[SR] ไปดูรีวิวของนักท่องเที่ยวด้วยจักรยาน(ตอนที่9)

ต่อจากตอนที่ 8 http://pantip.com/topic/30126571
วันที่ 64:  สตูล ไป กัวลาเปอร์ลิส(มาเลเซีย)
วันพุธที่  13 กพ.2013, 99 กม. ระยะทางรวม  4,250 กม.
สตูลห่างจากชายแดนมาเลเซียเพียง 20 กม.เท่านั้น  ,แต่จะไปมาเลเซีย ต้องขึ้นไปทิศเหนือก่อน จากนั้นจึงอ้อมรอบภูเขาและลงมาทิศใต้     ไปที่เมืองชายแดนที่ใกล้ที่สุด. ยังมีเรือข้ามฝาก,ซึ่งเร็วกว่า, แต่ผมอยากขี่ไปตามถนนให้มากที่สุด

ถนนสายต่างๆมีสภาพดีและเงียบ ตอนเวลา 06.30น. ช่วง 25 กม.แรก ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและดูเหมือนจะมีลมพัดมาจากทุกทิศทาง. ซึ่งไม่เลวเกินไป, แต่ผมกำลังหาทางไปยังภูเขา  ที่จะได้ลมพัดส่งมาจากข้างหลัง.

หนึ่งชม.นอกเมืองสตูล

กินอาหารเช้า เป็นข้าวเหนียวและหัวหอมทอดเจียว  ไข่ทอด 2 ฟอง, อาจดูไม่น่าสนใจ แต่ มันอร่อยและอิ่ม.นี่อาจเป็นความโชคดี,  ที่วันนี้จะเป็นโอกาสพบกับสิ่งที่ท้าทาย.

อ้อมไปที่ภูเขาและลงไปทิศใต้อีกครั้ง, ผมกำลังรอลมที่พัดไล่หลัง,  แต่ดูเหมือนลมจะเปลี่ยนทางและยังคงพัดมาปะทะใบหน้า,บางทีคงเป็นเพราะแอ่ง  ที่เกิดจากภูเขาที่อยู่รอบตัว.

มุ่งหน้าไปทางทิศใต้ และหวังว่าจะได้ลมที่พัดไล่หลัง

ขี่มาได้ไม่กี่กม. ถึงยังอุทยานแห่งชาติทะเลบัน(ไม่เกี่ยวกับตาลีบัน) และที่นี่ผมได้ยินเสียงชะนี  อย่างแน่นอน.ที่ได้กล่าวมาก่อนหน้านี้, ผมชอบชะนี และมันก็ดีที่ได้ยินเสียงชะนี  มีคนพูดเสมอว่า คุณจะได้ยินเสียงชะนี  แต่จะไม่เห็นตัวชะนีและนั่นก็จริง ผมไม่เคยเห็นชะนีเลย.


เข้ามาใกล้อุทยานแห่งชาติ ทะเลบัน  ได้ยินเสียงชะนีครั้งแรก


ถนนที่ไปยังชายแดนขึ้นเนินเล็กน้อย.ที่ชายแดนด้านฝั่งไทย,ผมสามารถเปลี่ยนเงินบาทจำนวนไม่กี่บาทที่มีอยู่เป็นขวดน้ำและบุหรี่.ผู้หญิงในร้านใจดี  ที่จะให้ส่วนลด,จึงสามารถใช้เงินที่มีไปทั้งหมด.  ที่ตรวจคนเข้าเมืองเป็นไปอย่างราบรื่น,แต่ชาวต่างประเทศหลายคน   ที่ข้ามชายแดน   ก็เพื่อจะกลับเข้ามาอีก  และจะได้วีซ่าอีกจำนวน 15 วัน,  ต้องตอบคำถามหลายข้อ;
"จะไปประเทศมาเลเซีย ใช่ไหม?"
"ครับ"
" และจะไม่กลับมาอีก ใช่ไหม?"
" ไม่กลับ."
" คุณจะพักที่มาเลเซีย ใช่ไหม?"
"ใช่ครับ."
"ไม่กลับเข้ามาในประเทศไทยอีกใช่ไหม?"
"ไม่กลับ."
ก็ได้ตราประทับที่ต้องการ(90 วัน โดยไม่มีคำถาม) และไปตามทางต่อไป.  ไม่มีธนาคารหรือที่แลกเปลี่ยนเงินบริเวณชายแดนไม่ว่าด้านใด.  มีตลาดแห่งหนึ่งฝั่งมาเลฯ    ไม่มีคนที่ตลาดนั้น. หรือมีคนติดต่อซื้อขายกันในวันเสาร์อาทิตย์ เท่านั้น. จึงมุ่งหน้าต่อไปโดยไม่มีเงินริงกิตใดๆในตัวเลย.  พอผ่านชายแดน จะเป็นช่วงลงเนินมาครู่หนึ่ง. ตามเส้นทางเป็นป่าและลิงแสมจำนวนหนึ่งปีนป่ายไปตามต้นไม้  ขึ้น-ลงบนต้นไม้.น่ารักมาก. ไม่กี่นาที   มีเนินที่ต้องข้าม ไม่ยากเกินไป,เดาว่าประมาณ3-4% ดังนั้น  จึงสบายมาก. ตอนที่ขึ้นเนิน  ได้ยินเสียงชะนีมากขึ้น.ผมชอบประเทศมาเลเซีย ก็เพราะสิ่งนี้.

