ขอนำความข้อความของคุณหนึ่งคนสยามมาเผยแพร่ค่ะ
ผมขออนุญาตนำเสนอมุมมองส่วนตัวที่คิดว่ามีผลทำให้ ป.ป.ช.ทำเหมือนว่าทำให้เราคิดว่า ป.ป.ช.ดองคดี ปรส.
ไว้นานเกินควรแล้วครับท่าน ป.ป.ช.ที่เคารพ
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า กองทุนรวมฯที่ตั้งขึ้นมาตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ฯ พ.ศ.2535 ซึ่งเป็นกฎหมายมหาชนนี่
ตากหลักแล้วกฎหมายมหาชนต้องมีเจตนารมณ์เพื่อคุ้มครองปวงชน คุ้มครองมหาชนคนส่วนรวม ไม่ใช่คุ้มครองเอกชนนะครับ
กฎหมายมหาชนจึงต้องกำหนดหน้าที่องค์กรที่ทำหน้าที่บังคับใช้กฎหมายไว้ชัดแจ้ง อะไรที่ไม่ได้ให้อำนาจไว้ แต่ก็ไม่ได้
ห้ามไว้ องค์กรผู้ทำหน้าที่บังคับใช้กฎหมายทำไม่ได้นะครับ ขออนุญาตเทียบเคียงตัวอย่างเดิมๆที่ดังที่สุดในโลก คือ
องค์กรอิสระตามรธน.2540 กฎหมายตั้งองค์กรนั้นๆ มิได้ให้อำนาจเรื่องการขึ้นค่าตอบแทนตอนเองไว้ แต่ก็ไม่ได้ห้ามไว้
องค์อิสระตาม รธน.2540 ดันทำเรื่องขึ้นค่าตอนแทนตนเอง ผลปรากฏว่า ถูกดำเนินคดีต่อศาล แล้วในที่สุดศาลพิพากษาว่าผิดนะครับ
แต่เนื่องจากศาลปราณีรอลงอาญาเท่านั้น
ตามปกติการจัดตั้งกองทุนรวมการขอจดทะเบียนกองทุนรวมฯ ต้องให้บริษัทจัดการหลักทรัพย์ฯเป็นผู้ดำเนินการให้ และจะต้องกระจาย
หน่วยการเพื่อป้องกันเอกชนรายใดรายหนึ่งผูกขาดผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการบริหารจัดการกองทุนรวมฯ ครับ เพื่อรักษาความเป็นธรรมของนักลงทุนทุกท่านให้เท่าเทียมกันครับ
*** แต่ปรากฏว่าช่วงปลายปี 2541-ปี 2542 ---เกิดกรณีพิศดารขึ้นที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
ที่เป็นองค์กรที่บังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ฯ พ.ศ.2535 ครับ***
*** เรื่องมีอยู่ว่า ***
ปลายปี 2541 ถึง ปี 2542 มีบริษัทฯที่ชนะการประมูลจากการทำหน้าที่ขายสินทรัพย์ 56 ไฟแน้นซ์ที่ถูกปิดกิจการ ไปดำเนินการขอจดทะเบียนกองทุนรวมฯ ในตลาดหลักทรัพย์ ประมาณ 6-7 กองทุนรวมฯ--ดำเนินการถูกต้องโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมฯ นะครับ
*** แต่ที่ต้องสงสัยว่าผิดกฎหมายหรือไม่น่าจะชอบด้วยกฎหมาย *** คือ
1. กระจายหน่วยลงทุนอย่างไร เมื่อไร ตอนไหน จึงทำให้หน่วยลงทุนไปกระจุกอยู่ที่ บริษัทฯที่ชนะการประมูลสินทรัพย์จาก ปรส.+ 56
ไฟแน้นซ์ จึงเป็นผู้ถือหน่วยลงทุนรายใหญ่ในกองทุนรวมฯ ที่แต่ละบริษัทฯดำเนินการเพิ่อขอจดทะเบียนฯ (ประมาณ 70-99 % ของ
แต่ละกองทุนรวมฯ ของแต่ละบริษัทฯใช้เป็นร่างทรงฯ)
---เป็นข้อกังขาว่า--นี่เป็นไปตามกฎหมาย และเจตนารมณ์ของกฎหมาย พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ฯ แล้วหรือ เป็นการขัดต่อกฎหมายที่เกี่ยวกับ
ความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของ ป.ช.ช.แล้วหรือ---หากฟังได้ว่าฝ่าฝืนกฎหมายแล้ว--การจดทะเบียนกองทุนรวมฯ จะตกเป็น
โมฆะทั้งหมด
