ความเดิมตอนที่แล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://pantip.com/topic/30367768 บทนำ
http://pantip.com/topic/30369696 บทที่ 1 เจ้าชายขี่ม้าขาวกับสาวดำตับเป็ด
http://pantip.com/topic/30373309 บทที่ 2 แสบอสรพิษ
http://pantip.com/topic/30376466 บทที่ 3 ดาวดราม่า
http://pantip.com/topic/30393034 บทที่ 4 ชายปริศนาปรากฎ
http://pantip.com/topic/30397455 บทที่ 5 นายฝรั่งจิ้ม
http://pantip.com/topic/30420727 บทที่ 6 ใจละลาย
http://pantip.com/topic/30437954 บทที่ 7 งูเนื้อคู่
http://pantip.com/topic/30462369 บทที่ 8 อยากเก็บฝรั่งไว้ดองทั้งสองคน
http://pantip.com/topic/30489956 บทที่ 9 ลำตัดลัดฟ้า
http://pantip.com/topic/30490063 บทที่ 10 รักหรอก หรือ หลอกรัก
http://pantip.com/topic/30492274 บทที่ 11 จดหมายผิดซอง
http://pantip.com/topic/30505360 บทที่ 12 อเมริกาจ๋า
http://pantip.com/topic/30516892 บทที่ 13 มิครหมาหมู่





มาดามดำตับเป็ด
บทที่ 14
หลบหน่อยพระเอกมา

daoza555@thaimail.com คืออีเมลที่จิมมั่นใจว่าไม่ผิด เพราะว่าไม่มีการส่งตีกลับเหมือนอีเมล์อีกอันหนึ่งที่แม่ดาวให้ไว้ เป็นเวลาหลายเดือนที่เขายังคงส่งอีเมลหาดาวอยู่ตลอด ถึงแม้ว่าจะไม่มีการตอบกลับมาเลยก็ตาม
“ ไงจิม แกยังไม่เลิกส่่งe-mailอีกเหรอ ” ทอมเดินมาด้านหลังและตบที่หัวจิมเบาๆ จิมไม่ได้สนใจทอมเพราะกำลังตั้งหน้าตั้งตาพิมพ์อีเมลหาดาวเป็นภาษาไทยโดยใช้goolge translateเป็นตัวช่วย “ ไอจะส่งจนกว่าดาวจะตอบ never give up! ”
ทอมส่ายหัวด้วยความเวทนาเพื่อน “ ไอ้จิ้มเอ้ย ใครที่ไหนเค้าใช้คำว่าขอประทานโทษกันล่ะ อันนี้มันดูทางการไปหน่อย มานี่ ฉันแก้ให้ ” ทอมลงมานั่งข้างๆจิมและช่วยแก้คำผิดอีกหลายคำบนข้อความอีเมล “ อ่ะเสร็จแล้วพร้อมส่งได้เลย ” จิมยิ้มอย่างดีใจและกดส่งอีเมลทันที “ ไอหวังว่าดาวจะส่งกลับมาบ้างนะ” จิมพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสลดอย่างไร้ความหวัง
“ ฉันcheck e-mailก็ทุกวันนะ แต่ก็ไม่มีe-mailจากคุณดาวเลยเหมือนกัน ”
“ I think she ‘s still mad at me.”
“ คิดในแง่ดีไอ้จิ้ม เค้าอาจจะไม่ได้โกรธอย่างที่แกคิดก็ได้ แต่อาจจะยุ่งอยู่ก็ได้มั้ง , Anywayวันนี้ึคนไทยจัดงานอะไรสักอย่าง ยูจะไปไหมจิม ”
“ มีอะไรมาแสดงบ้างล่ะ ”
“ ไม่รู้เหมือนกัน ฉันแค่อยากไปหาของไทยอร่อยกิน, Are you interested? ”
“ ไอสนใจนะ แต่ขอคิดดูก่อนล่ะกัน It’s hurt to see Thai girl.”
