จาก 2 รูปนี้ ผมเอาจากกระทู้ของเพื่อนสมาชิก ในห้องนี้นะครับ
ก็อยากทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่า วิธีการคิดของสองแหล่งมีการคิดแบบไหน
จากภาพแรก ซึ่งเป็นข่าวที่ได้จากการให้สัมภาษณ์ของคุณบุญทรง หลังจากการประชุมกขช.เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน
ส่วนภาพสองเป็นของคุณวราเทพ
จะเห็นว่า ตัวเลขภาพแรกที่ยังตรง(ใกล้เคียง)กับแผ่นที่สอง ก็มีรายรับเท่านั้น แต่ตัวเลขค่าใช้จ่าย มองแล้วยังไงก็ไม่มีที่มาที่ไป โดยเฉพาะของกระทรวงพาณิชย์ เพราะลบกันแล้ว ทำให้ผลขาดทุนคลาดเคลื่อนไปไกล (เทียบข้อมูลคุณบุญทรง กับคุณวราเทพ)
ผมลองตัดภาพมาเปรียบเทียบให้ชัดเจน
ซึ่งคิดว่า แผ่นที่สองน่าจะมีที่มาที่ไป เข้าใจได้มากกว่า ก็เลยคิดว่า ลองไล่ดูทีละบรรทัด
เริ่มต้นจากข้อ 2 เป็นเงินที่ใช้ในการจำนำข้าวไป (เฉพาะค่าข้าว) มีจำนวน 118,656 ล้านบาท ซึ่งอันนี้ตรงกันของทั้งสองฝ่าย และก็ตรงกับข้อมูลในข่าวที่ผ่านมา ดังนั้น ก็น่าจะผ่านจุดนี้ได้
ไปที่ข้อ 3 เรื่องค่าใช้จ่าย ตัวเลขก็ตรงกันทั้งสองฝ่าย คือ 7,168 ล้านบาท อันนี้ ก็น่าจะผ่านได้ แต่อยากจะเปรียบเทียบกับข้อมูล ที่ครม.อนุมัติวงเงินไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โดยจากเอกสารข้างบน จะได้ว่า กระทรวงพาณิชย์ประมาณการไว้ว่า จะมีค่าใช้จ่ายในการจำนำข้าว ใน 4 หน่วยงาน คือ
1.ธกส. จะมีค่าใช้จ่ายขาด สำหรับวงเงินใช้รับจำนำข้าว 25 ล้านตัน จำนวน 14,882,41 ล้านบาท เมื่อแปลงเป็นจำนวน 6.9 ล้านตัน ก็ได้ตัวเลข 4,100 ล้านบาท
2.อตก.และอคส. มีค่าใช้จ่ายขาดสำหรับการจำนำข้าว 25 ล้านตัน 9,958.32 ล้านบาท แปลงเป็น 6.9 ล้านตันได้ตัวเลข 2,748 ล้านบาท
3.กรมการค้าภายใน มีค่าใช้จ่ายรวม 498 ล้านบาท
4.กรมส่งเสริมการเกษตร มีค่าใช้จ่ายรวม 209 ล้านบาท
ซึ่งเมื่อรวมทั้ง 4 หน่วยงาน ค่าใช้จ่ายที่คาดไว้ 7,555 ล้านบาท ก็ถือว่าใกล้เคียงกับที่จ่ายไปจริง แต่ให้ดี ก็คงต้องดูรายละเอียดวิธีคำนวณ โดยเฉพาะ ค่าใช้จ่าย ที่จ่ายผ่าน ธกส. และ อตก.กับอคส. ที่นอกจากเป็นค่าใช้จ่ายตามปริมาณข้าว และยังเป็นค่าใช้จ่ายที่ขึ้นกับระยะเวลาในการเก็บข้าวด้วย ดังนั้น การระบายข้าวที่ช้า ก็มีผลให้ค่าใช้จ่ายส่วนนี้เพิ่มขึ้น
ซึ่งถ้าค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ผลขาดทุนก็ต้องเพิ่มขึ้นด้วยแน่นอน
