สื่อมวลชน และสื่อกองทัพ ใต้ชายกระโปรงยิ่งลักษณ์? .... กวนน้ำให้ใส ..... สารส้ม .. แนวหน้าออนไลน์

กระทู้สนทนา
กรณีสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 “ฆ่าตัดตอนกลางอากาศ”
ในรายการ “ฮาร์ดคอข่าว” เมื่อวันพุธที่ 26 มิถุนายน 2556
ด้วยการตัดสกู๊ปรายงานข่าวความไม่ชอบมาพากลของ
บริษัท เค วอเตอร์(ที่เข้ามาได้รับงานบริหารจัดการน้ำมูลค่ากว่า
160,000 ล้านบาท) ขณะที่กำลังออกอากาศไปได้ไม่กี่วินาที

ตัดเข้าโฆษณาหน้าตาเฉยแถมกลับเข้ารายการมา
ก็ยังไม่มีการบอกกล่าวใดๆทำเสมือนหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้น

1) ก่อนหน้านี้ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ
กรรมการผู้อำนวยการใหญ่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 (ททบ.5) ชี้แจงว่า
“ผมยืนยัน 100% ว่า ไม่มีใครเข้ามาแทรกแซงหรือสั่งการใดๆ ทั้งสิ้น
ผมได้เรียกบรรณาธิการที่รับผิดชอบรายการดังกล่าวมาสอบสวนข้อเท็จจริง
ซึ่งทางบรรณาธิการยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
เพราะตัดสินใจด่วนที่นำสกู๊ปดังกล่าวมาเผยแพร่ ทั้งที่ควรตรวจสอบมากกว่านี้ก่อน
ผมได้กำชับว่า เรื่องที่เกิดขึ้นให้ถือเป็นบทเรียน ต้องไม่ให้เกิดความผิดพลาดอีก
การเสนอข่าว ททบ.5 ต้องมีความรอบคอบ เป็นไปตามนโยบายให้ถูกต้องชัดเจนและเชื่อถือได้
อย่าทำงานรีบร้อนต้องตรวจสอบให้ละเอียด ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งกำชับภายหลังทราบข่าวว่า การทำงานด้านข่าวต้องเชื่อถือได้
ไม่ใช่ทำแบบนี้ แต่ถือว่ายังโชคดีที่ระงับการออกอากาศทัน” - 27 มิ.ย. 2556
พูดเสมือนหนึ่งว่า สกู๊ปดังกล่าวผลิตผลงานห่วยแตก ไม่มีคุณภาพ ไม่ได้มาตรฐาน
ไม่รอบคอบ ตรวจสอบข้อมูลไม่ละเอียด!!!

2) ล่าสุด บริษัทโพสต์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) เจ้าของหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์
ผู้ผลิตรายการฮาร์ดคอ ข่าวร่วมกับ ททบ. 5 ได้ออกแถลงการณ์“กรณีช่อง 5
งดออกอากาศฮาร์ดคอข่าว” ยืนยันว่า“จากกรณีที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก
ช่อง 5 ได้งดการออกอากาศรายการฮาร์ดคอข่าวใน
ช่วงที่ 2 เมื่อวันพุธที่ 26 มิถุนายน 2556 ที่ผ่านมา
ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนในข้อเท็จจริงในการนำเสนอข่าวในประเด็น
โครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ของรัฐบาล จนเกิดกระแสข่าวว่า ทางบริษัท
นำเสนอข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริงหรือนำเสนอข่าวจากแหล่งข่าวที่ไม่น่าเชื่อถือจากสื่อโซเชียลนั้น
บริษัทโพสต์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) ขอชี้แจงว่า
ทางบริษัทให้ความสำคัญในการนำเสนอข่าวในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนที่ดี
และยึดหลักในการทำงานในวิชาชีพมาอย่างสม่ำเสมอตลอดระยะเวลา 67 ปี
ซึ่งทีมงานของโพสต์ทีวี.มีความตั้งใจในการนำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริง
ที่มีประโยชน์ต่อสาธารณชนและประเทศชาติอย่างสูงสุด
ในการเข้ามาช่วยผลิตในรายการฮาร์ดคอข่าว
และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางบริษัท ขอยืนยันว่าในการผลิต
รายงานพิเศษทั้ง 2 ช่วงในรายการเป็นไปตามขั้นตอนในการนำเสนองาน
ทั้งประเด็น บทสคริปต์ รวมถึงที่มาของแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือก่อนการผลิต
และหลังผลิต เพื่อออกอากาศจริงในแต่ละวันกับทางสถานีฯ
ดังนั้น การออกอากาศหรือการยุติการออกอากาศกลางครัน ถือเป็น
ดุลยพินิจของทางสถานีฯ โดยเหตุการณ์การยุติการออกอากาศที่เกิดขึ้น
ทางบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการตัดสินใจใดๆ ทั้งสิ้น
ซึ่งทางบริษัทจะขอยืนยันในการนำเสนอข่าวข้อเท็จจริงเพื่อประโยชน์
ต่อสาธารณชนและประเทศชาติต่อไป”
พูดง่ายๆ ว่า ยืนยันว่าตนเองผลิตสกู๊ปดังกล่าวอย่างได้คุณภาพ มีมาตรฐาน
ตรวจสอบข้อมูลรอบคอบและยังประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
การยุติการออกอากาศนั้น เป็นดุลพินิจของทาง ททบ.5 ฝ่ายเดียว