“ ก็อย่ามองสาวไทยสิ มองแค่อาหารไทยพอไอ้จิ้ม ”
“ ไอขอแวะไปดูร้านดีกว่า ถ้าไม่ยุ่งอะไรไอก็ตามไปนะ ”
“ งั้นฉันจะแวะไปซื้อของที่downtownก่อนล่ะกัน จะออกไปพร้อมกันไหม ”
“ ไม่อ่ะ รถคงติด ไอนั่งMetro Busไปนิดเดียวก็ถึง ”

แอ้มเดินตรงปรี่มาที่ย่าแอ๋วและยายม้วนอย่างรีบร้อน เธอยกมือไหว้อย่างลวกๆและมองซ้ายมองขวาอย่างมีพิรุธ พอในจังหวะที่โรงแรมกำลังพลุกพล่านไปด้วยแขกที่มาพักใหม่ เธอก็รีบพาคนแก่ทั้งสองออกมาอย่างรวดเร็ว สถานที่ที่แอ้มพามามันไม่ใช่หน้าโรงแรมหรือลานจอดรถ แต่มันคือด้านข้างโรงแรม
“ ทำไมรถจอดซะไกลขนาดนี้ล่ะอีหนู นี่ข้าเหนื่อยนะเนี้ย” ย่าแอ๋วย่อตัวด้วยความเหนื่อยและนวดเข่าตัวเองแก้อาการปวดยอก แอ้มไม่ได้สนใจคำพูดของย่าแอ๋ว เธอกำลังมองไปที่ทางออกอย่างกระวนกระวาย “ หนูแอนนี่จ้ะ ไปเอารถมารับตรงนี้ได้ไหม ยายก็เริ่มยอกเหมือนกัน” ยายม้วนถามแอ้ม เพราะก็รู้สึกปวดเข่าไม่ต่างจากย่าแอ๋ว
“ โฮ้ย! รถไม่มีหรอก! ” แอ้มตอบไปด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด แต่พอเห็นยายม้วนทำหน้าตกใจ เธอก็กลับมาทำหน้ายิ้มแย้มใส่ และใช้น้ำเสียงที่หวานนอบน้อมพูดกลบเกลื่อน “ อุ้ยขอโทษค่ะ เอ่อ..คือว่า...แอ้มหงุดหงิดเรื่องรถเนี้ยล่ะค่ะ มีคนใช้รถหมดเลย เราก็เลยต้องนั่งSubwayเอา ที่แอ้มพาเดินมาตรงนี้ก็เพราะมันเป็นทางลัดน่ะค่ะ”
สองหญิงชราไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับท่าทางแปลกของแอ้ม ทั้งย่าแอ๋วและยายม้วนได้แต่มองหน้ากันด้วยความงง เพราะไม่เข้าใจว่า’subway’คืออะไร ย่าแอ๋วเลยเป็นตัวแทนถามแอ้มให้หายสงสัย “ อีหนูเอ้ย ไอ้สับเวนี่มันคืออะไร มันเป็นยี่ห้อรถเครื่องเรอะ ”
แอ้มแอบหัวเราะในลำคอเบาๆด้วยความสมเพช เธอไม่ต้องการจะอธิบายหรือออกเสียงที่ถูกต้องให้รู้ เพราะมันจะทำให้ย่าแอ๋วฉลาดเกินไป แต่เธอก็แสร้งยิ้มแสดงทีท่าว่าเอ็นดูย่าแอ๋ว “ มันก็เหมือนรถใต้ดินบ้านเราเนี้ยล่ะค่ะ ”
“ เออ เออ เอาไงก็เอา ข้าไม่เรื่องมาก ข้าหายยอกแหละ ไปกันเลยก็ได้อีหนู ”
“ นังแอ๋ว นั่งพักตดยังไม่ทันหายเหม็นเลย เดี๋ยวก่อนสิวะ”
“ ถ้าเราช้า รถอีกเที่ยวก็อีกห้าชั่วโมงเลยนะคะยายม้วน ” แอ้มพยายามให้ข้อมูลเกินจริงเพื่อกระตุ้นให้สองหญิงแก่รู้สึกกังวลใจและกระวีกระวาดมากขึ้น
“ จ้ะ จ้ะ ไปกันเลยก็ได้ ว่าแต่มันอีกไกลไหมล่ะแอนนี่ ”
