เงินเป็นของคุณ แต่อาหารเป็นทรัพยากรของโลก

กระทู้สนทนา
มีพรรคพวกส่งฟอร์เวิร์ดเมล์นี้มาให้นานแล้ว  ชอบอ่าน และเอาไปสอนน้องๆ ต่อโดยใช้ประโยคที่ตั้งเป็นชื่อเรื่องนี้แทน
เพราะน้องๆ ที่ทำงาน ทุกคน ขอย้ำทุกคน กินทิ้งกินขว้างกันมาก มากมาย และกินยากเย็นแสนเข็ญ ไม่ยอมกินอะไรที่ไม่เคยกินเลย

ที่ทำงานตอนกลางวันรับปิ่นโตอาหารทุกวัน ซึ่งเป็นเจ้าที่พวกเขาเลือกกันเอง แต่ก็ทิ้งทุกวัน เพราะคำว่า "ก็หนูกินไม่เป็นนี่คะ" "หนูไม่เคยกินค่ะ" "บ้านผม ไม่เป็นแบบนี้ ผมไม่กินหรอกครับ" ฯลฯ ฯลฯ  เด็กพวกนี้ไม่ใช่ลูกเศรษฐี ทุกคนมาจากครอบครัวระดับกลางถึงล่างที่ต่างต้องหากิน เหลือเก็บนิดหน่อย แต่ทำไมเลือกอาหาร และตักอาหารแล้วทานไม่หมด ทิ้งขว้างอย่างน่าเสียดาย และน่าละอาย แต่พวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย ทิ้ง ทิ้ง ทิ้ง เถอะ เพราะไม่มีใครกินแล้ว เด็กพวกนี้ เห็นการหอบอาหารกลับไปทานมื้อต่อไป เป็นเรื่องน่าละอายมากกว่าการทิ้งอาหารนั้นลงถังขยะ เห็นการนำอาหารใส่กล่องจากบ้านมาทานเป็นเรื่องน่าอดสู เห็นการหิ้วปิ่นโตมาจากบ้านเป็นเรื่องตลก และการซื้อจากร้านข้างทางหิ้วใส่ถุงพลาสติคเป็นเรื่องน่ายินดีกว่า

บางครั้งพาไปทานกลางวันนอกที่ทำงาน ร้านก็พวกเขาเลือกกันเอง แต่พอสั่งมา ไม่เคยทานหมด เหลือบานเบอะทุกครั้ง เพราะถ้าทานเกลี้ยงจะเสียมารยาท (มารยาทชาติไหนสอนกันนะ)

เคยถามว่าทำไมกินทิ้งขว้างแบบนี้ แทบทุกคนยอมรับว่า1)ไม่มีใครสอน และ 2)สอนแต่ไม่สน เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องส่วนต้ว จึงเล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนฟัง ก็ได้ผล เพราะจาก 8คน มีน้องแค่คนเดียว เปลี่ยนความคิด แค่นี้ก็คุ้มสุดสุดแล้ว

จึงนำมาแชร์ให้คนที่ไม่เคยอ่านได้รับทราบบ้าง.... ดังนี้ ...