ไปที่ ข้อ 4 เป็นการรวมข้อ 2+3 ก็ต้องตรงกัน เพราะข้อ 2 กับ 3 ใช้ตัวเลขเดียวกัน ดังนั้น ตอนนี้ก็ต้องถือว่า รายจ่ายทั้งหมดของโครงการเป็นตัวเลข 125,823 ล้านบาท (มีโอกาสเพิ่มขึ้นตามค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น)
ไปที่ข้อ 5 ซึ่งเป็นตัวเลขค่าข้าวคงเหลือในสต๊อก ตัวเลขนี้คงต้องรอว่า จริง ๆ แล้วเหลือข้าวเท่าไหร่ แต่จากข้อมูลของคุณวราเทพ ผมจำไม่ได้ว่า อ่านจากที่ไหน บอกว่า ระบายข้าวไปแล้ว 1.69 ล้านตันข้าวสาร(แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่า ที่บอกระบายไป 1.69 ล้านตันนั้น เป็นวันไหน มกราคม หรือมิถุนายน เพราะลำพังที่ระบายไปด้วยการขาย รัฐต่อรัฐ ประมูล ขายให้หน่วยงานอื่นของรัฐ ที่ขายไปปีก่อน (2555) ตัวเลขก็สูงกว่าเลขนี้อยู่แล้ว) ดังนั้นจากที่ได้มา 4.3 ล้านตัน ก็แสดงว่า ข้าวอยู่ 2.6 ล้านตันข้าวสาร
ซึ่งถ้าดูตัวเลขสต๊อกคงเหลือ ของอนุฯปิดบัญชี จะเหลือ 48,500 ล้านบาท ถ้าหากคิดว่าเหลือข้าว 2.6 ล้านตัน ก็จะได้ค่าเฉลี่ยสินค้าคงเหลืออยู่ที่ ตันละ 18,653 บาท หรือคิดเป็นราคา 621 เหรียญ
ซึ่งตัวเลขปิดบัญชีนี้ คิดเมื่อ 31 มกราคม ซึ่งเมื่อย้อนไปดู ราคา FOB เฉลี่ยเดือนมกราคม ของข้าวขาว 5% จะอยู่ที่ 596 เหรียญ ถ้ามองว่าข้าวที่เหลือในเดือนมกราคม มีข้าวราคาแพงอยู่ด้วย ก็ถือว่า น่าจะใกล้เคียง
สรุปจุดนี้ ผมว่า ข้าวนาปี 54/55 ผลขาดทุนที่อนุฯ ปิดบัญชีคิดมา ที่ 43,123 ล้านบาท เป็นผลขาดทุนเมื่อสิ้นเดือนมกราคม 2556 เป็นตัวเลขที่มีที่มาที่ไป เข้าใจได้
แต่ต้องดูตัวเลขแต่ละตัวให้ชัด ๆ อีกทีว่า คิดยังไง
และเทียบกับการระบายข้าวที่ได้ขายไป ว่าขายอะไรไปแล้ว เหลืออะไรบ้าง ซึ่งน่าจะทำให้เข้าใจได้ชัดขึ้นว่า ผลขาดทุนที่ว่า เป็นผลขาดทุนสูงสุด ไม่มีทางเกินนี้แล้ว หรือว่า เป็นตัวเลขขาดทุนที่คาดไว้ในวันที่ 31 มกราคม เมื่อเวลาผ่านไป มีโอกาสขาดทุนมากขึ้นกันแน่
ปล.1 ถ้าสมมติยอมรับยอดนี้ ของอนุฯ ปิดบัญชี ก็น่าจะยอมรับ ตัวเลขของอนุฯ ปิดบัญชี ในยอดของนาปรัง 55 ที่ 93,993 ล้านบาท หรือรวมทั้งปีขาดทุน 136,896 ล้านบาท (ณ.วันที่ 31 มกราคม) ได้
ปล.2 อันนี้เป็นความเห็นผมเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2555 พูดถึงผลขาดทุนที่คาดไว้
_____________________________________
______________________________________
ผมคาดไว้ว่าจะขาดทุน 76,000+60,000 ล้านบาท หรือ 136,000 ล้านบาท
สรุปคือ ที่ผมแสดงความเห็นมาหลายเดือน ยืนบนข้อเท็จจริง ไม่ได้มั่ว