3) อันที่จริง เมื่อผู้ผลิตเขายืนยันว่าตนเองได้ทำงานอย่างรอบคอบ ตามกรอบวิชาชีพ
และพร้อมแสดงความรับผิดชอบเช่นนั้นแล้ว หาก ททบ.5 ให้ออกอากาศสกู๊ปดังกล่าวไป
โดยไม่เข้าไปแทรกแซง ตัดตอน หรือเซ็นเซอร์
แถมทำประเจิดประเจ้อถึงขนาด “ตัดกลางอากาศ” เสียอย่างนั้น

หากมีผู้ได้รับความเสียหายจากสกู๊ปดังกล่าว หรือสกู๊ปดังกล่าวกระทำผิดกฎหมาย
ก็อยู่ในข่ายที่จะถูกผู้เสียหายฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมายปกติ
ผู้ผลิตต้องรับผิดชอบ และก็ดูเหมือนเขาพร้อมรับผิดชอบตามกฎหมายอยู่แล้ว
ประชาชนก็จะได้รับข้อมูลข้อเท็จจริงครบถ้วน รอบด้าน มิใช่เฉพาะแต่ด้านที่ผู้บริหาร
ททบ.5 คิดเอาเองว่าปลอดภัยจากการถูกฟ้อง
หรือเอาแค่เท่าที่ตนอยากจะให้ประชาชนรู้เท่านั้น

4) งานนี้ น่าจะมีคนกระทำผิดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยอย่างแน่นอน
รัฐธรรมนูญ มาตรา 45 บัญญัติว่า
“...การห้ามหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอื่นเสนอข่าวสารหรือแสดงความคิดเห็นทั้งหมดหรือบางส่วน
หรือการแทรกแซงด้วยวิธีการใดๆ เพื่อลิดรอนเสรีภาพตามมาตรานี้ จะกระทำมิได้
เว้นแต่ได้อาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายซึ่งได้ตราขึ้นตามวรรคสอง
การนำข่าวหรือบทความไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจก่อนนำไปโฆษณาในหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอื่น
จะกระทำมิได้ เว้นแต่จะกระทำในระหว่างเวลาที่ประเทศอยู่ในภาวะสงคราม
แต่ทั้งนี้จะต้องกระทำโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายซึ่งได้ตราขึ้นตามวรรคสอง...”
รัฐธรรมนูญ มาตรา 46 บัญญัติว่า
“...การกระทำใดๆ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือเจ้าของกิจการ
อันเป็นการขัดขวางหรือแทรกแซงการเสนอข่าวหรือแสดงความคิดเห็น
ในประเด็นสาธารณะของบุคคลตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง
(คนทำงานสื่อ) ให้ถือเป็นการจงใจใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบและ
ไม่มีผลใช้บังคับเว้นแต่เป็นการกระทำเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย
หรือจริยธรรมแห่งการประกอบวิชาชีพ”
ไม่ว่าจะดูเหลี่ยมไหน มุมไหน งานนี้จะต้องมีคนทำผิดรัฐธรรมนูญแน่นอน
ผู้บริหาร ททบ.5 เป็นเจ้าหน้าที่รัฐแน่นอน
โดยเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำการขัดขวางหรือแทรกแซงการเสนอข่าว
หรือการแสดงความเห็นนั้น “ให้ถือเป็นการจงใจใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ”