“ จากตรงนี้เดินไปSubwayระยะทางก็แค่สามบล็อคเองค่ะ ”
“ สามบ้งสามบล็อกที่ว่ามันไกลแค่ไหนล่ะ ข้ากับนังม้วนแก่แล้ว เดินมากๆเดี๋ยวก็ยอกอีก ”
“ โอ๊ย ก็ประมาณสามร้อยกว่าเมตรเองค่ะ ”
พอพูดจบแอ้มก็เดินลิ่วนำหน้าโดยไม่รอสองผู้เฒ่าที่อยู่ข้างหลังเลย ทั้งย่าแอ๋วและยายม้วนก็พยายามเดินเร่งฝีเท้าตามแอ้มให้ทัน สามบล็อคที่บอกมันไม่ใช่แค่สามร้อยกว่าเมตร แต่มันคือสามแยกไฟแดงไปสามช่วงตึก ถ้าเดินกันเรื่อยๆอาจไม่เหนื่อยมาก แต่ถ้าเดินแบบเร่งรีบก็จะทำให้หอบได้เหมือนกัน โดยเฉพาะคนชราวัยแปดสิบอัพอย่างย่าแอ๋วและยายม้วน
เมื่อสองหญิงชราขอนั่งพัก แอ้มก็จะทำสีหน้าเหวี่ยงใส่และกดดันเรื่องเวลา แต่ไม่ทันที่จะพักให้หายเหนื่อยก็ต้องรีบเดินต่อเพราะสองหญิงชรากลัวว่าจะทำเสียงาน คนที่มีอาการปวดข้อเข่ามากที่สุดก็คือยายม้วน ย่าแอ๋วก็เลยใช้เสปรย์ฉีดกล้ามเนื้อของตัวเองฉีดให้เข่าของยายม้วนด้วย ซึ่งจริงๆแล้วยายม้วนก็มี แต่แกล้งบอกว่าลืมเอามาเพราะไม่อยากใช้ของตัวเองให้เปลือง

เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงก็ยังไม่มีวี่แววของย่าแอ๋วและยายม้วนมาถึงที่งาน โดยปกติใช้เวลาขับรถจากโรงแรมมาถึงที่งานก็แค่สิบห้านาทีเท่านั้น ดาวรู้สึกเป็นห่วงจึงออกไปยืนรอที่ทางเข้า น้าจุ๋มที่เพิ่งเสร็จธุระจากด้านในก็เดินตามออกมาดูด้วยความเป็นห่วงเหมือนกัน “ เอ..น้าส่งคนไปรับนานแล้วนะ แปลกนะทำไมยังมาไม่ถึงสักที ”
“ น้าจุ๋มมีเบอร์ติดต่อคนขับรถไหมคะ ”
“ น้าไม่มีเบอร์ซะด้วยสิ เพราะว่าเป็นเด็กของคุณน้อยเค้า ”
“ เด็กพี่น้อยงั้นเหรอคะ ” ดาวรู้สึกใจหายวาบทันทีที่รู้ว่าคนที่ไปรับสองหญิงชราเป็นเด็กของพี่น้อย เธอหันกลับไปมองตรงจุดที่พี่น้อยยืนอยู่เพื่อจับพิรุธ แต่พี่น้อยก็ไม่ได้มีท่าที่ผิดปกติอะไร
“ เดี๋ยวก็มามั้งดาว..นั่นไงพูดถึงก็มาพอดี ” คนขับรถเดินจ้ำอ้าวมาด้วยความกระหืดกระหอบ สีหน้าของชายผู้นั้นดูตึงเครียดเหมือนมีเรื่องไม่สู้ดีเกิดขึ้น ชายคนนั้นเดินมาคนเดียวโดยไร้วี่แววของหญิงชรา น้าจุ๋มเลยถามด้วยความกังวล “ ว่าไง ย่าแอ๋วและยายม้วนอยู่ไหนล่ะ ”
“ เอ่อ..คือ..หาไม่เจอครับ ผมไปรออยู่ตั้งนานที่โรงแรม พอถามคนที่ล็อบบี้เค้าก็บอกว่าออกมาแล้ว ” ชายคนขับรถพูดอึกอักและไม่กล้าสบตาน้าจุ๋มหรือแม้กระทั่งดาว
“ ออกมากับใคร ”