" .....เงินทองเป็นของคุณก็จริง แต่ทรัพยากรนั้นเป็นสมบัติของสังคมส่วนรวม +++

เยอรมันเป็นประเทศซึ่งพัฒนาอุตสาหกรรมไปไกลแล้ว ประเทศนี้ เป็นผู้ผลิตสินค้าชั้นนำอย่างเช่น เบนซ์ บีเอ็มดับเบิลยู ซีเมนส์ เป็นต้น ปั๊มพ์ที่ใช้ในเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ผลิตขึ้นในเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งของประเทศนี้  
ในประเทศซึ่งมีการพัฒนาไปไกลเช่นนี้ คนส่วนใหญ่คงคิดว่า ประชาชนชาวเยอรมันจะใช้ชีวิตที่หรูหรา อย่างน้อย
นั่นเป็นความรู้สึกของผมก่อนเดินทางไปศึกษาดูงานที่นั่นเมื่อผมเดินทางถึงแฮมเบิร์ก เพื่อนร่วมชาติซึ่งทำงานอยู่ที่นั่นจัดให้มีการเลี้ยงต้อนรับผมที่ภัตตาคาร
ขณะที่เราเดินเข้าไปในภัตตาคาร เราพบว่าโต๊ะจำนวนมากว่างอยู่ มีโต๊ะหนึ่งมีหนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังนั่งกินอาหารกันอยู่ บนโต๊ะของทั้งคู่ มีอาหารอยู่เพียงสองจาน และเบียร์อีกสองกระป๋อง
ผมคิดสงสัยอยู่ในใจ ว่าอาหารมื้อง่ายๆอย่างนี้ จะทำให้เกิดบรรยากาศโรแมนติคขึ้นได้อย่างไร และสาวน้อยคนนี้ คงจะเลิกคบกับไอ้หนุ่มขี้เหนียวคนนั้นหรือไม่ ?
มีหญิงสาวสูงอายุอีกสองสามคนนั่งอยู่อีกโต๊ะหนึ่ง เมื่อคนเสิร์ฟนำอาหารมาบริการ เขาจะทำการแบ่งอาหารให้กับหญิงสาวเหล่านั้น และ ทุกคนจะกินอาหารจนหมดสิ้น ไม่มีเศษเหลืออยู่บนจานให้เห็น
พวกเราไม่ได้ให้ความสนใจกับหญิงสาวเหล่านั้นมากนัก เพราะเรากำลังนั่งรออาหารซึ่งได้สั่งไปแล้ว
เพื่อนคนนั้น สั่งอาหารไว้หลายจาน เพราะเราต่างกำลังหิวอาหารเสิร์ฟออกมาได้เร็ว คงเป็นเพราะภัตตาคารมีแขกน้อย เราใช้เวลาในการกินอาหารเย็นมื้อนั้นไม่นาน  ทั้งนี้เพราะเรายังมีกิจกรรมอื่นรออยู่ ขณะที่เราลุกออกจากโต๊ะ ยังมีอาหารซึ่งกินไม่หมดเหลืออยู่อีกราวหนึ่งในสามส่วน
ขณะที่พวกเรากำลังเดินออกจากภัตาคาร เราได้ยินเสียงใครเรียกพวกเราอยู่ เราสังเกตุเห็นว่า หญิงสาวสูงอายุกำลังพูดกับเจ้าของภัตาคารเกี่ยวกับพวกเรา เมื่อพวกเขาเริ่มพูดกับเราเป็นภาษาอังกฤษ
เราจึงเข้าใจว่า พวกเขาต่างไม่พอใจที่พวกเราทิ้งอาหารไว้มากเช่นนั้น เรารู้สึกในทันทีว่า พวกเขา เข้ามายุ่มย่ามเกินกว่าเหตุ
“ พวกเราจ่ายค่าอาหารแล้ว มันไม่ใช่ธุระของพวกคุณ ว่าเรากินอาหารไม่หมดแล้วเหลืออยู่เท่าไร ”
เพื่อนของเราคนหนึ่งชื่อ กุย ( Gui) บอกกับหญิงสูงอายุเหล่านั้น  หญิงสาวเหล่านั้นรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที คนหนึ่งในนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วต่อสายเพื่อพูดกับใครบางคน
ไม่นานหลังจากนั้น ชายในชุดยูนิฟอร์มก็มาถึง  โดยแสดงตัวว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่จากองค์การสวัสดิการสังคม ( Social Security organization)
ภายหลังจากฟังความจนเข้าใจว่า มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
เขาก็สั่งปรับพวกเราเป็นเงิน 50 มาร์ค พวกเราทุกคนต่างเงียบกริบ เพื่อนซึ่งอยู่ในเมืองนี้หยิบเงิน 50 มาร์คส่งให้ไป พร้อมกับกล่าวขอโทษขอโพยต่อเจ้าหน้าที่หลายครั้ง.     เจ้าหน้าที่ผู้นั้นกล่าวกับเรา ด้วยน้ำเสียงที่เข้มงวดว่า
“ สั่งอาหารเท่าที่พวกคุณจะสามารถกินได้หมด เงินทองอาจจะเป็นของคุณ แต่ทรัพยากรนั้นเป็นสมบัติส่วนรวมมีคนอีกจำนวนมากในโลกนี้ ที่ยังขาดแคลนทรัพยากร พวกคุณไม่มีเหตุผล ที่จะใช้ทรัพยากรอย่างทิ้งๆขว้างๆ ”  สีหน้าพวกเราเปลี่ยนเป็นสีแดง พวกเราเห็นด้วยกับคำพูดของเขาหมดทั้งหัวใจ ทัศนคติของผู้คนในประเทศร่ำรวยแห่งนี้ทำให้พวกเรารู้สึกละอาย เราต้องทบทวนพิจารณาตัวเองกันจริงๆในประเด็นนี้ พวกเรามาจากประเทศซึ่งมีทรัพยากรไม่อุดมสมบูรณ์นัก  เพื่อรักษาหน้าตาตัวเอง เราจึงสั่งอาหารมามากๆ และพวกเรามักสั่งกันจนเหลือในยามที่เลี้ยงผู้อื่น บทเรียนนี้ สอนเราให้คิดอย่างจริงจังเพื่อที่จะปรับเปลี่ยนนิสัยไม่ดีเหล่านี้เสีย  
เพื่อนของผมถ่ายสำเนาใบเสร็จค่าปรับนั้น และมอบให้กับพวกเราแต่ละคน ทุกคน พวกเราทุกคนรับเก็บไว้ และแปะไว้ข้างฝา เพื่อเตือนใจเราว่า เราจะต้องไม่ทำตัวเป็นคนสิ้นเปลืองอีกอย่างเด็ดขาด..."

ขอบคุณเจ้าของเรื่องที่ไม่ทราบว่าเป็นใคร และขอบคุณผู้ส่งฟอร์เวิร์ดเมล์เรื่องนี้  ขอบคุณ ขอบคุณ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่