เชิญย้อนไปอ่านบทที่ 1
http://pantip.com/topic/30332810
THE TALENT
จอมคนจุติสวรรค์พันธุ์นักรบ
ศึกแรก ปฐมบทแห่งการพบกันของนักรบผู้ยิ่งใหญ่
บทที่ 2 : ผู้นำทัพฝ่ายมนุษย์แห่งพิภพ
ซาโก้ไม่รู้ได้ว่าเหตุใดชายแปลกหน้าทั้งสามจึงรู้สถานที่ที่เขามักจะมาซุ่มฝึกฝีมืออยู่คนเดียวในวันว่าง หรือเพียงบอกสถานที่ไปเพราะเป็นคนแปลกถิ่นไม่รู้จะหาที่ไหนที่เหมาะสมเป็นลานประลอง เขาเดินทางมาถึงที่ชายหาดใกล้ท่าเรือตั้งแต่เช้า เพราะไม่รู้ว่าชายทั้งสามจะปรากฏตัวมาเมื่อใด แต่เมื่อเดินทางมาถึงเขาก็ต้องตกใจ เพราะชายผู้มีตาสีเพลิงยืนอยู่ริมหาด ด้วยชุดที่เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
ศิษย์ของเขาทั้งสองคนยืนอยู่ไม่ห่างกัน แต่อยู่ในชุดเหมือนเมื่อวาน ดูท่าทางเหมือนไม่ได้รอคอยเขาเท่าไหร่ หากแต่ยืนมองโน่นมองนี่ไปเฉยๆ คุยกันบ้าง พอซาโก้มาถึงในชุดที่เตรียมพร้อมสู้เหมือนกัน ทั้งสองก็เงียบทันที ซาโก้ไม่ได้มีชุดฝึกติดตัวมาจากที่บอกซ์โดว์ มีเพียงเสื้อยืดตัวเก่าๆ ที่ใช้ใส่ในชุดทำงาน ตัดแขนให้กุดเหมือนชุดฝึก กางเกงพอดีตัวไม่หลวมโคลกเหมือนชุดกรรมกร ที่เท้าเป็นรองเท้าคู่ใหม่เหมือนเพิ่งซื้อมา รองเท้าทำจากผ้าใบหุ้มข้อสีดำดูยังใหม่เอี่ยม เพราะรองเท้าผ้าใบคู่เก่าขาดยังชุ่มน้ำและไม่มีทีท่าจะแห้งสักที
“ท่านเหมือนจะรู้เรื่องเกี่ยวกับข้าไปเสียหมด" เมื่อเดินมาถึง ซาโก้พูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน แทนการทักทาย
“ไม่หรอก ไม่ได้รู้หมดทุกเรื่อง" ชายตาสีเพลิงพูดยิ้มๆ
“ก่อนจะสู้กัน ข้าขอถาม ท่านมีนามว่าอะไร" ซาโก้เพิ่งจะถามชื่อชายตาสีเพลิง สิ่งนี้เขาควรจะทำตั้งแต่เมื่อวาน แล้วเขาก็ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองยังพอจำสำนวนสุภาพแบบนักรบได้บ้าง
“เจ้าคงไม่เชื่อในนามของข้า" ชายตาสีเพลิงยิ้มแห้งๆ ก่อนจะเริ่มยืดเส้นยืดสาย
“วุ้ย! ถามชื่อดีๆ มากวนใส่ข้าซะอย่างนั้น อุตส่าห์พูดจาดีๆ แบบนักรบเขาทำกันแล้วนะเฟ่ย จะต้องให้ข้ามาโวยวายแบบนักเลงท่าเรือเหมือนเดิมอีกทำไมฟะ" ซาโก้เริ่มหงุดหงิด เขาเองก็เริ่มอบอุ่นร่างกายบ้างแล้ว
“พวกเจ้าพูดจาเสียดิบดีว่าไม่เชื่อเรื่องของข้า เมื่อวานนี้" ฝ่ายตรงข้ามพูดขึ้นอย่างแปลกๆ
“หือ" ซาโก้ที่ก้มตัวยืดเส้นยืดสายอยู่เงยหน้ามองผู้พูดอย่างแปลกใจ
