zzz คดีปรส.ข้อกังขา zzz

กระทู้สนทนา
ขอนำความข้อความของคุณหนึ่งคนสยามมาเผยแพร่ค่ะ

ผมขออนุญาตนำเสนอมุมมองส่วนตัวที่คิดว่ามีผลทำให้ ป.ป.ช.ทำเหมือนว่าทำให้เราคิดว่า ป.ป.ช.ดองคดี ปรส.
ไว้นานเกินควรแล้วครับท่าน ป.ป.ช.ที่เคารพ
          เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า  กองทุนรวมฯที่ตั้งขึ้นมาตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ฯ พ.ศ.2535 ซึ่งเป็นกฎหมายมหาชนนี่
ตากหลักแล้วกฎหมายมหาชนต้องมีเจตนารมณ์เพื่อคุ้มครองปวงชน  คุ้มครองมหาชนคนส่วนรวม  ไม่ใช่คุ้มครองเอกชนนะครับ
          กฎหมายมหาชนจึงต้องกำหนดหน้าที่องค์กรที่ทำหน้าที่บังคับใช้กฎหมายไว้ชัดแจ้ง  อะไรที่ไม่ได้ให้อำนาจไว้ แต่ก็ไม่ได้
ห้ามไว้  องค์กรผู้ทำหน้าที่บังคับใช้กฎหมายทำไม่ได้นะครับ   ขออนุญาตเทียบเคียงตัวอย่างเดิมๆที่ดังที่สุดในโลก คือ
          องค์กรอิสระตามรธน.2540 กฎหมายตั้งองค์กรนั้นๆ มิได้ให้อำนาจเรื่องการขึ้นค่าตอบแทนตอนเองไว้  แต่ก็ไม่ได้ห้ามไว้
องค์อิสระตาม รธน.2540 ดันทำเรื่องขึ้นค่าตอนแทนตนเอง  ผลปรากฏว่า  ถูกดำเนินคดีต่อศาล แล้วในที่สุดศาลพิพากษาว่าผิดนะครับ
แต่เนื่องจากศาลปราณีรอลงอาญาเท่านั้น
          ตามปกติการจัดตั้งกองทุนรวมการขอจดทะเบียนกองทุนรวมฯ ต้องให้บริษัทจัดการหลักทรัพย์ฯเป็นผู้ดำเนินการให้ และจะต้องกระจาย
หน่วยการเพื่อป้องกันเอกชนรายใดรายหนึ่งผูกขาดผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการบริหารจัดการกองทุนรวมฯ ครับ เพื่อรักษาความเป็นธรรมของนักลงทุนทุกท่านให้เท่าเทียมกันครับ
          *** แต่ปรากฏว่าช่วงปลายปี 2541-ปี 2542 ---เกิดกรณีพิศดารขึ้นที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
ที่เป็นองค์กรที่บังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ฯ พ.ศ.2535 ครับ***
          *** เรื่องมีอยู่ว่า ***  
                ปลายปี 2541 ถึง ปี 2542  มีบริษัทฯที่ชนะการประมูลจากการทำหน้าที่ขายสินทรัพย์ 56 ไฟแน้นซ์ที่ถูกปิดกิจการ ไปดำเนินการขอจดทะเบียนกองทุนรวมฯ ในตลาดหลักทรัพย์  ประมาณ 6-7 กองทุนรวมฯ--ดำเนินการถูกต้องโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมฯ นะครับ
          *** แต่ที่ต้องสงสัยว่าผิดกฎหมายหรือไม่น่าจะชอบด้วยกฎหมาย ***  คือ
           1.  กระจายหน่วยลงทุนอย่างไร  เมื่อไร  ตอนไหน  จึงทำให้หน่วยลงทุนไปกระจุกอยู่ที่ บริษัทฯที่ชนะการประมูลสินทรัพย์จาก ปรส.+ 56
               ไฟแน้นซ์  จึงเป็นผู้ถือหน่วยลงทุนรายใหญ่ในกองทุนรวมฯ ที่แต่ละบริษัทฯดำเนินการเพิ่อขอจดทะเบียนฯ  (ประมาณ 70-99 % ของ
               แต่ละกองทุนรวมฯ ของแต่ละบริษัทฯใช้เป็นร่างทรงฯ)
               ---เป็นข้อกังขาว่า--นี่เป็นไปตามกฎหมาย และเจตนารมณ์ของกฎหมาย พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ฯ แล้วหรือ เป็นการขัดต่อกฎหมายที่เกี่ยวกับ
               ความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของ ป.ช.ช.แล้วหรือ---หากฟังได้ว่าฝ่าฝืนกฎหมายแล้ว--การจดทะเบียนกองทุนรวมฯ จะตกเป็น
               โมฆะทั้งหมด
           2.  การที่องค์ผู้บังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ฯ  (ก.ล.ต.) อนุญาตให้ยกเว้นกฎหมายดังกล่าว  ด้วยการยกเว้นให้ บรรดาบริษัทฯ
                ที่ชนะการประมูลจากการขายของ ปรส. นั้นสามารถถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมฯ ที่แต่ละบริษัทฯขอจดทะเบียนนั้น ถือหน่วยลงทุน
               ได้เกินกว่าร้อยละ 10 ของหน่วยลงทุนทั้งหมด---ความจริง--ที่จริง 100%--บริษัทฯที่ชนะประมูลเหล่านั้น--ถือหน่วยลงทุนของเขาแต่ละ
                กองทุนรวมฯ (ร้อยละ 70-99 เลยนะครับ)  
               ---เป็นข้อกังขาว่า--- ก.ล.ต.อาศัยอำนาจตามกฎหมายข้อใด มาตราใด ที่ทำให้เกิด กรณีที่ บริษัทฯใหญ่ๆ ที่เป็นผู้ชนะการประมูลจาก
                ปรส.+ 56 ไฟแน้นซ์  มาทำการสวม "ตอซัง "ใช้กองทุนรวมฯ ในตลาดหลักทรัพย์เป็นร่างทรง  ด้วยวิธีการผูกขาดอำนาจการได้ผล
                ประโยชน์จากการติดตามทวงหนี้ด้วยการผูกขาดผลประโยชน์จากกองทุนรวมฯแต่ผู้เดียว ---เท่ากับทำให้เอกชนรายใหญ่ผูกขาดการได้
                รับยกเว้นภาษี---ก.ล.ต.ทำได้ด้วยอำนาจใดกัน
                หากฟังได้ว่า เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย  การจดทะเบียนกองทุนรวมฯทั้งหลายเป็นโมฆะเช่นกันครับ
            3.  เมื่อ บริษัทฯ ที่ชนะประมูลจาก ปรส.+ 56 ไฟแน้นซ์ ที่ถูกแสนถูกประมูลไปรวมๆ 190,000 ล้านบาท จากมูลค่าตามที่ค้างทางบัญชี
                 ของทรัพย์สินจำพวพกสัญญาสินเชื่อต่างๆ ประมาณ 851,000 ล้านบาท (ไม่แยกหนี้ดี ไม่แยกหนี้เสีย ไม่มีราคาขั้นต่ำ)
                 -- เขาทำการสวมตอซังกองทุนรวมฯสำเร็จโดยการสนับสนุนของ ก.ล.ต.ที่เป็นที่กังขายิ่งนักว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่--
                 -- เขาก็นำเอากองทุนรวมฯเหล่านั้น หวนกลับมาทำสัญญา กับ ปรส.+ 56 ไฟแน้นซ์--ผลที่ออก--หรือ--หมายเลขที่ออก--
                 ***ปรส.+ 56 ไฟแน้นซ์ ฝ่ายผู้ขาย  ทำสัญญาขาย  กับ   กองทุนรวมฯ ร่างทรงของ บริษัทฯที่ชนะประมูล***
                 ***ปรส.+ 56 ไฟแน้นซ์  ฝ่ายผู้ขาย  ได้รับชำระราคาไปเพียงประมาณ 190,000 ล้านบาท *** ไม่เก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม
                      จากบริษัทฯที่ชนะประมูลประมาณ 13,000 ล้านบาท ส่งสรรพากร  ***
                 *** ผล คือ กรมสรรพกากร และกระทรวงการคลัง ชวดฉลูขาลเถาะและแห้วไม่ได้รับภาษ๊มูลค่าเพิ่มประมาณ 13,000 ล้านบาท
                       แห้วมาถึงทุกวันนี้แหละครับ***
              4.   เวลาที่ติดตามทวงถามหนี้เอากับ ป.ช.ช.ที่เป็นลูกหนี้  เขาเปิดเผยครับ ว่า กองทุนนี้เป็นร่างทรงของบริษัทฯใด โดยระบุชัดแจ้งไว้ใน