“ ไม่รู้ครับ แต่..มีพนักงงานคนหนึ่งที่เดินทางมาทำงาน เขาบอกว่าสวนกับย่าแอ๋วกับยายม้วนที่ทางขึ้นลงซับเวครับ ”
“ subway! ใครพาไป ไปกันได้ยังไงกัน ”
“ อันนี้ผมไม่ทราบครับ พนักงานคนนั้นเห็นแค่ย่าแอ๋วและยายม้วน ”
“ น้าจุ๋มคะ เราจะทำยังไงกันดีคะ สองคนนั้นไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษได้เลยนะคะ”
“ น้าว่าสองคนนั้นอาจจะไม่ได้ไปไหนไกลหรอก เพราะคงจะซื้อตั๋วกันไม่ถูก แต่น้ากลัวว่าแกสองคนจะเดินกลับขึ้นมาผิดทาง และก็เดินงงหลงไปหลงมารอบเมืองน่ะสิ ”
“ งั้นดาวขอออกไปตามหานะคะ ”
“ โอเคเดี๋ยวน้าไปด้วย เรายังพอมีเวลาเหลืออยู่ งั้นเดี๋ยวน้าไปเอากระเป๋าก่อนนะ ”
[[[มีต่อด้านล่างค่ะ>>>>>
มาดามดำตับเป็ด: บทที่14 : หลบหน่อยพระเอกมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มาดามดำตับเป็ด
บทที่ 14
หลบหน่อยพระเอกมา
daoza555@thaimail.com คืออีเมลที่จิมมั่นใจว่าไม่ผิด เพราะว่าไม่มีการส่งตีกลับเหมือนอีเมล์อีกอันหนึ่งที่แม่ดาวให้ไว้ เป็นเวลาหลายเดือนที่เขายังคงส่งอีเมลหาดาวอยู่ตลอด ถึงแม้ว่าจะไม่มีการตอบกลับมาเลยก็ตาม
“ ไงจิม แกยังไม่เลิกส่่งe-mailอีกเหรอ ” ทอมเดินมาด้านหลังและตบที่หัวจิมเบาๆ จิมไม่ได้สนใจทอมเพราะกำลังตั้งหน้าตั้งตาพิมพ์อีเมลหาดาวเป็นภาษาไทยโดยใช้goolge translateเป็นตัวช่วย “ ไอจะส่งจนกว่าดาวจะตอบ never give up! ”
ทอมส่ายหัวด้วยความเวทนาเพื่อน “ ไอ้จิ้มเอ้ย ใครที่ไหนเค้าใช้คำว่าขอประทานโทษกันล่ะ อันนี้มันดูทางการไปหน่อย มานี่ ฉันแก้ให้ ” ทอมลงมานั่งข้างๆจิมและช่วยแก้คำผิดอีกหลายคำบนข้อความอีเมล “ อ่ะเสร็จแล้วพร้อมส่งได้เลย ” จิมยิ้มอย่างดีใจและกดส่งอีเมลทันที “ ไอหวังว่าดาวจะส่งกลับมาบ้างนะ” จิมพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสลดอย่างไร้ความหวัง
“ ฉันcheck e-mailก็ทุกวันนะ แต่ก็ไม่มีe-mailจากคุณดาวเลยเหมือนกัน ”
“ I think she ‘s still mad at me.”
“ คิดในแง่ดีไอ้จิ้ม เค้าอาจจะไม่ได้โกรธอย่างที่แกคิดก็ได้ แต่อาจจะยุ่งอยู่ก็ได้มั้ง , Anywayวันนี้ึคนไทยจัดงานอะไรสักอย่าง ยูจะไปไหมจิม ”
“ มีอะไรมาแสดงบ้างล่ะ ”
“ ไม่รู้เหมือนกัน ฉันแค่อยากไปหาของไทยอร่อยกิน, Are you interested? ”
“ ไอสนใจนะ แต่ขอคิดดูก่อนล่ะกัน It’s hurt to see Thai girl.”