“ทั่วโลกรู้จักนามข้าว่า วูฟ แห่งตระกูล แซนเดอร์"
ความเงียบก่อเกิดไปทั่วชายหาด แม้ว่าเสียงหวูดเรือและเสียงความวุ่นวายจากท่าเรือจะดังมาตามลม ไม่ไกลกันกับชายหาดเงียบๆ นี้สักเท่าไหร่
“รู้อะไรมั้ยท่าน เอ่อ ท่านวูฟ" ซาโก้ มีน้ำเสียงนิ่งเฉย
“หากข้าไม่พิศวงในตัวท่านขนาดนี้ คงไม่เชื่อที่ท่านพูดสักนิดเดียว คงหัวเราะใส่ท่านไปเรียบร้อยแล้ว" สิ่งนี้เป็นจริงตามที่หนุ่มผมแดงพูดออกไปทุกประการ มีอะไรบางอย่างในตัวชายผู้นี้ที่ทำให้ซาโก้รู้สึกว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาๆ แม้กระทั่งนักรบธรรมดาๆ ก็ไม่ใช่
“เอาเป็นว่าอย่าเชื่อข้าจนกว่าจะได้สู้กับข้า ดีไหมล่ะ...” ชายผู้แนะนำว่าตัวเขาคือ วูฟ แซนเดอร์ ยิ้มแล้วตั้งท่าเตรียมพร้อมต่อสู้ ท่าเดียวกับแดน ซิลวาร์ แต่ชายผู้นี้ถนัดซ้ายเหมือนกับซาโก้ เขาตั้งการ์ดโดยใช้ด้านขวานำ
“ก็ดีนะ" ซาโก้ตั้งท่าเหมือนกัน ในใจคิดว่ายังไงก็ขออัดให้หมอบไปได้ก่อน แล้วมีคำถามที่จะถามชายคนที่อ้างว่าคือ วูฟ แซนเดอร์ ตั้งมากมายทีเดียว
“งั้นก็มาเริ่มกันเลยดีกว่า" ชายตาสีเพลิงกล่าว
…......................
ซาโก้คิดว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะเหมือนกับการต่อสู้กับแดนเมื่อคืน แต่เขาผิดถนัด ชายผู้นี้เหนือชั้นกว่าแดนมาก ทั้งพลัง ความเร็ว ความหนักหน่วงของท่วงท่า การปะทะ โดยเฉพาะความฉลาดในการต่อสู้ที่แก้ไขการโจมตีของซาโก้ได้ทุกท่าและโต้กลับรุนแรง บางทีก็เป็นฝ่ายรุกหนักอย่างที่ซาโก้ไม่อาจต้านทานไหว
การต่อสู้ดำเนินไปร่วมครึ่งชั่วโมง จนมีคนแถวๆ นั้นผ่านมาเห็นก็มายืนดูกันอย่างแปลกใจสุดๆ ข่าวลือว่ามีคนมาสู้กับโกอี้ของพวกเขาได้อย่างสูสีก็เรื่องนึงแล้ว นี่เขามาเห็นกับตาว่าหนุ่มผมแดงกำลังโดนเล่นงานอย่างลืมตาอ้าปากไม่ได้เลยทีเดียว
ส่วนใหญ่คนแถวๆ นั้นที่ผ่านมาเป็นชาวประมงที่เคยเห็นซาโก้มาฝึกซ้อมที่นี่ประจำ ส่วนใหญ่จะเป็นชายแก่คนมีอายุหน่อย ถ้าเป็นคนหนุ่มจะรู้จักกับซาโก้ทุกคน พวกเขาเห็นก็พยายามตะโกนเชียร์ซาโก้
“อัดมันกลับเลยสิวะไอ้หัวแดง เจ้าน่ะมันเก่งหยั่งกะอสูรร้ายมาแต่ไหนแล้ว ไหงโดนมันอัดฝ่ายเดียวละวะ"
“เฮ้ย! อย่าให้เสียชื่อกรรมกรท่าเรือโดโบร่าสิวะโกอี้"
“เอาเลยๆ สู้มัน เล่นมันให้ตาย เอ้า! โดนอยู่ฝ่ายเดียวเลยเว้ย!”