2. การที่องค์ผู้บังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ฯ (ก.ล.ต.) อนุญาตให้ยกเว้นกฎหมายดังกล่าว ด้วยการยกเว้นให้ บรรดาบริษัทฯ
ที่ชนะการประมูลจากการขายของ ปรส. นั้นสามารถถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมฯ ที่แต่ละบริษัทฯขอจดทะเบียนนั้น ถือหน่วยลงทุน
ได้เกินกว่าร้อยละ 10 ของหน่วยลงทุนทั้งหมด---ความจริง--ที่จริง 100%--บริษัทฯที่ชนะประมูลเหล่านั้น--ถือหน่วยลงทุนของเขาแต่ละ
กองทุนรวมฯ (ร้อยละ 70-99 เลยนะครับ)
---เป็นข้อกังขาว่า--- ก.ล.ต.อาศัยอำนาจตามกฎหมายข้อใด มาตราใด ที่ทำให้เกิด กรณีที่ บริษัทฯใหญ่ๆ ที่เป็นผู้ชนะการประมูลจาก
ปรส.+ 56 ไฟแน้นซ์ มาทำการสวม "ตอซัง "ใช้กองทุนรวมฯ ในตลาดหลักทรัพย์เป็นร่างทรง ด้วยวิธีการผูกขาดอำนาจการได้ผล
ประโยชน์จากการติดตามทวงหนี้ด้วยการผูกขาดผลประโยชน์จากกองทุนรวมฯแต่ผู้เดียว ---เท่ากับทำให้เอกชนรายใหญ่ผูกขาดการได้
รับยกเว้นภาษี---ก.ล.ต.ทำได้ด้วยอำนาจใดกัน
หากฟังได้ว่า เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย การจดทะเบียนกองทุนรวมฯทั้งหลายเป็นโมฆะเช่นกันครับ
3. เมื่อ บริษัทฯ ที่ชนะประมูลจาก ปรส.+ 56 ไฟแน้นซ์ ที่ถูกแสนถูกประมูลไปรวมๆ 190,000 ล้านบาท จากมูลค่าตามที่ค้างทางบัญชี
ของทรัพย์สินจำพวพกสัญญาสินเชื่อต่างๆ ประมาณ 851,000 ล้านบาท (ไม่แยกหนี้ดี ไม่แยกหนี้เสีย ไม่มีราคาขั้นต่ำ)
-- เขาทำการสวมตอซังกองทุนรวมฯสำเร็จโดยการสนับสนุนของ ก.ล.ต.ที่เป็นที่กังขายิ่งนักว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่--
-- เขาก็นำเอากองทุนรวมฯเหล่านั้น หวนกลับมาทำสัญญา กับ ปรส.+ 56 ไฟแน้นซ์--ผลที่ออก--หรือ--หมายเลขที่ออก--
***ปรส.+ 56 ไฟแน้นซ์ ฝ่ายผู้ขาย ทำสัญญาขาย กับ กองทุนรวมฯ ร่างทรงของ บริษัทฯที่ชนะประมูล***
***ปรส.+ 56 ไฟแน้นซ์ ฝ่ายผู้ขาย ได้รับชำระราคาไปเพียงประมาณ 190,000 ล้านบาท *** ไม่เก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม
จากบริษัทฯที่ชนะประมูลประมาณ 13,000 ล้านบาท ส่งสรรพากร ***
*** ผล คือ กรมสรรพกากร และกระทรวงการคลัง ชวดฉลูขาลเถาะและแห้วไม่ได้รับภาษ๊มูลค่าเพิ่มประมาณ 13,000 ล้านบาท
แห้วมาถึงทุกวันนี้แหละครับ***
4. เวลาที่ติดตามทวงถามหนี้เอากับ ป.ช.ช.ที่เป็นลูกหนี้ เขาเปิดเผยครับ ว่า กองทุนนี้เป็นร่างทรงของบริษัทฯใด โดยระบุชัดแจ้งไว้ใน
หนังสือทวงถาม----ชัดเจนมากว่าเขาเหล่านั้นได้ประโยชน์แบบผูกขาดในการจัดการกองทุนรวม ฯ ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ฯ
ผิดเจตนารมณ์กฎหมายมหาชนชัดแจ้งที่ต้องคุ้มครองมหาชน ไม่ใช่คุ้มครองเอกชน
ด้วยเหตุผลที่ผมยกมาข้างต้น จึงมีผู้กล่าวหารายหนึ่ง กล่าวโทษต่อ ดีเอสไอ ว่า การจดทะเบียนกองทุนรวมฯ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และ ก.ล.ต.กับพวก ดำเนินการฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งต่อมานำมาใช้เกี่ยวเนื่องกับการทำความผิดในคดี ปรส.