5) น่าสังเกตว่า การคุกคาม แทรกแซง
กดดันการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์
ได้เพิ่มขึ้นอย่างมากมายในปัจจุบัน
ไม่ว่าจะเป็น การตัดละครเหนือเมฆ 2, การดูดเสียงละครแรงเงา,
การกดดันให้ปลดทนายวันชัย สอนศิริ ออกจากรายการวิทยุเอฟเอ็ม 101,
การปาระเบิดไทยรัฐและยกพลเสื้อแดงไปคุกคาม “ชัย ราชวัตร”,
การยกพวกเสื้อแดงไปกดดันเนชั่น, การบีบสื่อต่างชาติมิให้สัมภาษณ์ผู้นำฝ่ายค้าน,
การใช้เงินโฆษณาหน่วยงานของรัฐปรนเปรอสื่อที่เชลียร์รัฐบาล,
การใช้คนในรัฐบาลและสื่อขี้ข้ารัฐบาลใส่ร้ายป้ายสีสื่อที่ตรวจสอบรัฐบาล เช่น
บลูสกาย ทีนิวส์ ฯลฯดูเหมือนวิชามารเก่าๆ ที่เคยใช้เล่นงานสื่อในยุคทักษิณ
กำลังหวนกลับมาอีกแล้ว
งานวิจัยการแทรกแซงสื่อสาธารณะของรัฐบาลทักษิณ Reporter without borders
องค์กรเอกชนสาธารณประโยชน์ที่มุ่งส่งเสริมสิทธิเสรีภาพด้านการสื่อสาร
เคยรวบรวมข้อมูลช่วงปี 2544-2549 พบว่า
สิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนไทยลดลงอย่างรุนแรงในปี 2547-2548
และทักษิณเริ่มฟ้องร้องหมิ่นประมาทสื่อจำนวนมาก สั่งปิดวิทยุชุมชนที่วิจารณ์รัฐบาล
และในปี 2549 ของรัฐบาลทักษิณ มีผู้สื่อข่าวอย่างน้อย 6 คน ถูกทำร้ายร่างกาย
และอย่างน้อย 5 คน ที่เชื่อว่ารัฐบาลทักษิณกดดันให้ต้องลาออกจากตำแหน่ง
วิธีการแทรกแซงสื่อใน “ยุคทักษิณ 2” ที่เหิมเกริมในอำนาจมาก มีให้เห็น 24 วิธี
ได้แก่ 1.ขอร้อง เตือน พูดขู่ พูดท้าทายสื่อ, 2.เสียดสี ประชด เปรียบเปรย,
3.พูดสั่งสื่อ, 4.อ้างชาติ, 5.ลดความน่าเชื่อถือ, 6.ไม่ตอบคำถาม
หรือตอบไม่ตรงคำถาม, 7.ปั่นข่าว สร้างข่าวอื่นกลบ, 8.ใช้ตัวแทนในการแทรกแซง
(ร่างทรง), 9.ใช้ข้อมูลเท็จ,10.ฟ้องปิดปาก, 11.แทรกแซงการพูดของแหล่งข่าว,
12.แทรกแซงการบริหารงานของสื่อ,13.เข้าช่วงชิงความเป็นเจ้าของในระยะยาว,
14.แทรกแซงการเงิน การโฆษณาของสื่อ,15.แทรกแซงหน่วยงานอิสระ,
16.ละเว้นหลีกเลี่ยงที่จะใช้อำนาจ เพื่อส่งเสริมเสรีภาพ, 17.สั่งตรวจสอบองค์กรสื่อ
และสั่งค้นองค์กรสื่อ, 18.สั่งปิดองค์กรสื่อ,19.ห้ามจำหน่ายจ่ายแจก, 20.ใช้กฎหมาย
ระเบียบ หรือมติ ครม.สร้างกฎขึ้นมาใหม่,21.การใช้มวลชนปิดล้อมสื่อ,
22.การปาระเบิดใส่องค์กรสื่อ, 23.การขู่ฆ่าบุคลากรด้านสื่อและ
24.จัดตั้งผู้อ่าน เพื่อตอบโต้สื่อมีแต่รัฐบาลเผด็จการชั่วร้ายที่หวาดกลัวความจริง
สังคมที่นักการเมืองกำลังหว่านเพาะความหวาดกลัว เหลิงอำนาจ ฉ้อฉลในผลประโยชน์
สื่อมวลชนจะต้องยืนหยัด ปกป้องสิทธิที่จะรู้
และสะท้อนเสียงวิพากษ์วิจารณ์แทนประชาชน
อย่ามุดหัวใต้ชายกระโปรงยิ่งลักษณ์!

สารส้ม

http://www.naewna.com/politic/columnist/7424

ข่าว  ...ก็ชัดเจนแล้วว่า   เค วอเตอร์  มาจากไหน  น่าเชื่อถือไหม
ไม่มีใครเอามาเล่นเป็นประเด็นอีกแล้ว
หากสถานีของราชการ  นำข่าวดิสเครดิต  เค วอเตอร์  ออกมาโดยไม่ตรวจ
สอบข้อเท็จจริง  แบบไหน  จะเสียหายกว่ากัน
รัฐวิสาหกิจ ของรัฐบาลเกาหลี  โดนกล่าวหา  จากสถานีของรัฐบาลไทย
จะกวนน้ำให้ใส   หรือ  กวนให้ขุ่นกันแน่

ยังมาเล่นประเด็นนี้อยู่อีก แล้วยังโยงไปเรื่องสมัยโน้น ....
ตอนปชป. เป็นรัฐบาล  เว็บพันทิบ  เป็นยังไงกันบ้าง  เสรีแค่ไหน
ไม่ต้องไป มองไกลหรอก  เอาแค่เว็บ  ที่เราเป็นสมาชิกก็พอ ....
สมเป็นกระดาษเปื้อนหมึกจริงๆ
   หัวเราะ

สาวแว่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่