และแล้วซาโก้ก็จมอยู่กับกองทรายอย่างลุกขึ้นไม่ทันเสียงนับสิบของวูฟ แซนเดอร์
“ให้ตายเหอะหวะ เรื่องนี้ชาวบ้านเอาไปพูดกันต่อเป็นข่าวใหญ่แน่เลย" ซาโก้บ่นขึ้นมาคำแรกเมื่อ หนุ่มผมบลอนด์ช่วยดึงเขาขึ้นมาจากทราย ซาโก้เลือดออกเต็มหน้าและตามตัว เสื้อยืดที่ใส่ขาดและเละเทะจนควรจะโยนทิ้งไปได้เลย
“เจ้านี่มันห่วงปากชาวบ้านมากกว่าสังขารตัวเองรึยังไงกันนะ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นผู้ถูกเลือกเลย" หนุ่มผมบลอนด์พูด
“อะไรของเจ้าวะ ผู้ถูกเลือกอะไร แต่เดี๋ยวก่อน ข้ามีคำถามจะถามพวกท่านมากมาย พวกเจ้าเป็นใครกันแน่" ซาโก้พยุงตัวยืน
“บอกแล้วว่าข้าคือ วูฟ แซนเดอร์...” ชายตาสีเพลิงพูดอีกครั้ง
“ถึงจะทำใจให้เชื่อได้ยาก ก็ต้องเชื่อหละวะ แต่ที่ข้าหมายถึงน่ะ พวกท่านมาทำไมกันที่นี่ เจาะจงจะมาหาข้าหรือยังไง แล้วรู้ได้ยังไงว่าข้าเป็นนักรบ"
“ขอแนะนำตัวกันก่อนก็แล้วกันนะ ข้าพีค ดูเด็คซ์ เจ้านี่แดน ศิษย์น้องของข้า เจ้ารู้ชื่อแล้วเมื่อวาน อาจารย์ของพวกข้าคือท่านวูฟ แซนเดอร์ ในตำนานที่พวกเจ้าเล่ากันนี่แหละ ท่านกลับออกมาจากภูเขาไฟกัลก็อคจริงๆ แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นอะไรที่สำคัญนัก เรื่องสำคัญคือตัวเจ้านี่แหละ" ชายผมบลอนด์เป็นฝ่ายอธิบายแบบไม่ตรงตามที่ซาโก้อยากรู้สักทีเดียว
“ใช่แล้ว ซาโก้ ไวทอน พวกข้ามาเพื่อพบเจ้า มาเพื่อชักชวนเจ้าเข้าร่วมกองทัพของพวกเรา" วูฟ แซนเดอร์ พูด
“หา! กองทัพ กองทัพอาณาจักรไหนกัน แล้วทำไมจึงชักชวนข้า" ซาโก้แปลกใจ ในระหว่างนั้นเขาถอดเสื้อออกมาเช็ดเลือดและความสกปรกตามตัว
“พวกเรากองทัพกอบกู้อาณาจักรอคาเดีย เจ้าคงจะทราบข่าวอาณาจักรอคาเดียโดนยึดครองโดยไชกาเมส ราชาอสูรแห่งยุคใหม่นี้ เรื่องนี้นานร่วมหกปีได้แล้ว มีพระบัญชาจากพระเจ้าให้ข้ามาช่วยอาณาจักรนี้ ตัวข้าเองถือว่าเป็นนักรบที่ไม่ได้อยู่ในกองทัพของอาณาจักรที่ตัวเองเกิดหรือเติบโตมาเท่าไหร่หรอก เมื่อประมาณร้อยปีก่อนข้าก็เป็นแม่ทัพของอาณาจักรลูเครเซีย ซึ่งบัดนี้ก็สงบสุขปราศจากการรุกรานของอสูรแล้ว"
“อะไรของท่านเนี่ย อสูรที่ว่านี่ยังมีอยู่อีกเรอะ เขาว่าเผ่าพันธุ์อสูรแท้ๆ ที่ชั่วร้ายนั้น สิ้นสุดไปร้อยปีแล้วนะ" ซาโก้ยังงงๆ
“มันไม่มีวันหายไป มันแฝงตัวอยู่กับมนุษย์อย่างพวกเรานี่แหละ" แดนพูด
“เจ้าคือหนึ่งในนักรบที่พระเจ้าได้เลือกไว้เพื่อสงครามล้างเผ่าพันธุ์อสูรครั้งสุดท้าย ที่จะเกิดขึ้นในอีกหลายปีข้างหน้าซึ่งก็อาจจะผ่านไปเป็นสิบปีอยู่เหมือนกัน ก่อนจะถึงตอนนั้นก็เกิดเรื่องราวต่างๆ มากมาย แต่ข้ามิสามารถเล่าให้เจ้าฟังได้โดยละเอียดนัก"