การปิดบัญชีจำนำข้าว นาปี 2554/55
จาก 2 รูปนี้ ผมเอาจากกระทู้ของเพื่อนสมาชิก ในห้องนี้นะครับ
ก็อยากทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่า วิธีการคิดของสองแหล่งมีการคิดแบบไหน
จากภาพแรก ซึ่งเป็นข่าวที่ได้จากการให้สัมภาษณ์ของคุณบุญทรง หลังจากการประชุมกขช.เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน
ส่วนภาพสองเป็นของคุณวราเทพ
จะเห็นว่า ตัวเลขภาพแรกที่ยังตรง(ใกล้เคียง)กับแผ่นที่สอง ก็มีรายรับเท่านั้น แต่ตัวเลขค่าใช้จ่าย มองแล้วยังไงก็ไม่มีที่มาที่ไป โดยเฉพาะของกระทรวงพาณิชย์ เพราะลบกันแล้ว ทำให้ผลขาดทุนคลาดเคลื่อนไปไกล (เทียบข้อมูลคุณบุญทรง กับคุณวราเทพ)
ผมลองตัดภาพมาเปรียบเทียบให้ชัดเจน
ซึ่งคิดว่า แผ่นที่สองน่าจะมีที่มาที่ไป เข้าใจได้มากกว่า ก็เลยคิดว่า ลองไล่ดูทีละบรรทัด
เริ่มต้นจากข้อ 2 เป็นเงินที่ใช้ในการจำนำข้าวไป (เฉพาะค่าข้าว) มีจำนวน 118,656 ล้านบาท ซึ่งอันนี้ตรงกันของทั้งสองฝ่าย และก็ตรงกับข้อมูลในข่าวที่ผ่านมา ดังนั้น ก็น่าจะผ่านจุดนี้ได้
ไปที่ข้อ 3 เรื่องค่าใช้จ่าย ตัวเลขก็ตรงกันทั้งสองฝ่าย คือ 7,168 ล้านบาท อันนี้ ก็น่าจะผ่านได้ แต่อยากจะเปรียบเทียบกับข้อมูล ที่ครม.อนุมัติวงเงินไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โดยจากเอกสารข้างบน จะได้ว่า กระทรวงพาณิชย์ประมาณการไว้ว่า จะมีค่าใช้จ่ายในการจำนำข้าว ใน 4 หน่วยงาน คือ
1.ธกส. จะมีค่าใช้จ่ายขาด สำหรับวงเงินใช้รับจำนำข้าว 25 ล้านตัน จำนวน 14,882,41 ล้านบาท เมื่อแปลงเป็นจำนวน 6.9 ล้านตัน ก็ได้ตัวเลข 4,100 ล้านบาท
2.อตก.และอคส. มีค่าใช้จ่ายขาดสำหรับการจำนำข้าว 25 ล้านตัน 9,958.32 ล้านบาท แปลงเป็น 6.9 ล้านตันได้ตัวเลข 2,748 ล้านบาท
3.กรมการค้าภายใน มีค่าใช้จ่ายรวม 498 ล้านบาท
4.กรมส่งเสริมการเกษตร มีค่าใช้จ่ายรวม 209 ล้านบาท
ซึ่งเมื่อรวมทั้ง 4 หน่วยงาน ค่าใช้จ่ายที่คาดไว้ 7,555 ล้านบาท ก็ถือว่าใกล้เคียงกับที่จ่ายไปจริง แต่ให้ดี ก็คงต้องดูรายละเอียดวิธีคำนวณ โดยเฉพาะ ค่าใช้จ่าย ที่จ่ายผ่าน ธกส. และ อตก.กับอคส. ที่นอกจากเป็นค่าใช้จ่ายตามปริมาณข้าว และยังเป็นค่าใช้จ่ายที่ขึ้นกับระยะเวลาในการเก็บข้าวด้วย ดังนั้น การระบายข้าวที่ช้า ก็มีผลให้ค่าใช้จ่ายส่วนนี้เพิ่มขึ้น
ซึ่งถ้าค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ผลขาดทุนก็ต้องเพิ่มขึ้นด้วยแน่นอน