มาเลเซีย ไม่แตกต่างจากประเทศไทยมาก. ทิวทัศน์เหมือนกัน,ถนนคล้ายๆกัน. แต่มีความรู้สึกตื่นเต้นที่ได้มายังประเทศใหม่,ความรู้สึกที่ให้พลังงานมากขึ้น.

ขึ้นไปบนเนินเขา มองเห็นประเทศมาเลเซีย

ตอนนี้ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์,ดังนั้นแทนที่จะดู  Google Maps บนโทรศัพท์, ตัดสินใจขี่ไปตามป้าย  ไปยังเมืองกานการ์,เมืองแรกที่จะผ่านไป. ป้ายนั้น ทำให้ผู้ใช้รถยนต์   และทำให้ผมขี่อ้อมไปตามถนนใหญ่  เพิ่มระยะทางไปอีก 10 กม.ตอนนี้ไม่มีเงินมาเลฯอยู่เลย ที่ดีที่สุด  ที่จะไปยังตัวเมือง  ก็โดยใช้เส้นทางที่ใกล้ที่สุด.  

ตอนที่มาถึงเมืองกานการ์  ขี่มาแล้ว 82 กม. เริ่มหิวในช่วง 20 กม.หลัง และน้ำหมดแล้ว. มีร้านขายอาหารหลายแห่ง ตามสองข้างทาง   พูดกับตนเองว่า”จะหยุดที่นี่และกินอาหาร” แต่รู้สึกว่า ไม่มีเงิน(มาเลฯ)ติดตัวเลย  

เข้าไปที่เมืองกานการ์   ไม่เห็นธนาคารใดๆ  ดังนั้น จึงถามกลุ่มหญิงสาวที่มีผ้าโพหัว.  พวกเขาพูดภาษาอังกฤษได้ดี และบอกทางให้ผม. ธนาคารแห่งแรกไม่รับแลกเงิน. ธนาคารแห่งที่สอง ก็ไม่รับแลกเงิน ธนาคารที่สามรับแลก, แต่มีคิวยาว หลังจากที่รอเป็นเวลานาน  ,ผมคิดแต่เรื่องอาหาร, ตัดสินใจลืมเรื่องแลกเปลี่ยนเงินไปก่อนและไปกดเอทีเอ็ม.

ตอนแรก ไม่ใช่อาหาร, แต่ซื้อ  SIM-card,  ซื้อซิม ราคา  5  ริงกิต เติมโทรศัพท์ได้  30 ริงกิต. ดีใจที่เห็นเครื่องหมายสัญญาณ3G บนโทรศัพท์ และเห็นสัญญาณ HSPA ตอนนี้ได้สัญญาณ 3G กลับมาอีก หลังจากเชื่อมต่อได้ช้า ตลอดเวลาที่อยู่ในประเทศไทย.

จากนั้นขี่ไปรอบๆเมือง,หาที่กินอาหาร.ทุกแห่งเป็นร้านอาหารจีน  ปิดทุกร้าน, เหมือนกับที่อื่นๆ, ที่นี่ยังเป็นวันปีใหม่จีน เกือบจะไปที่ร้าน KFC อยู่แล้ว แต่ไม่กินอาหารจานด่วน ในวันแรกที่มาถึงที่นี่,  จากนั้น ,  โดยบังเอิญ เดินผ่านร้านอาหารที่คิดว่าเป็นอาหารมาเลเซีย. แต่จริงๆ เป็นร้านอินเดีย และก็ดี.