“อะไรฟะ" ซาโก้ถึงกับสบถออกมาอย่างแปลกใจและงุนงง
“อย่าเพิ่งงงอะไรมาก เอาอย่างนี้ เจ้าเคยได้ยินตำนานของกองทัพฝ่ายมนุษย์บ้างมั้ย กองทัพของนักรบพันธ์แท้ โดยชาติพันธุ์และพรสวรรค์ทั้งหมด มีผู้นำเป็นเทพจุติจากสวรรค์"
"อะไร...พันธุ์แท้คืออะไร เป็นสัตว์หรือไง แล้วผู้นำทัพอะไร จุติแปลว่าอะไรฟะ" ซาโก้งุนงง
“เอาเถอะ อาณาจักรเจ้าคงไม่พูดถึงตำนานนี้มั้ง กองทัพฝ่ายมนุษย์คือบรรพบุรุษของพวกเราทั้งหลาย ที่รวมตัวกันเพื่อต่อต้านอสูร ทั้งหมดเป็นนักรบโดยชาติพันธุ์ จึงมีร่างกายที่สามารถต่อกรกับอสูรได้ มีการบันทึกไว้ในคัมภีร์โบราณแห่งอาเดเซซู เรื่องผู้นำทัพก็เช่นกัน จะมีเทพลงมาจากสวรรค์ รับกายเป็นมนุษย์เพื่อนำทัพแห่งมวลมนุษย์ ถือว่าเป็นเทพที่ยอมตายบนสวรรค์และเกิดใหม่เป็นมนุษย์นั่นแหละ บ้างก็ว่าลงมาจากสวรรค์เลย บ้างก็ว่ามาเกิดใหม่ในครรภ์มนุษย์ ทั้งหมดจะเป็นผู้มีเป้าหมายเดียวกัน คือการปราบราชันต์อสูร ล้างพันธุ์อสูรชั่วร้ายให้สิ้น พวกเขาเป็นผู้มาจากแผนการทั้งหมดของพระผู้เป็นเจ้า"
“คืออาณาจักรข้าก็เล่าเรื่องประมาณๆ นี้เหมือนกันนะ แต่ข้าอาจจะจำๆ ลืมๆ บ้าง" ซาโก้นึกถึงเรื่องผมสีโลหิตของตนและความเชื่อของคนรอบตัวเขา
"แต่ว่าพระเจ้าอะไรของท่านเนี่ย เหมือนในบทสวดก่อนนอนที่อาราเมอิสต์เลยเว้ย! นี่ พวกท่านพร่ำถึงพระเจ้าราวกับมีจริงงั้นแหละ" เขาถามต่อทันที
"อย่าได้กล่าวเช่นนั้น เป็นการลบหลู่พระองค์" พีคชี้หน้าซาโก้อย่างไม่พอใจทันที
“ช้าก่อนเถอะพีค ซาโก้ผู้นี้เขาไม่ได้ตั้งใจเช่นนั้นหรอก เขามีใจที่ภักดีต่อพระองค์ไม่ต่างจากพวกเรา แต่เขายังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครและมีหน้าที่อะไร …....ซาโก้ บัดนี้ข้ายังไม่อาจอธิบายให้เจ้าเข้าใจได้ทั้งหมด เรื่องในตอนนี้ก็คือ ข้าในฐานะผู้นำกองทัพปลดปล่อยอาณาจักรอคาเดีย ได้เดินทางมาขอร้องเจ้า นักรบหนุ่ม ให้มาช่วยพวกข้าในการต่อสู้กับอสูรผู้กำลังกำเริบครองอาณาจักรของมนุษย์อยู่ หากเจ้าอยากจะกลับสู่ความเป็นนักรบ ข้าเปิดทางให้กับเจ้าแล้ว"
วูฟค้อมศีรษะลงเล็กน้อยและใช้มือซ้ายแตะที่อกเป็นสัญลักษณ์การทำความเคารพหรือแสดงมารยาทในการขอร้องผู้อื่น ปกติแล้วคนทั่วไปจะใช้มือขวาแตะที่อกซ้ายในขณะค้อมตัวไปข้างหน้า แต่นักรบจะค้อมตัวไม่มากอีกทั้งยังไม่ละสายตาจากฝ่ายตรงข้าม พร้อมทั้งใช้มือซ้ายแตะที่อกขวา เป็นสากลทั่วโลกที่นักรบแสดงถึงการระมัดระวังตัว ให้พร้อมสู้รบเสมอ แม้ในระหว่างแสดงมารยาทที่ดีก็ตาม
...........................................