เป็นเหตุให้ ดีเอสไอ สรุปสำนวนฟ้องคดีไปได้เพียงคดีเดียว ส่วนอื่นๆ เกินอำนาจ ดีเอสไอ จึงต้องสรุปสำนวนส่งต่อมาที่ ป.ป.ช.
และก็ดูเหมื่อนว่าจะถูกดองอยู่ที่ ป.ป.ช.นานกว่า 5 ปีแล้วนะครับ
ท่านอ่านแล้วรู้สึกอย่างไรครับ มันลูบหน้าปะจมูกไหมครับ มันหยิกเล็บเจ็บเนื้อไหมครับ
ผมเองไม่บังอาจฟันธงว่า " เป็นขบวนการทุจริต หรือขบวนการโง่โดยสุจริต หรือขบวนการทุจริตที่โง่โดยสุจริต " เป็นหน้าที่ของ
ป.ป.ช.ท่านพิจารณานะครับ
เพราะ เอกสารที่ ก.ล.ต. ที่ตลาดหลักทรัพย์ ฯ ที่ ปรส. ที่กรมสรรพากร ที่กระทรวงการคลัง ที่กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม เขาทำกันไว้ชัดเจนแบบทีวีดิจิตอลครับ
ผมกังวลว่าส่วนที่เกี่ยวข้องหน่วยงานอื่นๆ ที่ไม่ใช่ ปรส. และหน่วยงานที่ใหญ่กว่า ปรส.นี่แหละครับอาจเป็ไปได้ว่าจะไม่มีมูลครับ
อย่างไรก็ตาม ท่าน ป.ป.ช.ที่เคารพครับ เพื่อเกียรติภูมิของชาติไทย อย่าให้อายกลุ่มอเมริกันชน กลุ่ม จี อี แคปปิตอล ที่มีผู้ใหญ่ในรัฐบาลช่วงนั้นไปต้อนรับที่ห้องวีไอพีสนามบินดอนเมืองวันที่นักศึกษาพม่าได้คุณชายสุขุมพันธุ์ ฯ ร.ม.ต.ต่างประเทศพาตัวไปปล่อยที่สวนผึ้งราชบุรีนั่นแหละครับ
ท่าน ป.ป.ช. ที่เคารพครับ กลุ่มทุนจีอีแคปปิตอลนี่แหละครับ เป็นลูกค้ารายใหญ่สุดของ ปรส.+ 56 ไฟแน้นซ์ ที่เขาไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และโกยกำไรไปจากประเทศไทย เมื่อ ปี 2544-2548 น่าจะกำไรประมาณ 2-3 แสนล้านบาทได้เลยนะครับ
ป.ช.ช.รอความหวังจาก ป.ป.ช.ว่าจะส่งต่อคดี ปรส.เข้ากระบวนการสุดท้ายปลายทางที่ศาลยุติธรรมเร็วๆนี้นะครับ
ตอบกลับ
7 10
หนึ่งคนสยาม
4 มีนาคม เวลา 11:46 น.
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คดีปรส.หมดอายุคดีแรก 21 มิถุนายน 2556 เหลือเวลา 120 วัน
สีงที่ดิฉันกังวลอยู่ขณะนี้คือ คดีปรส.ที่ถูกดึงมาจนจะหมดอายุความ แต่สุดท้ายจะถูกคณะกรรมาการปชช.ชี้ว่าคดีปรส.ไม่มีมูล
สีงที่รอมานานก็จะสูญเปล่าไปในพริบตา จึงขอความกรุณาปปช.ช่วยส่งคดีไปที่ศาลให้ศาลตัดสินไปเถอะค่ะ อย่าให้มาจบลงที่ท่านเลยค่ะ
zzz คดีปรส.ข้อกังขา zzz
ผมขออนุญาตนำเสนอมุมมองส่วนตัวที่คิดว่ามีผลทำให้ ป.ป.ช.ทำเหมือนว่าทำให้เราคิดว่า ป.ป.ช.ดองคดี ปรส.
