~~321 คาเฟ่~~ คาเฟ่นี้มี...หลอน (หลอน 3.2 : ลอง)

กระทู้สนทนา
สุขสันต์วันหยุด เช้าวันอาทิตย์ค่ะ พี่ๆเพื่อนๆ ทุกท่าน
วันนี้~~321 คาเฟ่~~มีตอนใหม่ของเรื่องหลอนตอน 'หลอน 3.2 : ลอง' มาฝากค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านนะคะ ^^

หลอนตอนที่ 3.1 : ลอง
http://pantip.com/topic/30371216

หลอนตอนที่ 2.2 : เงา (จบตอน)
http://pantip.com/topic/30360317

หลอนตอนที่ 2.1 : เงา
http://pantip.com/topic/30340591

หลอนตอนที่ 1 : รอคอย
http://pantip.com/topic/30303497

***************************************************************************

~~ 321 คาเฟ่ ~~
      3.2 : ลอง




ห้าวันผ่านไป...

ตีระกาใช้ชีวิตในทุกวันอย่างเป็นปกติ  เช่นเดียวกับวันนี้ก็เป็นอีกวันที่หญิงสาวเพิ่งกลับจากทำบุญที่วัดซึ่งเป็นการทำบุญต่อเนื่องหลายวันนับจากวันนั้นที่พบเจอเด็กหญิงและบางอย่างประหลาดคอยติดตามหล่อนไม่ลดละ ตีระการู้สึกถึงกลิ่นอายของวิญญาณ และสัมผัสบางอย่างที่แปลกประหลาดชวนขนลุกตามติดหล่อนอยู่เป็นวันเป็นคืน แต่ระยะนี้เริ่มจะจางหายไปไม่มาปรากฏให้เห็นหรือได้กลิ่นดังเดิม อาจเป็นเพราะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ทุกวันอย่างต่อเนื่อง และหลังจากวันนั้นก็ไม่มีเหตุใดเกิดขึ้นกับตัวหล่อนอีกเลย...


พระจันทร์ดวงโตสะท้อนผ่านแม่น้ำสายเล็กที่ไหวระริกราวกับมีระลอกคลื่นเล็กๆเพราะสายลมพัดแรงทั่วคุ้งน้ำ มีแต่เพียงเสียงน้ำกระทบชายฝั่งเนินดินและเสียงลมพัดวูบไหวเป็นระยะเท่านั้นในค่ำคืนนี้

ชายสองคนยังคงทำหน้าที่ของตนอย่างขะมักเขม้น ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อแลกกับเงินก้อนโตทุกครั้งที่มีภารกิจพิเศษ แต่ภารกิจทุกครั้งนั้นต้องแลกมาด้วยความอกสั่นขวัญแขวนที่ยังหาสาเหตุไม่ได้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

“พี่ พี่ว่าวันนี้จะได้ยินอีกมั๊ย” คนน้องขุดดินกลบฝังไป หน้านิ่วคิ้วขมวดไปด้วยความหวาดหวั่น ยิ่งคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาหลายวันก่อนยิ่งหวั่นใจ

“ข้าว่ามันเรื่องบังเอิญมากกว่า เอ็งน่ะหูแว่ว เอ็งจะคิดอะไรมาก มีเงินใช้ไม่ขาดมือไม่ดีหรือไงวะ ลงทุนก็ไม่ลงทุนสักบาทยังจะเอาอะไรอีก” คนพี่เอาเท้าเหยียบดินที่กลบฝังแล้วให้แน่นยิ่งขึ้นไปอีกซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น

“ฉันกลัวนะพี่ ขอครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายคราวหน้าพี่หาคนอื่นมาทำแทนฉันก็แล้วกัน เงินเยอะๆที่ต้องแลกมาด้วยชีวิตเนี่ยฉันขอเหอะ กลัวตกนรก”

คนน้องขนลุกขนชันมองไปรอบกายด้วยแววตาล่อกแล่กทันทีที่ลมพัดแรงมาวูบหนึ่งกระทบร่างกายจนหนาวยะเยือกและต้นไม้ใบไม้ไหวอย่างไม่มีสาเหตุ

“เออ ก็ได้วะ อย่ามาขอส่วนแบ่งจากข้าก็แล้วกัน”

คนพี่ตอบรับไปอย่างหงุดหงิดที่คนน้องไม่ได้ดั่งใจ จึงไม่ทันได้เอะใจถึงต้นไม้ใบไม้ที่ไหวระริกรับกับสายลมที่พัดมาอย่างแรงคล้ายเสียงหัวเราะต่อเนื่องยาวนานเลยแม้แต่น้อย


ขณะเดียวกันภายในห้องนอนใหญ่สีขาวตกแต่งสไตล์วินเทจสวยงาม ทั่วทั้งห้องประดับประดาไปด้วยดอกกุหลาบแดงสดนับพันดอก และเทียนหอมนับร้อยดวงวางเรียงรายไปทั่วจนเต็มห้องราวกับกำลังจะมีพิธีกรรมอะไรบางอย่าง

