เนื่องจากอยากไปร้านเมดคาเฟ่ แต่เวลาและกระเป๋ายังแห้งขอดอยู่
ประกอบกับไปดูละครร้องมา ("รักเตลิดเปิ๊ดสะก๊าด") แล้วละครร้องเป็นเรื่องรัฐนิยม
ไอเดียก็เลยบรรเจิด ผุดบังเกิดร้านเมดคาเฟ่สไตล์รัฐนิยมขึ้นค่ะ
ก็เป็นเมดคาเฟ่ แต่มีธรรมเนียมปฏิบัติแบบยุครัฐนิยมอะนะ (ใส่หมวก ไม่กินหมาก พูดฉันพูดท่าน ฯลฯ)
ใครมีเกร็ดประวัติศาสตร์ก็เพิ่มเติมได้นะคะ ยุคนี้น่าสนใจดี ความพยายามกินรวมวัฒนธรรมให้เป็นหนึ่งเดียวเนี่ย มันแปลกๆ ตลกดีค่ะ
เครื่องแบบเมดไม่มีไรมาก ใส่เครื่องประดับรูปหมวกเล็กๆ แล้วแต่งเป็นชุดเดรสวินเทจ ผูกผ้ากันเปื้อน
เรียกลูกค้าว่า "คุณท่าน" แทนที่จะเป็นนายท่าน มีโค้ดเนมเป็นชื่อหญิงจ๋าแบบไทยสุดๆ
เมดราชินีตัวท็อปของร้านจะเรียกว่าเป็น "เมดนางสาวสยาม" นะคะ 555
(จริงๆ เค้าเปลี่ยนสยามเป็นไทยในช่วงรัฐนิยมนะ แต่เราอยากให้ฟีลมันเก่าๆ หน่อยง่ะ)
อะ 4 ช่องจบค่ะ ว่าด้วยธรรมเนียมปฏิบัติของร้านแบบยุครัฐนิยมเปี๊ยบๆ
เผื่อใครไม่เก็ต:
-ของขึ้นชื่อสมัยรัฐนิยมคือก๋วยเตี๋ยวกับผัดไทย เชิดชูมาก เพราะมีวัตถุดิบไทย (ถั่วงอกก็หนึ่งในนั้น)
หาได้ง่าย ผัดไทยก็เป็นอาหารบอกเอกลักษณ์ไทยไม่มีหมู เพราะหมูเป็นของจีน (ตลกปะละ)
-รำวงมาตรฐานเป็นสิ่งที่คิดและดัดแปลงจากรำโทน มีเพลงมีท่าเป๊ะตายตัวตามแบบนาฏศิลป์ไทย
เลยเอามาล้อเลียนให้เป็นฟลอร์รำวง รำตามท่าที่เขียนไว้บนโปสเตอร์ไปเลยฮ่ะ ไม่หลงท่าแน่นอน
ถ้ามีเวลาจะเขียนถึงเมดรัฐนิยมต่อนะคะ (หมายถึง 4 อนงค์นางด้านบน)
คิดไว้เล่นๆ ว่าสายสวาทเป็นเมดหน้าร้านกับส่งแขก คล่องแคล่ว ยิ้มเก่ง
เฉิดโฉมเป็นนักเรียนเอกประวัติศาสตร์ปริญญาโทที่ทำงานพิเศษที่ร้าน เป็นตัวแม่ หัวหน้าทีม
งามพิศเป็นนักร้องลูกกรุงสมัครเล่นกับรำไทยได้เป๊ะ เป็นโอตาคุสุนทราภรณ์
ส่วนอรอนงค์เป็นนักเรียนอักษรศาสตร์ เป็นตัวแหแฮ ชวนแขกคุย
ยุครัฐนิยมนี่ดูกี่ทีก็ตลกอะ แต่ก็เป็นพัฒนาการของสังคมไทย
มีความพยายามค้นหาเอกลักษณ์ของชาติและบังคับกันแบบแปลกๆ ดี
ขี้เกียจเขียนละ 555 อ่านไอเดียตรงนี้ของเราเพิ่มเติมได้จากบทวิจารณ์ "รักเตลิดเปิ๊ดสะก๊าด" ที่ลิงค์นี้ค่ะ:
http://www.plian.in.th/knowledge/article/editorial/700
ไม่ได้โพสงานที่พันทิปนานแล้วตั้งแต่จบหน้ากากแก้วภาคลิเกไป ขอบคุณสำหรับการติดตามเน้อค่า XD