ไว้นานเกินควรแล้วครับท่าน ป.ป.ช.ที่เคารพ
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า กองทุนรวมฯที่ตั้งขึ้นมาตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ฯ พ.ศ.2535 ซึ่งเป็นกฎหมายมหาชนนี่
ตากหลักแล้วกฎหมายมหาชนต้องมีเจตนารมณ์เพื่อคุ้มครองปวงชน คุ้มครองมหาชนคนส่วนรวม ไม่ใช่คุ้มครองเอกชนนะครับ
กฎหมายมหาชนจึงต้องกำหนดหน้าที่องค์กรที่ทำหน้าที่บังคับใช้กฎหมายไว้ชัดแจ้ง อะไรที่ไม่ได้ให้อำนาจไว้ แต่ก็ไม่ได้
ห้ามไว้ องค์กรผู้ทำหน้าที่บังคับใช้กฎหมายทำไม่ได้นะครับ ขออนุญาตเทียบเคียงตัวอย่างเดิมๆที่ดังที่สุดในโลก คือ
องค์กรอิสระตามรธน.2540 กฎหมายตั้งองค์กรนั้นๆ มิได้ให้อำนาจเรื่องการขึ้นค่าตอบแทนตอนเองไว้ แต่ก็ไม่ได้ห้ามไว้
องค์อิสระตาม รธน.2540 ดันทำเรื่องขึ้นค่าตอนแทนตนเอง ผลปรากฏว่า ถูกดำเนินคดีต่อศาล แล้วในที่สุดศาลพิพากษาว่าผิดนะครับ
แต่เนื่องจากศาลปราณีรอลงอาญาเท่านั้น
ตามปกติการจัดตั้งกองทุนรวมการขอจดทะเบียนกองทุนรวมฯ ต้องให้บริษัทจัดการหลักทรัพย์ฯเป็นผู้ดำเนินการให้ และจะต้องกระจาย
หน่วยการเพื่อป้องกันเอกชนรายใดรายหนึ่งผูกขาดผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการบริหารจัดการกองทุนรวมฯ ครับ เพื่อรักษาความเป็นธรรมของนักลงทุนทุกท่านให้เท่าเทียมกันครับ
*** แต่ปรากฏว่าช่วงปลายปี 2541-ปี 2542 ---เกิดกรณีพิศดารขึ้นที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
ที่เป็นองค์กรที่บังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ฯ พ.ศ.2535 ครับ***
*** เรื่องมีอยู่ว่า ***
ปลายปี 2541 ถึง ปี 2542 มีบริษัทฯที่ชนะการประมูลจากการทำหน้าที่ขายสินทรัพย์ 56 ไฟแน้นซ์ที่ถูกปิดกิจการ ไปดำเนินการขอจดทะเบียนกองทุนรวมฯ ในตลาดหลักทรัพย์ ประมาณ 6-7 กองทุนรวมฯ--ดำเนินการถูกต้องโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมฯ นะครับ
*** แต่ที่ต้องสงสัยว่าผิดกฎหมายหรือไม่น่าจะชอบด้วยกฎหมาย *** คือ
1. กระจายหน่วยลงทุนอย่างไร เมื่อไร ตอนไหน จึงทำให้หน่วยลงทุนไปกระจุกอยู่ที่ บริษัทฯที่ชนะการประมูลสินทรัพย์จาก ปรส.+ 56
ไฟแน้นซ์ จึงเป็นผู้ถือหน่วยลงทุนรายใหญ่ในกองทุนรวมฯ ที่แต่ละบริษัทฯดำเนินการเพิ่อขอจดทะเบียนฯ (ประมาณ 70-99 % ของ
แต่ละกองทุนรวมฯ ของแต่ละบริษัทฯใช้เป็นร่างทรงฯ)
---เป็นข้อกังขาว่า--นี่เป็นไปตามกฎหมาย และเจตนารมณ์ของกฎหมาย พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ฯ แล้วหรือ เป็นการขัดต่อกฎหมายที่เกี่ยวกับ
ความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของ ป.ช.ช.แล้วหรือ---หากฟังได้ว่าฝ่าฝืนกฎหมายแล้ว--การจดทะเบียนกองทุนรวมฯ จะตกเป็น
โมฆะทั้งหมด
2. การที่องค์ผู้บังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ฯ (ก.ล.ต.) อนุญาตให้ยกเว้นกฎหมายดังกล่าว ด้วยการยกเว้นให้ บรรดาบริษัทฯ