(มีต่อ)
THE TALENT จอมคนจุติสวรรค์พันธุ์นักรบ บทที่ 2 : ผู้นำทัพฝ่ายมนุษย์แห่งพิภพ
THE TALENT
จอมคนจุติสวรรค์พันธุ์นักรบ
ศึกแรก ปฐมบทแห่งการพบกันของนักรบผู้ยิ่งใหญ่
บทที่ 2 : ผู้นำทัพฝ่ายมนุษย์แห่งพิภพ
ซาโก้ไม่รู้ได้ว่าเหตุใดชายแปลกหน้าทั้งสามจึงรู้สถานที่ที่เขามักจะมาซุ่มฝึกฝีมืออยู่คนเดียวในวันว่าง หรือเพียงบอกสถานที่ไปเพราะเป็นคนแปลกถิ่นไม่รู้จะหาที่ไหนที่เหมาะสมเป็นลานประลอง เขาเดินทางมาถึงที่ชายหาดใกล้ท่าเรือตั้งแต่เช้า เพราะไม่รู้ว่าชายทั้งสามจะปรากฏตัวมาเมื่อใด แต่เมื่อเดินทางมาถึงเขาก็ต้องตกใจ เพราะชายผู้มีตาสีเพลิงยืนอยู่ริมหาด ด้วยชุดที่เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
ศิษย์ของเขาทั้งสองคนยืนอยู่ไม่ห่างกัน แต่อยู่ในชุดเหมือนเมื่อวาน ดูท่าทางเหมือนไม่ได้รอคอยเขาเท่าไหร่ หากแต่ยืนมองโน่นมองนี่ไปเฉยๆ คุยกันบ้าง พอซาโก้มาถึงในชุดที่เตรียมพร้อมสู้เหมือนกัน ทั้งสองก็เงียบทันที ซาโก้ไม่ได้มีชุดฝึกติดตัวมาจากที่บอกซ์โดว์ มีเพียงเสื้อยืดตัวเก่าๆ ที่ใช้ใส่ในชุดทำงาน ตัดแขนให้กุดเหมือนชุดฝึก กางเกงพอดีตัวไม่หลวมโคลกเหมือนชุดกรรมกร ที่เท้าเป็นรองเท้าคู่ใหม่เหมือนเพิ่งซื้อมา รองเท้าทำจากผ้าใบหุ้มข้อสีดำดูยังใหม่เอี่ยม เพราะรองเท้าผ้าใบคู่เก่าขาดยังชุ่มน้ำและไม่มีทีท่าจะแห้งสักที
“ท่านเหมือนจะรู้เรื่องเกี่ยวกับข้าไปเสียหมด" เมื่อเดินมาถึง ซาโก้พูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน แทนการทักทาย
“ไม่หรอก ไม่ได้รู้หมดทุกเรื่อง" ชายตาสีเพลิงพูดยิ้มๆ
“ก่อนจะสู้กัน ข้าขอถาม ท่านมีนามว่าอะไร" ซาโก้เพิ่งจะถามชื่อชายตาสีเพลิง สิ่งนี้เขาควรจะทำตั้งแต่เมื่อวาน แล้วเขาก็ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองยังพอจำสำนวนสุภาพแบบนักรบได้บ้าง
“เจ้าคงไม่เชื่อในนามของข้า" ชายตาสีเพลิงยิ้มแห้งๆ ก่อนจะเริ่มยืดเส้นยืดสาย
“วุ้ย! ถามชื่อดีๆ มากวนใส่ข้าซะอย่างนั้น อุตส่าห์พูดจาดีๆ แบบนักรบเขาทำกันแล้วนะเฟ่ย จะต้องให้ข้ามาโวยวายแบบนักเลงท่าเรือเหมือนเดิมอีกทำไมฟะ" ซาโก้เริ่มหงุดหงิด เขาเองก็เริ่มอบอุ่นร่างกายบ้างแล้ว
“พวกเจ้าพูดจาเสียดิบดีว่าไม่เชื่อเรื่องของข้า เมื่อวานนี้" ฝ่ายตรงข้ามพูดขึ้นอย่างแปลกๆ
“หือ" ซาโก้ที่ก้มตัวยืดเส้นยืดสายอยู่เงยหน้ามองผู้พูดอย่างแปลกใจ