[4 ช่องจบ] "เมดรัฐนิยม" เปิดให้บริการแล้วจ้ะ
ประกอบกับไปดูละครร้องมา ("รักเตลิดเปิ๊ดสะก๊าด") แล้วละครร้องเป็นเรื่องรัฐนิยม
ไอเดียก็เลยบรรเจิด ผุดบังเกิดร้านเมดคาเฟ่สไตล์รัฐนิยมขึ้นค่ะ
ก็เป็นเมดคาเฟ่ แต่มีธรรมเนียมปฏิบัติแบบยุครัฐนิยมอะนะ (ใส่หมวก ไม่กินหมาก พูดฉันพูดท่าน ฯลฯ)
ใครมีเกร็ดประวัติศาสตร์ก็เพิ่มเติมได้นะคะ ยุคนี้น่าสนใจดี ความพยายามกินรวมวัฒนธรรมให้เป็นหนึ่งเดียวเนี่ย มันแปลกๆ ตลกดีค่ะ
เครื่องแบบเมดไม่มีไรมาก ใส่เครื่องประดับรูปหมวกเล็กๆ แล้วแต่งเป็นชุดเดรสวินเทจ ผูกผ้ากันเปื้อน
เรียกลูกค้าว่า "คุณท่าน" แทนที่จะเป็นนายท่าน มีโค้ดเนมเป็นชื่อหญิงจ๋าแบบไทยสุดๆ
เมดราชินีตัวท็อปของร้านจะเรียกว่าเป็น "เมดนางสาวสยาม" นะคะ 555
(จริงๆ เค้าเปลี่ยนสยามเป็นไทยในช่วงรัฐนิยมนะ แต่เราอยากให้ฟีลมันเก่าๆ หน่อยง่ะ)
อะ 4 ช่องจบค่ะ ว่าด้วยธรรมเนียมปฏิบัติของร้านแบบยุครัฐนิยมเปี๊ยบๆ
เผื่อใครไม่เก็ต:
-ของขึ้นชื่อสมัยรัฐนิยมคือก๋วยเตี๋ยวกับผัดไทย เชิดชูมาก เพราะมีวัตถุดิบไทย (ถั่วงอกก็หนึ่งในนั้น)
หาได้ง่าย ผัดไทยก็เป็นอาหารบอกเอกลักษณ์ไทยไม่มีหมู เพราะหมูเป็นของจีน (ตลกปะละ)
-รำวงมาตรฐานเป็นสิ่งที่คิดและดัดแปลงจากรำโทน มีเพลงมีท่าเป๊ะตายตัวตามแบบนาฏศิลป์ไทย
เลยเอามาล้อเลียนให้เป็นฟลอร์รำวง รำตามท่าที่เขียนไว้บนโปสเตอร์ไปเลยฮ่ะ ไม่หลงท่าแน่นอน
ถ้ามีเวลาจะเขียนถึงเมดรัฐนิยมต่อนะคะ (หมายถึง 4 อนงค์นางด้านบน)
คิดไว้เล่นๆ ว่าสายสวาทเป็นเมดหน้าร้านกับส่งแขก คล่องแคล่ว ยิ้มเก่ง
เฉิดโฉมเป็นนักเรียนเอกประวัติศาสตร์ปริญญาโทที่ทำงานพิเศษที่ร้าน เป็นตัวแม่ หัวหน้าทีม
งามพิศเป็นนักร้องลูกกรุงสมัครเล่นกับรำไทยได้เป๊ะ เป็นโอตาคุสุนทราภรณ์
ส่วนอรอนงค์เป็นนักเรียนอักษรศาสตร์ เป็นตัวแหแฮ ชวนแขกคุย
ยุครัฐนิยมนี่ดูกี่ทีก็ตลกอะ แต่ก็เป็นพัฒนาการของสังคมไทย
มีความพยายามค้นหาเอกลักษณ์ของชาติและบังคับกันแบบแปลกๆ ดี
ขี้เกียจเขียนละ 555 อ่านไอเดียตรงนี้ของเราเพิ่มเติมได้จากบทวิจารณ์ "รักเตลิดเปิ๊ดสะก๊าด" ที่ลิงค์นี้ค่ะ:
http://www.plian.in.th/knowledge/article/editorial/700
ไม่ได้โพสงานที่พันทิปนานแล้วตั้งแต่จบหน้ากากแก้วภาคลิเกไป ขอบคุณสำหรับการติดตามเน้อค่า XD