ที่ชนะการประมูลจากการขายของ ปรส. นั้นสามารถถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมฯ ที่แต่ละบริษัทฯขอจดทะเบียนนั้น ถือหน่วยลงทุน
ได้เกินกว่าร้อยละ 10 ของหน่วยลงทุนทั้งหมด---ความจริง--ที่จริง 100%--บริษัทฯที่ชนะประมูลเหล่านั้น--ถือหน่วยลงทุนของเขาแต่ละ
กองทุนรวมฯ (ร้อยละ 70-99 เลยนะครับ)
---เป็นข้อกังขาว่า--- ก.ล.ต.อาศัยอำนาจตามกฎหมายข้อใด มาตราใด ที่ทำให้เกิด กรณีที่ บริษัทฯใหญ่ๆ ที่เป็นผู้ชนะการประมูลจาก
ปรส.+ 56 ไฟแน้นซ์ มาทำการสวม "ตอซัง "ใช้กองทุนรวมฯ ในตลาดหลักทรัพย์เป็นร่างทรง ด้วยวิธีการผูกขาดอำนาจการได้ผล
ประโยชน์จากการติดตามทวงหนี้ด้วยการผูกขาดผลประโยชน์จากกองทุนรวมฯแต่ผู้เดียว ---เท่ากับทำให้เอกชนรายใหญ่ผูกขาดการได้
รับยกเว้นภาษี---ก.ล.ต.ทำได้ด้วยอำนาจใดกัน
หากฟังได้ว่า เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย การจดทะเบียนกองทุนรวมฯทั้งหลายเป็นโมฆะเช่นกันครับ
3. เมื่อ บริษัทฯ ที่ชนะประมูลจาก ปรส.+ 56 ไฟแน้นซ์ ที่ถูกแสนถูกประมูลไปรวมๆ 190,000 ล้านบาท จากมูลค่าตามที่ค้างทางบัญชี
ของทรัพย์สินจำพวพกสัญญาสินเชื่อต่างๆ ประมาณ 851,000 ล้านบาท (ไม่แยกหนี้ดี ไม่แยกหนี้เสีย ไม่มีราคาขั้นต่ำ)
-- เขาทำการสวมตอซังกองทุนรวมฯสำเร็จโดยการสนับสนุนของ ก.ล.ต.ที่เป็นที่กังขายิ่งนักว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่--
-- เขาก็นำเอากองทุนรวมฯเหล่านั้น หวนกลับมาทำสัญญา กับ ปรส.+ 56 ไฟแน้นซ์--ผลที่ออก--หรือ--หมายเลขที่ออก--
***ปรส.+ 56 ไฟแน้นซ์ ฝ่ายผู้ขาย ทำสัญญาขาย กับ กองทุนรวมฯ ร่างทรงของ บริษัทฯที่ชนะประมูล***
***ปรส.+ 56 ไฟแน้นซ์ ฝ่ายผู้ขาย ได้รับชำระราคาไปเพียงประมาณ 190,000 ล้านบาท *** ไม่เก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม
จากบริษัทฯที่ชนะประมูลประมาณ 13,000 ล้านบาท ส่งสรรพากร ***
*** ผล คือ กรมสรรพกากร และกระทรวงการคลัง ชวดฉลูขาลเถาะและแห้วไม่ได้รับภาษ๊มูลค่าเพิ่มประมาณ 13,000 ล้านบาท
แห้วมาถึงทุกวันนี้แหละครับ***
4. เวลาที่ติดตามทวงถามหนี้เอากับ ป.ช.ช.ที่เป็นลูกหนี้ เขาเปิดเผยครับ ว่า กองทุนนี้เป็นร่างทรงของบริษัทฯใด โดยระบุชัดแจ้งไว้ใน
หนังสือทวงถาม----ชัดเจนมากว่าเขาเหล่านั้นได้ประโยชน์แบบผูกขาดในการจัดการกองทุนรวม ฯ ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ฯ
ผิดเจตนารมณ์กฎหมายมหาชนชัดแจ้งที่ต้องคุ้มครองมหาชน ไม่ใช่คุ้มครองเอกชน
ด้วยเหตุผลที่ผมยกมาข้างต้น จึงมีผู้กล่าวหารายหนึ่ง กล่าวโทษต่อ ดีเอสไอ ว่า การจดทะเบียนกองทุนรวมฯ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และ ก.ล.ต.กับพวก ดำเนินการฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งต่อมานำมาใช้เกี่ยวเนื่องกับการทำความผิดในคดี ปรส.