“ ก็อย่ามองสาวไทยสิ มองแค่อาหารไทยพอไอ้จิ้ม ”
“ ไอขอแวะไปดูร้านดีกว่า ถ้าไม่ยุ่งอะไรไอก็ตามไปนะ ”
“ งั้นฉันจะแวะไปซื้อของที่downtownก่อนล่ะกัน จะออกไปพร้อมกันไหม ”
“ ไม่อ่ะ รถคงติด ไอนั่งMetro Busไปนิดเดียวก็ถึง ”
แอ้มเดินตรงปรี่มาที่ย่าแอ๋วและยายม้วนอย่างรีบร้อน เธอยกมือไหว้อย่างลวกๆและมองซ้ายมองขวาอย่างมีพิรุธ พอในจังหวะที่โรงแรมกำลังพลุกพล่านไปด้วยแขกที่มาพักใหม่ เธอก็รีบพาคนแก่ทั้งสองออกมาอย่างรวดเร็ว สถานที่ที่แอ้มพามามันไม่ใช่หน้าโรงแรมหรือลานจอดรถ แต่มันคือด้านข้างโรงแรม
“ ทำไมรถจอดซะไกลขนาดนี้ล่ะอีหนู นี่ข้าเหนื่อยนะเนี้ย” ย่าแอ๋วย่อตัวด้วยความเหนื่อยและนวดเข่าตัวเองแก้อาการปวดยอก แอ้มไม่ได้สนใจคำพูดของย่าแอ๋ว เธอกำลังมองไปที่ทางออกอย่างกระวนกระวาย “ หนูแอนนี่จ้ะ ไปเอารถมารับตรงนี้ได้ไหม ยายก็เริ่มยอกเหมือนกัน” ยายม้วนถามแอ้ม เพราะก็รู้สึกปวดเข่าไม่ต่างจากย่าแอ๋ว
“ โฮ้ย! รถไม่มีหรอก! ” แอ้มตอบไปด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด แต่พอเห็นยายม้วนทำหน้าตกใจ เธอก็กลับมาทำหน้ายิ้มแย้มใส่ และใช้น้ำเสียงที่หวานนอบน้อมพูดกลบเกลื่อน “ อุ้ยขอโทษค่ะ เอ่อ..คือว่า...แอ้มหงุดหงิดเรื่องรถเนี้ยล่ะค่ะ มีคนใช้รถหมดเลย เราก็เลยต้องนั่งSubwayเอา ที่แอ้มพาเดินมาตรงนี้ก็เพราะมันเป็นทางลัดน่ะค่ะ”
สองหญิงชราไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับท่าทางแปลกของแอ้ม ทั้งย่าแอ๋วและยายม้วนได้แต่มองหน้ากันด้วยความงง เพราะไม่เข้าใจว่า’subway’คืออะไร ย่าแอ๋วเลยเป็นตัวแทนถามแอ้มให้หายสงสัย “ อีหนูเอ้ย ไอ้สับเวนี่มันคืออะไร มันเป็นยี่ห้อรถเครื่องเรอะ ”
แอ้มแอบหัวเราะในลำคอเบาๆด้วยความสมเพช เธอไม่ต้องการจะอธิบายหรือออกเสียงที่ถูกต้องให้รู้ เพราะมันจะทำให้ย่าแอ๋วฉลาดเกินไป แต่เธอก็แสร้งยิ้มแสดงทีท่าว่าเอ็นดูย่าแอ๋ว “ มันก็เหมือนรถใต้ดินบ้านเราเนี้ยล่ะค่ะ ”
“ เออ เออ เอาไงก็เอา ข้าไม่เรื่องมาก ข้าหายยอกแหละ ไปกันเลยก็ได้อีหนู ”
“ นังแอ๋ว นั่งพักตดยังไม่ทันหายเหม็นเลย เดี๋ยวก่อนสิวะ”
“ ถ้าเราช้า รถอีกเที่ยวก็อีกห้าชั่วโมงเลยนะคะยายม้วน ” แอ้มพยายามให้ข้อมูลเกินจริงเพื่อกระตุ้นให้สองหญิงแก่รู้สึกกังวลใจและกระวีกระวาดมากขึ้น
“ จ้ะ จ้ะ ไปกันเลยก็ได้ ว่าแต่มันอีกไกลไหมล่ะแอนนี่ ”
“ จากตรงนี้เดินไปSubwayระยะทางก็แค่สามบล็อคเองค่ะ ”
“ สามบ้งสามบล็อกที่ว่ามันไกลแค่ไหนล่ะ ข้ากับนังม้วนแก่แล้ว เดินมากๆเดี๋ยวก็ยอกอีก ”
“ โอ๊ย ก็ประมาณสามร้อยกว่าเมตรเองค่ะ ”
