็นสภา "ปาหี่"  มันจะเรียกว่า อะไรดี

เขาตกขบวนไปแล้ว  ใช่ไหม  หากเรือ่งนี้เดินหน้าไปได้  ปชป. ก็จะโดดเดี่ยว
และเดียวดายไหม ?

ยังไง..ยังไง  ก็ขออวยปู  ค่ะ   นายกฯทำแต่งาน ไม่พูดมาก  ไม่โต้ตอบ  
หากคิดว่า ยังมีอะไร  ทีจะเสียดสี ถากถางกันได้อีก   ก็เชิญค่ะ   
เมื่อยอมรับกันแล้วว่า ดร.โกร่ง  พูดตรง ยำรัฐบาลไว้ก็มี   แล้ววันนี้เป็นไง  หัวเราะ

สาวแว่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่