สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ที่พิพาทกันอยู่ตอนนี้มีที่มาจากเมื่อปี 2506 หลังจากแพ้คดี ไทยส่งมอบปราสาทให้เขมรเสร็จ ก็จัดการล้อมรั้วรอบปราสาทไว้หมด ซึ่งเขมรก็ไม่เคยโต้แย้งอะไร ยังกล่าวชมว่าไทยปฏิบัติตามศาลโลกเป็นอย่างดี
จนกระทั่งราวๆ 10 ปีมานี้ เขมรติดต่อไทยขอให้ไทยรื้อรั้วออก บอกว่าเพื่อการท่องเที่ยว ทางไทยก็รื้อรั้วออกตามที่เขมรขอ ทว่านั่นเป็นแผนร้ายของเขมร เมื่อไทยรื้อรั้วออกเขมรก็ส่งคนมาตั้งชุมชนในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร และอ้างว่าพื้นที่นั้นเป็นของเขมรตามแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน
ไทยไม่ยอมรับและประท้วงมาตลอดให้เขมรถอนชุมชนออกไป แต่เขมรทำหน้าด้านไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ทางทหารจะเข้าจัดการหลายหน แต่นายกสมัยนั้น (ที่หนีคดีอยู่) ห้ามกองทัพเอาไว้กลัวจะกระทบความสัมพันธ์
ก็เกิดประเด็นและประท้วงกันเรื่อยมาจนกระทั่งเขมรเอาปราสาทพระวิหารไปขึ้นเป็นมรดกโลก ไทยก็โต้แย้งมาโดยตลอด ในที่สุดก็มาถึงขั้นทหารไทยและทหารเขมรปะทะกันในปี 2554 ซึ่งก็เป็นแผนของเขมรอยู่แล้วที่ต้องการจะให้การขัดแย้งนี้ลามไปสู่สากล จะได้กดดันไทยได้ และเขมรจะได้ได้พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรมาเป็นพื้นที่กันชนมรดกโลก แต่ปรากฎว่า UN ไม่บ้าจี้ตามเขมร ไม่เข้ามายุ่ง เขมรไม่ได้ดังที่หวังก็ไม่พอใจและทิ้งไพ่ใบสุดท้าย ยื่นเรื่องต่อศาลโลกให้ศาลโลกตีความคำพิพากษาเมื่อปี 2506 ว่าพื้นที่พิพาทนั้นรวมอยู่ในคำพิพากษาเมื่อปี 2506 รึไม่ และปราสาทที่ศาลโลกตัดสินให้เขมรนั้นรวมพื้นที่แค่ไหน
ส่วนเรื่องแต่ละฝ่ายได้อะไร
- ถ้าศาลไม่รับตีความ รึพิจาราณาว่านี่ไม่ใช่การตีความ แต่เป็นการฟ้องคดีใหม่/อุทธรณ์ สถานภาพพื้นที่พิพาทกลับไปเหมือนเดิม ต้องกลับมาเจรจากันต่อ
- ถ้าศาลตีความว่าพื้นที่ปราสาทเป็นไปตามที่เขมรยอมรับ นั่นคือพื้นที่ของเขมรจะมีแค่รอบปราสาท พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรเป็นของไทย
- ถ้าศาลตีความว่าพื้นที่ปราสาทเป็นไปตามแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรจะเป็นของเขมร
จนกระทั่งราวๆ 10 ปีมานี้ เขมรติดต่อไทยขอให้ไทยรื้อรั้วออก บอกว่าเพื่อการท่องเที่ยว ทางไทยก็รื้อรั้วออกตามที่เขมรขอ ทว่านั่นเป็นแผนร้ายของเขมร เมื่อไทยรื้อรั้วออกเขมรก็ส่งคนมาตั้งชุมชนในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร และอ้างว่าพื้นที่นั้นเป็นของเขมรตามแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน
ไทยไม่ยอมรับและประท้วงมาตลอดให้เขมรถอนชุมชนออกไป แต่เขมรทำหน้าด้านไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ทางทหารจะเข้าจัดการหลายหน แต่นายกสมัยนั้น (ที่หนีคดีอยู่) ห้ามกองทัพเอาไว้กลัวจะกระทบความสัมพันธ์
ก็เกิดประเด็นและประท้วงกันเรื่อยมาจนกระทั่งเขมรเอาปราสาทพระวิหารไปขึ้นเป็นมรดกโลก ไทยก็โต้แย้งมาโดยตลอด ในที่สุดก็มาถึงขั้นทหารไทยและทหารเขมรปะทะกันในปี 2554 ซึ่งก็เป็นแผนของเขมรอยู่แล้วที่ต้องการจะให้การขัดแย้งนี้ลามไปสู่สากล จะได้กดดันไทยได้ และเขมรจะได้ได้พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรมาเป็นพื้นที่กันชนมรดกโลก แต่ปรากฎว่า UN ไม่บ้าจี้ตามเขมร ไม่เข้ามายุ่ง เขมรไม่ได้ดังที่หวังก็ไม่พอใจและทิ้งไพ่ใบสุดท้าย ยื่นเรื่องต่อศาลโลกให้ศาลโลกตีความคำพิพากษาเมื่อปี 2506 ว่าพื้นที่พิพาทนั้นรวมอยู่ในคำพิพากษาเมื่อปี 2506 รึไม่ และปราสาทที่ศาลโลกตัดสินให้เขมรนั้นรวมพื้นที่แค่ไหน
ส่วนเรื่องแต่ละฝ่ายได้อะไร
- ถ้าศาลไม่รับตีความ รึพิจาราณาว่านี่ไม่ใช่การตีความ แต่เป็นการฟ้องคดีใหม่/อุทธรณ์ สถานภาพพื้นที่พิพาทกลับไปเหมือนเดิม ต้องกลับมาเจรจากันต่อ
- ถ้าศาลตีความว่าพื้นที่ปราสาทเป็นไปตามที่เขมรยอมรับ นั่นคือพื้นที่ของเขมรจะมีแค่รอบปราสาท พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรเป็นของไทย
- ถ้าศาลตีความว่าพื้นที่ปราสาทเป็นไปตามแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรจะเป็นของเขมร
แสดงความคิดเห็น
ถามแบบคนไม่รู้เรื่องเลยนะครับ เรื่อง เขาพระวิหาร
ปล. ถ้าฝั่งไทยชนะความ เราได้อะไรคืนมาบ้าง กลับกัน ถ้า กัมพูชาชนะได้อะไร
ปล1. ไม่เอาการเมืองครับ