พอพูดจบแอ้มก็เดินลิ่วนำหน้าโดยไม่รอสองผู้เฒ่าที่อยู่ข้างหลังเลย ทั้งย่าแอ๋วและยายม้วนก็พยายามเดินเร่งฝีเท้าตามแอ้มให้ทัน สามบล็อคที่บอกมันไม่ใช่แค่สามร้อยกว่าเมตร แต่มันคือสามแยกไฟแดงไปสามช่วงตึก ถ้าเดินกันเรื่อยๆอาจไม่เหนื่อยมาก แต่ถ้าเดินแบบเร่งรีบก็จะทำให้หอบได้เหมือนกัน โดยเฉพาะคนชราวัยแปดสิบอัพอย่างย่าแอ๋วและยายม้วน
เมื่อสองหญิงชราขอนั่งพัก แอ้มก็จะทำสีหน้าเหวี่ยงใส่และกดดันเรื่องเวลา แต่ไม่ทันที่จะพักให้หายเหนื่อยก็ต้องรีบเดินต่อเพราะสองหญิงชรากลัวว่าจะทำเสียงาน คนที่มีอาการปวดข้อเข่ามากที่สุดก็คือยายม้วน ย่าแอ๋วก็เลยใช้เสปรย์ฉีดกล้ามเนื้อของตัวเองฉีดให้เข่าของยายม้วนด้วย ซึ่งจริงๆแล้วยายม้วนก็มี แต่แกล้งบอกว่าลืมเอามาเพราะไม่อยากใช้ของตัวเองให้เปลือง
เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงก็ยังไม่มีวี่แววของย่าแอ๋วและยายม้วนมาถึงที่งาน โดยปกติใช้เวลาขับรถจากโรงแรมมาถึงที่งานก็แค่สิบห้านาทีเท่านั้น ดาวรู้สึกเป็นห่วงจึงออกไปยืนรอที่ทางเข้า น้าจุ๋มที่เพิ่งเสร็จธุระจากด้านในก็เดินตามออกมาดูด้วยความเป็นห่วงเหมือนกัน “ เอ..น้าส่งคนไปรับนานแล้วนะ แปลกนะทำไมยังมาไม่ถึงสักที ”
“ น้าจุ๋มมีเบอร์ติดต่อคนขับรถไหมคะ ”
“ น้าไม่มีเบอร์ซะด้วยสิ เพราะว่าเป็นเด็กของคุณน้อยเค้า ”
“ เด็กพี่น้อยงั้นเหรอคะ ” ดาวรู้สึกใจหายวาบทันทีที่รู้ว่าคนที่ไปรับสองหญิงชราเป็นเด็กของพี่น้อย เธอหันกลับไปมองตรงจุดที่พี่น้อยยืนอยู่เพื่อจับพิรุธ แต่พี่น้อยก็ไม่ได้มีท่าที่ผิดปกติอะไร
“ เดี๋ยวก็มามั้งดาว..นั่นไงพูดถึงก็มาพอดี ” คนขับรถเดินจ้ำอ้าวมาด้วยความกระหืดกระหอบ สีหน้าของชายผู้นั้นดูตึงเครียดเหมือนมีเรื่องไม่สู้ดีเกิดขึ้น ชายคนนั้นเดินมาคนเดียวโดยไร้วี่แววของหญิงชรา น้าจุ๋มเลยถามด้วยความกังวล “ ว่าไง ย่าแอ๋วและยายม้วนอยู่ไหนล่ะ ”
“ เอ่อ..คือ..หาไม่เจอครับ ผมไปรออยู่ตั้งนานที่โรงแรม พอถามคนที่ล็อบบี้เค้าก็บอกว่าออกมาแล้ว ” ชายคนขับรถพูดอึกอักและไม่กล้าสบตาน้าจุ๋มหรือแม้กระทั่งดาว
“ ออกมากับใคร ”
“ ไม่รู้ครับ แต่..มีพนักงงานคนหนึ่งที่เดินทางมาทำงาน เขาบอกว่าสวนกับย่าแอ๋วกับยายม้วนที่ทางขึ้นลงซับเวครับ ”
“ subway! ใครพาไป ไปกันได้ยังไงกัน ”
“ อันนี้ผมไม่ทราบครับ พนักงานคนนั้นเห็นแค่ย่าแอ๋วและยายม้วน ”
“ น้าจุ๋มคะ เราจะทำยังไงกันดีคะ สองคนนั้นไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษได้เลยนะคะ”
“ น้าว่าสองคนนั้นอาจจะไม่ได้ไปไหนไกลหรอก เพราะคงจะซื้อตั๋วกันไม่ถูก แต่น้ากลัวว่าแกสองคนจะเดินกลับขึ้นมาผิดทาง และก็เดินงงหลงไปหลงมารอบเมืองน่ะสิ ”
“ งั้นดาวขอออกไปตามหานะคะ ”
“ โอเคเดี๋ยวน้าไปด้วย เรายังพอมีเวลาเหลืออยู่ งั้นเดี๋ยวน้าไปเอากระเป๋าก่อนนะ ”
[[[มีต่อด้านล่างค่ะ>>>>>