เป็นเหตุให้ ดีเอสไอ สรุปสำนวนฟ้องคดีไปได้เพียงคดีเดียว ส่วนอื่นๆ เกินอำนาจ ดีเอสไอ จึงต้องสรุปสำนวนส่งต่อมาที่ ป.ป.ช.
และก็ดูเหมื่อนว่าจะถูกดองอยู่ที่ ป.ป.ช.นานกว่า 5 ปีแล้วนะครับ
ท่านอ่านแล้วรู้สึกอย่างไรครับ มันลูบหน้าปะจมูกไหมครับ มันหยิกเล็บเจ็บเนื้อไหมครับ
ผมเองไม่บังอาจฟันธงว่า " เป็นขบวนการทุจริต หรือขบวนการโง่โดยสุจริต หรือขบวนการทุจริตที่โง่โดยสุจริต " เป็นหน้าที่ของ
ป.ป.ช.ท่านพิจารณานะครับ
เพราะ เอกสารที่ ก.ล.ต. ที่ตลาดหลักทรัพย์ ฯ ที่ ปรส. ที่กรมสรรพากร ที่กระทรวงการคลัง ที่กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม เขาทำกันไว้ชัดเจนแบบทีวีดิจิตอลครับ
ผมกังวลว่าส่วนที่เกี่ยวข้องหน่วยงานอื่นๆ ที่ไม่ใช่ ปรส. และหน่วยงานที่ใหญ่กว่า ปรส.นี่แหละครับอาจเป็ไปได้ว่าจะไม่มีมูลครับ
อย่างไรก็ตาม ท่าน ป.ป.ช.ที่เคารพครับ เพื่อเกียรติภูมิของชาติไทย อย่าให้อายกลุ่มอเมริกันชน กลุ่ม จี อี แคปปิตอล ที่มีผู้ใหญ่ในรัฐบาลช่วงนั้นไปต้อนรับที่ห้องวีไอพีสนามบินดอนเมืองวันที่นักศึกษาพม่าได้คุณชายสุขุมพันธุ์ ฯ ร.ม.ต.ต่างประเทศพาตัวไปปล่อยที่สวนผึ้งราชบุรีนั่นแหละครับ
ท่าน ป.ป.ช. ที่เคารพครับ กลุ่มทุนจีอีแคปปิตอลนี่แหละครับ เป็นลูกค้ารายใหญ่สุดของ ปรส.+ 56 ไฟแน้นซ์ ที่เขาไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และโกยกำไรไปจากประเทศไทย เมื่อ ปี 2544-2548 น่าจะกำไรประมาณ 2-3 แสนล้านบาทได้เลยนะครับ
ป.ช.ช.รอความหวังจาก ป.ป.ช.ว่าจะส่งต่อคดี ปรส.เข้ากระบวนการสุดท้ายปลายทางที่ศาลยุติธรรมเร็วๆนี้นะครับ
ตอบกลับ
7 10
หนึ่งคนสยาม
4 มีนาคม เวลา 11:46 น.
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คดีปรส.หมดอายุคดีแรก 21 มิถุนายน 2556 เหลือเวลา 120 วัน
สีงที่ดิฉันกังวลอยู่ขณะนี้คือ คดีปรส.ที่ถูกดึงมาจนจะหมดอายุความ แต่สุดท้ายจะถูกคณะกรรมาการปชช.ชี้ว่าคดีปรส.ไม่มีมูล
สีงที่รอมานานก็จะสูญเปล่าไปในพริบตา จึงขอความกรุณาปปช.ช่วยส่งคดีไปที่ศาลให้ศาลตัดสินไปเถอะค่ะ อย่าให้มาจบลงที่ท่านเลยค่ะ