ไปที่ ข้อ 4 เป็นการรวมข้อ 2+3 ก็ต้องตรงกัน เพราะข้อ 2 กับ 3 ใช้ตัวเลขเดียวกัน ดังนั้น ตอนนี้ก็ต้องถือว่า รายจ่ายทั้งหมดของโครงการเป็นตัวเลข 125,823 ล้านบาท (มีโอกาสเพิ่มขึ้นตามค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น)
ไปที่ข้อ 5 ซึ่งเป็นตัวเลขค่าข้าวคงเหลือในสต๊อก ตัวเลขนี้คงต้องรอว่า จริง ๆ แล้วเหลือข้าวเท่าไหร่ แต่จากข้อมูลของคุณวราเทพ ผมจำไม่ได้ว่า อ่านจากที่ไหน บอกว่า ระบายข้าวไปแล้ว 1.69 ล้านตันข้าวสาร(แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่า ที่บอกระบายไป 1.69 ล้านตันนั้น เป็นวันไหน มกราคม หรือมิถุนายน เพราะลำพังที่ระบายไปด้วยการขาย รัฐต่อรัฐ ประมูล ขายให้หน่วยงานอื่นของรัฐ ที่ขายไปปีก่อน (2555) ตัวเลขก็สูงกว่าเลขนี้อยู่แล้ว) ดังนั้นจากที่ได้มา 4.3 ล้านตัน ก็แสดงว่า ข้าวอยู่ 2.6 ล้านตันข้าวสาร
ซึ่งถ้าดูตัวเลขสต๊อกคงเหลือ ของอนุฯปิดบัญชี จะเหลือ 48,500 ล้านบาท ถ้าหากคิดว่าเหลือข้าว 2.6 ล้านตัน ก็จะได้ค่าเฉลี่ยสินค้าคงเหลืออยู่ที่ ตันละ 18,653 บาท หรือคิดเป็นราคา 621 เหรียญ
ซึ่งตัวเลขปิดบัญชีนี้ คิดเมื่อ 31 มกราคม ซึ่งเมื่อย้อนไปดู ราคา FOB เฉลี่ยเดือนมกราคม ของข้าวขาว 5% จะอยู่ที่ 596 เหรียญ ถ้ามองว่าข้าวที่เหลือในเดือนมกราคม มีข้าวราคาแพงอยู่ด้วย ก็ถือว่า น่าจะใกล้เคียง
สรุปจุดนี้ ผมว่า ข้าวนาปี 54/55 ผลขาดทุนที่อนุฯ ปิดบัญชีคิดมา ที่ 43,123 ล้านบาท เป็นผลขาดทุนเมื่อสิ้นเดือนมกราคม 2556 เป็นตัวเลขที่มีที่มาที่ไป เข้าใจได้
แต่ต้องดูตัวเลขแต่ละตัวให้ชัด ๆ อีกทีว่า คิดยังไง
และเทียบกับการระบายข้าวที่ได้ขายไป ว่าขายอะไรไปแล้ว เหลืออะไรบ้าง ซึ่งน่าจะทำให้เข้าใจได้ชัดขึ้นว่า ผลขาดทุนที่ว่า เป็นผลขาดทุนสูงสุด ไม่มีทางเกินนี้แล้ว หรือว่า เป็นตัวเลขขาดทุนที่คาดไว้ในวันที่ 31 มกราคม เมื่อเวลาผ่านไป มีโอกาสขาดทุนมากขึ้นกันแน่
ปล.1 ถ้าสมมติยอมรับยอดนี้ ของอนุฯ ปิดบัญชี ก็น่าจะยอมรับ ตัวเลขของอนุฯ ปิดบัญชี ในยอดของนาปรัง 55 ที่ 93,993 ล้านบาท หรือรวมทั้งปีขาดทุน 136,896 ล้านบาท (ณ.วันที่ 31 มกราคม) ได้
ปล.2 อันนี้เป็นความเห็นผมเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2555 พูดถึงผลขาดทุนที่คาดไว้
_____________________________________
______________________________________
ผมคาดไว้ว่าจะขาดทุน 76,000+60,000 ล้านบาท หรือ 136,000 ล้านบาท
สรุปคือ ที่ผมแสดงความเห็นมาหลายเดือน ยืนบนข้อเท็จจริง ไม่ได้มั่ว