                    หนังสือทวงถาม----ชัดเจนมากว่าเขาเหล่านั้นได้ประโยชน์แบบผูกขาดในการจัดการกองทุนรวม ฯ ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ฯ
                    ผิดเจตนารมณ์กฎหมายมหาชนชัดแจ้งที่ต้องคุ้มครองมหาชน  ไม่ใช่คุ้มครองเอกชน
                    ด้วยเหตุผลที่ผมยกมาข้างต้น  จึงมีผู้กล่าวหารายหนึ่ง กล่าวโทษต่อ ดีเอสไอ ว่า การจดทะเบียนกองทุนรวมฯ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และ ก.ล.ต.กับพวก ดำเนินการฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งต่อมานำมาใช้เกี่ยวเนื่องกับการทำความผิดในคดี ปรส.  
                    เป็นเหตุให้ ดีเอสไอ สรุปสำนวนฟ้องคดีไปได้เพียงคดีเดียว  ส่วนอื่นๆ เกินอำนาจ ดีเอสไอ  จึงต้องสรุปสำนวนส่งต่อมาที่ ป.ป.ช.
และก็ดูเหมื่อนว่าจะถูกดองอยู่ที่ ป.ป.ช.นานกว่า 5 ปีแล้วนะครับ
                    ท่านอ่านแล้วรู้สึกอย่างไรครับ  มันลูบหน้าปะจมูกไหมครับ  มันหยิกเล็บเจ็บเนื้อไหมครับ                
                    ผมเองไม่บังอาจฟันธงว่า  "  เป็นขบวนการทุจริต หรือขบวนการโง่โดยสุจริต หรือขบวนการทุจริตที่โง่โดยสุจริต  " เป็นหน้าที่ของ
ป.ป.ช.ท่านพิจารณานะครับ
                    เพราะ เอกสารที่ ก.ล.ต. ที่ตลาดหลักทรัพย์ ฯ ที่ ปรส. ที่กรมสรรพากร ที่กระทรวงการคลัง ที่กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม เขาทำกันไว้ชัดเจนแบบทีวีดิจิตอลครับ
                    ผมกังวลว่าส่วนที่เกี่ยวข้องหน่วยงานอื่นๆ ที่ไม่ใช่ ปรส. และหน่วยงานที่ใหญ่กว่า ปรส.นี่แหละครับอาจเป็ไปได้ว่าจะไม่มีมูลครับ
                    อย่างไรก็ตาม ท่าน ป.ป.ช.ที่เคารพครับ  เพื่อเกียรติภูมิของชาติไทย  อย่าให้อายกลุ่มอเมริกันชน กลุ่ม จี อี แคปปิตอล  ที่มีผู้ใหญ่ในรัฐบาลช่วงนั้นไปต้อนรับที่ห้องวีไอพีสนามบินดอนเมืองวันที่นักศึกษาพม่าได้คุณชายสุขุมพันธุ์ ฯ ร.ม.ต.ต่างประเทศพาตัวไปปล่อยที่สวนผึ้งราชบุรีนั่นแหละครับ
                   ท่าน ป.ป.ช. ที่เคารพครับ  กลุ่มทุนจีอีแคปปิตอลนี่แหละครับ เป็นลูกค้ารายใหญ่สุดของ ปรส.+ 56 ไฟแน้นซ์ ที่เขาไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และโกยกำไรไปจากประเทศไทย เมื่อ ปี 2544-2548 น่าจะกำไรประมาณ 2-3 แสนล้านบาทได้เลยนะครับ  
                   ป.ช.ช.รอความหวังจาก ป.ป.ช.ว่าจะส่งต่อคดี ปรส.เข้ากระบวนการสุดท้ายปลายทางที่ศาลยุติธรรมเร็วๆนี้นะครับ
ตอบกลับ
7 10  
หนึ่งคนสยาม  
4 มีนาคม เวลา 11:46 น.

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

คดีปรส.หมดอายุคดีแรก 21 มิถุนายน 2556 เหลือเวลา 120 วัน

สีงที่ดิฉันกังวลอยู่ขณะนี้คือ คดีปรส.ที่ถูกดึงมาจนจะหมดอายุความ แต่สุดท้ายจะถูกคณะกรรมาการปชช.ชี้ว่าคดีปรส.ไม่มีมูล
สีงที่รอมานานก็จะสูญเปล่าไปในพริบตา จึงขอความกรุณาปปช.ช่วยส่งคดีไปที่ศาลให้ศาลตัดสินไปเถอะค่ะ อย่าให้มาจบลงที่ท่านเลยค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่