“ทั่วโลกรู้จักนามข้าว่า วูฟ แห่งตระกูล แซนเดอร์"
ความเงียบก่อเกิดไปทั่วชายหาด แม้ว่าเสียงหวูดเรือและเสียงความวุ่นวายจากท่าเรือจะดังมาตามลม ไม่ไกลกันกับชายหาดเงียบๆ นี้สักเท่าไหร่
“รู้อะไรมั้ยท่าน เอ่อ ท่านวูฟ" ซาโก้ มีน้ำเสียงนิ่งเฉย
“หากข้าไม่พิศวงในตัวท่านขนาดนี้ คงไม่เชื่อที่ท่านพูดสักนิดเดียว คงหัวเราะใส่ท่านไปเรียบร้อยแล้ว" สิ่งนี้เป็นจริงตามที่หนุ่มผมแดงพูดออกไปทุกประการ มีอะไรบางอย่างในตัวชายผู้นี้ที่ทำให้ซาโก้รู้สึกว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาๆ แม้กระทั่งนักรบธรรมดาๆ ก็ไม่ใช่
“เอาเป็นว่าอย่าเชื่อข้าจนกว่าจะได้สู้กับข้า ดีไหมล่ะ...” ชายผู้แนะนำว่าตัวเขาคือ วูฟ แซนเดอร์ ยิ้มแล้วตั้งท่าเตรียมพร้อมต่อสู้ ท่าเดียวกับแดน ซิลวาร์ แต่ชายผู้นี้ถนัดซ้ายเหมือนกับซาโก้ เขาตั้งการ์ดโดยใช้ด้านขวานำ
“ก็ดีนะ" ซาโก้ตั้งท่าเหมือนกัน ในใจคิดว่ายังไงก็ขออัดให้หมอบไปได้ก่อน แล้วมีคำถามที่จะถามชายคนที่อ้างว่าคือ วูฟ แซนเดอร์ ตั้งมากมายทีเดียว
“งั้นก็มาเริ่มกันเลยดีกว่า" ชายตาสีเพลิงกล่าว
…......................
ซาโก้คิดว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะเหมือนกับการต่อสู้กับแดนเมื่อคืน แต่เขาผิดถนัด ชายผู้นี้เหนือชั้นกว่าแดนมาก ทั้งพลัง ความเร็ว ความหนักหน่วงของท่วงท่า การปะทะ โดยเฉพาะความฉลาดในการต่อสู้ที่แก้ไขการโจมตีของซาโก้ได้ทุกท่าและโต้กลับรุนแรง บางทีก็เป็นฝ่ายรุกหนักอย่างที่ซาโก้ไม่อาจต้านทานไหว
การต่อสู้ดำเนินไปร่วมครึ่งชั่วโมง จนมีคนแถวๆ นั้นผ่านมาเห็นก็มายืนดูกันอย่างแปลกใจสุดๆ ข่าวลือว่ามีคนมาสู้กับโกอี้ของพวกเขาได้อย่างสูสีก็เรื่องนึงแล้ว นี่เขามาเห็นกับตาว่าหนุ่มผมแดงกำลังโดนเล่นงานอย่างลืมตาอ้าปากไม่ได้เลยทีเดียว
ส่วนใหญ่คนแถวๆ นั้นที่ผ่านมาเป็นชาวประมงที่เคยเห็นซาโก้มาฝึกซ้อมที่นี่ประจำ ส่วนใหญ่จะเป็นชายแก่คนมีอายุหน่อย ถ้าเป็นคนหนุ่มจะรู้จักกับซาโก้ทุกคน พวกเขาเห็นก็พยายามตะโกนเชียร์ซาโก้
“อัดมันกลับเลยสิวะไอ้หัวแดง เจ้าน่ะมันเก่งหยั่งกะอสูรร้ายมาแต่ไหนแล้ว ไหงโดนมันอัดฝ่ายเดียวละวะ"
“เฮ้ย! อย่าให้เสียชื่อกรรมกรท่าเรือโดโบร่าสิวะโกอี้"
“เอาเลยๆ สู้มัน เล่นมันให้ตาย เอ้า! โดนอยู่ฝ่ายเดียวเลยเว้ย!”