ดาราราย..ในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวก้าวเข้ามายังภายในห้องน้ำที่ปูด้วยหินอ่อนสีขาวทั่วทั้งห้อง แล้วลงแช่ในอ่างจากุซซี่ขนาดใหญ่มีน้ำเต็มอ่างลอยด้วยกลีบกุหลาบสีแดงสดหนาแน่น  กลิ่นหอมของโคโลญจ์ชั้นดีลอยกระทบโสตประสาทสัมผัสให้ความรู้สึกเบาสบาย ดารารายพิงพนักอ่างพักสายตาอย่างมีความสุข เสียงเพลงคลาสสิคบรรเลงแผ่วพาให้จิตใจล่องลอยเคลิบเคลิ้มไปแสนไกล แต่แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขัดจังหวะความรู้สึกผ่อนคลาย และสุนทรีย์จากการฟังเพลง จนหญิงสาวขมวดคิ้วมุ่นแต่ก็ขานรับอย่างรู้กัน

“เข้ามา”

ดวงตาคมกริบเหลือบมองไปยังหน้าประตู ปัทมา..แม่บ้านประจำตัวของดารารายเดินเข้ามาหาหล่อนพร้อมภาชนะใส่ของบางอย่างที่หญิงสาวแสนสวยเห็นแล้วถึงกับยิ้มสมใจ

“นี่ค่ะ คุณหนู”

“ขอบใจ” ดารารายรับภาชนะแก้วทรงสูงที่บรรจุน้ำสีแดงเต็มเปี่ยมมาสูดดมกลิ่นของมันอย่างชื่นใจ

“ป้าว่าพอได้แล้วมั้งคะคุณหนู อย่าทำอย่างนี้อีกเลย ป้าไม่เห็นว่ามันจะได้ผลดีตรงไหน”

ดารารายที่กำลังยกแก้วขึ้นจะจิบถึงกับชะงักเพราะคำพูดของคนสนิททำให้หล่อนถึงกับหงุดหงิดและใช้สายตาคมกริบมองปราดมาจนปัทมาถึงกับหงอ

“นี่มันชีวิตของฉัน ฉันให้ทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องเสนอแนะ ป้าออกไปได้แล้วอย่าลืมเอาเงินให้พวกมันด้วย กำชับด้วยว่าอีกสามวันให้พวกมันหามาให้ฉันอีก”

“ค่ะ คุณหนู”

น้ำเสียงหวาดกลัวของแม่บ้านที่ค่อยๆถอยออกไปจากห้อง ดารารายได้แต่มองอย่างหงุดหงิดใจแต่ก็มองแก้วในมืออย่างพึงพอใจแล้วยกดื่มรวดเดียวจนหมด

ทันทีที่เดินออกไปลับสายตาเจ้านายสาว ปัทมาถึงกับหน้าสลดเมื่อนึกถึงสิ่งที่ดารารายกำลังทำอยู่ ได้แต่มองดูอย่างเงียบๆแต่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยแม้แต่น้อย พอประตูห้องปิดลงหลังจากปัทมาออกไปแล้ว เทียนนับร้อยดวงที่ส่องแสงสว่างภายในห้องก็เริ่มดับลงไปทีละดวง..ทีละดวง

เกือบยี่สิบนาทีที่ดารารายนอนแช่น้ำโรยด้วยกลีบกุหลาบและโคโลญจ์หอมฟุ้งอยู่ในอ่างจากุซซี่ หลังจากดื่มด่ำกับน้ำสีแดงสดที่ไหลผ่านลำคอระเรื่อยลงไปยังอวัยวะภายในร่างกายด้วยความรู้สึกกระชุ่มกระชวย การได้ดื่มด่ำรับรู้ถึงการไหลผ่านไปของมันเป็นความสุขที่ไม่อาจหาที่ไหนได้ของหล่อน

เพียงชั่วครู่หญิงสาวก็ถึงกับตาเบิกโพลงทันทีที่รู้สึกเหมือนเท้าถูกดึงลากจากอะไรบางอย่างจนร่างกายผลุบหายลงไปในน้ำจนมิดศรีษะ พยายามตะเกียกตะกายแต่ก็ยังเหมือนถูกกดเอาไว้ไม่สามารถขึ้นมาได้ ดารารายควานหาสิ่งยึดเหนี่ยวปะป่ายไปทั่วจนเกาะได้ราวเล็กริมขอบอ่างดันตัวเองขึ้นมาจนพ้นน้ำด้วยสีหน้าตระหนกสุดขีด มือเรียวพลาดปัดไปโดนแก้วที่วางตั้งไว้ข้างอ่างจนตกแตกกระจาย หยดน้ำสีแดงที่ติดอยู่ก้นแก้วกระจายเต็มพื้นกระเซ็นกระสายไปทั่วบริเวณ ดารารายเหลือบมองอย่างเสียดายและเหลียวมองอย่างหวาดระแวงไปทั่วบริเวณห้อง แล้วตะโกนเรียกแม่บ้านประจำตัวเสียงดังลั่น

“ป้า!! ป้า!! เข้ามานี่หน่อย!!”

ดารารายตะโกนก้องห้องน้ำ ก่อนจะคว้าผ้าคลุมอาบน้ำมาพันตัวไว้อย่างลวกๆทั้งที่ยังยืนอยู่ในอ่างอาบน้ำด้วยความรีบเร่ง หญิงสาวเหลียวมองไปรอบๆห้องน้ำอีกครั้งด้วยความหวาดหวั่นแต่กลับไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ มีเพียงเสียงดนตรีคลาสสิคบรรเลงอย่างต่อเนื่องเรื่อยไป

“ป้าไปไหนแล้วเนี่ย ป้า!!! ได้ยินมั๊ย”

ไม่มีเสียงขานรับใดอีกเช่นเคย ดารารายถึงกับทอดถอนใจ เพิ่งนึกได้ว่าไล่ปัทมาให้ออกไป

“หรือว่าฉันจะลื่นเองงั้นเหรอ”

ดารารายกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากในใจนึกไม่เชื่อแต่ก็พร่ำปลอบใจตัวเอง นึกหวั่นใจไม่น้อยที่ต้องอยู่คนเดียวในค่ำคืนนี้กับอะไรบางอย่างที่พาให้รู้สึกขนลุกขนชัน แล้วหญิงสาวก็ต้องนิ่วหน้าอย่างเจ็บปวดอีกครั้งเมื่อก้าวเท้าออกจากอ่างอาบน้ำโดยไม่ทันรู้ตัวแล้วเหยียบเข้ากับเศษแก้วที่แตกเมื่อครู่จนพลัดตกอ่างน้ำลงไปนอนคว่ำอยู่บนพื้นหินอ่อนเนื้อดี

“โอ๊ยยยย!! เจ็บบ”

ดวงหน้าสวยบิดเบี้ยวเหยเกร้องอย่างเจ็บปวด เมื่อดึงเอาเศษแก้วออกจากเท้า ดารารายมองไปยังปลายเท้าที่ถูกเศษแก้วแต่แล้วก็พบอะไรบางอย่างคล้ายเงาตะครุ่มอยู่หลังผ้าม่านของห้องกระจกฝักบัว

ดารารายรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีเกาะขอบอ่างล้างหน้าค่อยๆยันกายลุกขึ้นอย่างช้าๆ แล้วรวบรวมกำลังขาก้าวเขย่งอย่างรีบเร่งออกไปจากห้องน้ำในทันที ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ดังไล่หลังตามไปโดยที่ดารารายไม่ทันจะได้ยิน


“เอาคืนมา...เอาของหนูคืนมา”


..............................................................................................................................................................................................

ท่ามกลางการจราจรบางตาในยามค่ำคืนของถนนสายรองที่ร้างไร้ผู้คนและยานพาหนะ ยังมีร้านกาแฟเล็กๆแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางแสงสลัวของไฟทางเดินที่ติดบ้างดับบ้างเป็นระยะ บรรยากาศภายในร้านดูเงียบเหงาวังเวงแต่ก็ยังเปิดรอคอยการมาเยือนของคุณตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงทุกวันไม่มีวันหยุด ร้านกาแฟแห่งนี้มีชื่อว่า....

~~321 คาเฟ่~~


ตีระการับเงินทอนจากบริกรหนุ่มพร้อมทั้งส่งยิ้มหวานให้และเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นกันเองอย่างคุ้นเคย

“ขอบคุณมากค่ะ เอสเปรสโซ่ที่ดำเหมือนปีศาจ ร้อนดั่งนรก เป็นอย่างนี้นี่เอง ฉันถูกใจมากเลยค่ะ โอกาสหน้าคงจะได้มาชิมอย่างอื่นอีก แต่ไม่รู้เมื่อไหร่นะคะ”

“ยินดีครับ 321 คาเฟ่ ขอขอบคุณลูกค้าคนพิเศษที่มาเยือนเราอีกครั้งครับ”

“คุณมาได้เสมอทุกเมื่อที่อยาก..ลองครับ”

ตีระกาสะดุดหูกับคำเชิญชวนของบริกรหนุ่มยิ้มเย็นอีกครั้ง แต่ก็ไม่คิดอะไรมาก ก่อนจะเตรียมกระเป๋าสัมภาระส่วนตัวขึ้นมาสะพายไหล่ เพื่อเดินทางกลับไปยังร้านของตน ทั้งที่ตั้งใจไว้ว่าจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว แต่ไม่รู้มีสิ่งใดดลใจให้ต้องกลับมาที่นี่อีกครั้งจนได้ และคราวนี้หญิงสาวรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ถ้าไม่บังเอิญสายตาสบเข้ากับใครบางคนที่ก้าวเข้ามาภายในร้าน


***********************************************************************************************
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่