และแล้วซาโก้ก็จมอยู่กับกองทรายอย่างลุกขึ้นไม่ทันเสียงนับสิบของวูฟ แซนเดอร์
“ให้ตายเหอะหวะ เรื่องนี้ชาวบ้านเอาไปพูดกันต่อเป็นข่าวใหญ่แน่เลย" ซาโก้บ่นขึ้นมาคำแรกเมื่อ หนุ่มผมบลอนด์ช่วยดึงเขาขึ้นมาจากทราย ซาโก้เลือดออกเต็มหน้าและตามตัว เสื้อยืดที่ใส่ขาดและเละเทะจนควรจะโยนทิ้งไปได้เลย
“เจ้านี่มันห่วงปากชาวบ้านมากกว่าสังขารตัวเองรึยังไงกันนะ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นผู้ถูกเลือกเลย" หนุ่มผมบลอนด์พูด
“อะไรของเจ้าวะ ผู้ถูกเลือกอะไร แต่เดี๋ยวก่อน ข้ามีคำถามจะถามพวกท่านมากมาย พวกเจ้าเป็นใครกันแน่" ซาโก้พยุงตัวยืน
“บอกแล้วว่าข้าคือ วูฟ แซนเดอร์...” ชายตาสีเพลิงพูดอีกครั้ง
“ถึงจะทำใจให้เชื่อได้ยาก ก็ต้องเชื่อหละวะ แต่ที่ข้าหมายถึงน่ะ พวกท่านมาทำไมกันที่นี่ เจาะจงจะมาหาข้าหรือยังไง แล้วรู้ได้ยังไงว่าข้าเป็นนักรบ"
“ขอแนะนำตัวกันก่อนก็แล้วกันนะ ข้าพีค ดูเด็คซ์ เจ้านี่แดน ศิษย์น้องของข้า เจ้ารู้ชื่อแล้วเมื่อวาน อาจารย์ของพวกข้าคือท่านวูฟ แซนเดอร์ ในตำนานที่พวกเจ้าเล่ากันนี่แหละ ท่านกลับออกมาจากภูเขาไฟกัลก็อคจริงๆ แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นอะไรที่สำคัญนัก เรื่องสำคัญคือตัวเจ้านี่แหละ" ชายผมบลอนด์เป็นฝ่ายอธิบายแบบไม่ตรงตามที่ซาโก้อยากรู้สักทีเดียว
“ใช่แล้ว ซาโก้ ไวทอน พวกข้ามาเพื่อพบเจ้า มาเพื่อชักชวนเจ้าเข้าร่วมกองทัพของพวกเรา" วูฟ แซนเดอร์ พูด
“หา! กองทัพ กองทัพอาณาจักรไหนกัน แล้วทำไมจึงชักชวนข้า" ซาโก้แปลกใจ ในระหว่างนั้นเขาถอดเสื้อออกมาเช็ดเลือดและความสกปรกตามตัว
“พวกเรากองทัพกอบกู้อาณาจักรอคาเดีย เจ้าคงจะทราบข่าวอาณาจักรอคาเดียโดนยึดครองโดยไชกาเมส ราชาอสูรแห่งยุคใหม่นี้ เรื่องนี้นานร่วมหกปีได้แล้ว มีพระบัญชาจากพระเจ้าให้ข้ามาช่วยอาณาจักรนี้ ตัวข้าเองถือว่าเป็นนักรบที่ไม่ได้อยู่ในกองทัพของอาณาจักรที่ตัวเองเกิดหรือเติบโตมาเท่าไหร่หรอก เมื่อประมาณร้อยปีก่อนข้าก็เป็นแม่ทัพของอาณาจักรลูเครเซีย ซึ่งบัดนี้ก็สงบสุขปราศจากการรุกรานของอสูรแล้ว"
“อะไรของท่านเนี่ย อสูรที่ว่านี่ยังมีอยู่อีกเรอะ เขาว่าเผ่าพันธุ์อสูรแท้ๆ ที่ชั่วร้ายนั้น สิ้นสุดไปร้อยปีแล้วนะ" ซาโก้ยังงงๆ
“มันไม่มีวันหายไป มันแฝงตัวอยู่กับมนุษย์อย่างพวกเรานี่แหละ" แดนพูด
“เจ้าคือหนึ่งในนักรบที่พระเจ้าได้เลือกไว้เพื่อสงครามล้างเผ่าพันธุ์อสูรครั้งสุดท้าย ที่จะเกิดขึ้นในอีกหลายปีข้างหน้าซึ่งก็อาจจะผ่านไปเป็นสิบปีอยู่เหมือนกัน ก่อนจะถึงตอนนั้นก็เกิดเรื่องราวต่างๆ มากมาย แต่ข้ามิสามารถเล่าให้เจ้าฟังได้โดยละเอียดนัก"
“อะไรฟะ" ซาโก้ถึงกับสบถออกมาอย่างแปลกใจและงุนงง
“อย่าเพิ่งงงอะไรมาก เอาอย่างนี้ เจ้าเคยได้ยินตำนานของกองทัพฝ่ายมนุษย์บ้างมั้ย กองทัพของนักรบพันธ์แท้ โดยชาติพันธุ์และพรสวรรค์ทั้งหมด มีผู้นำเป็นเทพจุติจากสวรรค์"
"อะไร...พันธุ์แท้คืออะไร เป็นสัตว์หรือไง แล้วผู้นำทัพอะไร จุติแปลว่าอะไรฟะ" ซาโก้งุนงง
“เอาเถอะ อาณาจักรเจ้าคงไม่พูดถึงตำนานนี้มั้ง กองทัพฝ่ายมนุษย์คือบรรพบุรุษของพวกเราทั้งหลาย ที่รวมตัวกันเพื่อต่อต้านอสูร ทั้งหมดเป็นนักรบโดยชาติพันธุ์ จึงมีร่างกายที่สามารถต่อกรกับอสูรได้ มีการบันทึกไว้ในคัมภีร์โบราณแห่งอาเดเซซู เรื่องผู้นำทัพก็เช่นกัน จะมีเทพลงมาจากสวรรค์ รับกายเป็นมนุษย์เพื่อนำทัพแห่งมวลมนุษย์ ถือว่าเป็นเทพที่ยอมตายบนสวรรค์และเกิดใหม่เป็นมนุษย์นั่นแหละ บ้างก็ว่าลงมาจากสวรรค์เลย บ้างก็ว่ามาเกิดใหม่ในครรภ์มนุษย์ ทั้งหมดจะเป็นผู้มีเป้าหมายเดียวกัน คือการปราบราชันต์อสูร ล้างพันธุ์อสูรชั่วร้ายให้สิ้น พวกเขาเป็นผู้มาจากแผนการทั้งหมดของพระผู้เป็นเจ้า"
“คืออาณาจักรข้าก็เล่าเรื่องประมาณๆ นี้เหมือนกันนะ แต่ข้าอาจจะจำๆ ลืมๆ บ้าง" ซาโก้นึกถึงเรื่องผมสีโลหิตของตนและความเชื่อของคนรอบตัวเขา
"แต่ว่าพระเจ้าอะไรของท่านเนี่ย เหมือนในบทสวดก่อนนอนที่อาราเมอิสต์เลยเว้ย! นี่ พวกท่านพร่ำถึงพระเจ้าราวกับมีจริงงั้นแหละ" เขาถามต่อทันที
"อย่าได้กล่าวเช่นนั้น เป็นการลบหลู่พระองค์" พีคชี้หน้าซาโก้อย่างไม่พอใจทันที
“ช้าก่อนเถอะพีค ซาโก้ผู้นี้เขาไม่ได้ตั้งใจเช่นนั้นหรอก เขามีใจที่ภักดีต่อพระองค์ไม่ต่างจากพวกเรา แต่เขายังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครและมีหน้าที่อะไร …....ซาโก้ บัดนี้ข้ายังไม่อาจอธิบายให้เจ้าเข้าใจได้ทั้งหมด เรื่องในตอนนี้ก็คือ ข้าในฐานะผู้นำกองทัพปลดปล่อยอาณาจักรอคาเดีย ได้เดินทางมาขอร้องเจ้า นักรบหนุ่ม ให้มาช่วยพวกข้าในการต่อสู้กับอสูรผู้กำลังกำเริบครองอาณาจักรของมนุษย์อยู่ หากเจ้าอยากจะกลับสู่ความเป็นนักรบ ข้าเปิดทางให้กับเจ้าแล้ว"
วูฟค้อมศีรษะลงเล็กน้อยและใช้มือซ้ายแตะที่อกเป็นสัญลักษณ์การทำความเคารพหรือแสดงมารยาทในการขอร้องผู้อื่น ปกติแล้วคนทั่วไปจะใช้มือขวาแตะที่อกซ้ายในขณะค้อมตัวไปข้างหน้า แต่นักรบจะค้อมตัวไม่มากอีกทั้งยังไม่ละสายตาจากฝ่ายตรงข้าม พร้อมทั้งใช้มือซ้ายแตะที่อกขวา เป็นสากลทั่วโลกที่นักรบแสดงถึงการระมัดระวังตัว ให้พร้อมสู้รบเสมอ แม้ในระหว่างแสดงมารยาทที่ดีก็ตาม
...........................................
(มีต่อ)