ขณะที่กำลังกินอาหารที่อร่อย, เริ่มคิดเกี่ยวกับความประทับใจครั้งแรก. 24 ปีก่อน ผมไม่ได้เข้ามาในกานการ์  จึงเป็นเรื่องของภูมิภาค,  มาเลเซีย  ยังมีความเป็นรัฐอิสลามสูง นับแต่ที่มาเที่ยวครั้งสุดท้าย.  ตอนนั้นยังไม่ค่อยมีผู้หญิงที่ใส่ scarf ,แต่ใส่กางเกงยีนต์ ตอนนี้ไม่เพียงแต่ใส่ scarf เท่านั้น  แต่ยังใส่ชุด burqa(หรือเรียกว่าอะไร) นอกจากจะใส่scarfที่ยาวแล้ว ยังพาดผ้าลายดอก  คนที่ไม่สวมชุด scarf คือคนจีน ที่ยังใส่กางเกงขาสั้นและเสื้อยืดกันทั่วไป.

เห็นโรงแรมแห่งหนึ่ง ที่โฆษณาว่าบริหารงานภายใต้แนวคิดอิสลาม, ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร. ธนาคารหลายแห่ง โฆษณา การเป็น”ธนาคารอิสลาม” หรือ “เงินทุนเพื่อการลงทุนแบบอิสลาม”   ร้านที่กินอาหารกลางวัน มีโปสเตอร์ขนาดใหญ่ เป็นภาพนครเมกกะและร้านหลายแห่งมีจารึกอักษร อารบิค และข้อความเกี่ยวกับศาสนาบางอย่าง สิ่งนี่ไม่เคยมี เมื่อ 24 ปีก่อน.

สิ่งนี้ทำให้ผมผิดหวัง   ผมไม่มีปัญหากับความเป็นรัฐอิสลาม มาเลเซียเป็นประเทศมุสลิมอยู่แล้ว. แต่มีปัญหากับลักธิอนุรักษ์นิยม. แน่นอน     ลักธิอนุรักษ์นิยม  ตรงกันข้ามกับการเปลี่ยนแปลง  และตรงกันข้ามกับความก้าวหน้าทางสังคม.  เมื่อคิดถึงความก้าวหน้าทางสังคม.   เราเดินตามความก้าวหน้าของโลกตะวันตก   ในช่วงหลายสิบปีมานี้.  สิทธิในการทำแท้ง,การยอมรับรักร่วมเพศ และการยอมรับทุกแบบของการดำเนินชีวิตแบบต่างๆ ,เสรีภาพสตรี,ความเท่าเทียมกันเรื่องสิทธิและเพศ. ลักธิอนุรักษ์นิยมกำลังต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง,และรับเอาลักธิอนุรักษ์นิยมมาใช้อย่างน่าอิจฉา.  

มาเลเซียมีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจในช่วง30 ปี ;  มาตรฐานการดำเนินชีวิตของทุกคนสูงขึ้น,  ทำไมจึงเลือกกลับไปยังสังคมที่เคร่งครัดและสังคมแบบเดิมๆ,  กฎหมาย Sharia  เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตของมุสลิม.(ไม่มีผลกับคนจีน) ทำไมคนเลือกกลับไปใช้ กม.Sharia.

คำตอบง่ายๆก็คือว่า มาเลฯ อยู่ในกระบวนการฟื้นฟูการดำเนินชีวิตแบบอิสลามดั้งเดิม ที่เกิดขึ้นทั่วโลกตั้งแต่การปฏิวัติอิสลามของอิหร่านปี 1979. คงยังมีคำตอบอื่นอีก แต่ผมไม่รู้ อยากเรียนรู้ให้มากขึ้นระหว่างที่มาเที่ยว.

ต้องการจะเน้นว่า   ผู้คนยังคงมีความเป็นมิตร เท่าที่จำได้.ไม่มีความเป็นศัตรูเลย ตอนที่กำลังเลี้ยวขวา(ที่นี่ขับขี่ชิดซ้าย) ผมมาอยู่ข้างหน้าสตรีคนหนึ่งที่แต่งกายแบบอิสลามเต็มชุด ขับรถโตโยต้า. เธอให้ผมเลี้ยวไปก่อน จากนั้นโบกมือให้และยังยิ้มให้ด้วยตอนที่เธอขับแซง  คนที่นี่ช่างเป็นมิตรจริง.

หลังจากกินอาหารและเติมน้ำในเมืองกานการ์ ยังขี่ไปอีก 15 กม.เพื่อไปยังรัฐ กัวลาเปอร์ลิส เมืองชายฝั่งทะเล.จะขี่เลียบชายฝั่งทะเลเพื่อไปยังปีนัง และจะเริ่มต้นการเดินทางที่ดีใหม่.โรงแรมที่พักมีราคาแพงกว่า  ที่เคยพักในประเทศไทย, แต่ถนนดีเยี่ยมและมั่นใจว่าจะต้องใช้สิ่งนี้ต่อไป  ทั่วประเทศมาเลเซีย. จนถึงตอนนี้ ยังมีความสุขที่ได้มาอยู่ที่นี่.
ชื่อสินค้า:   บันทึกการเดินทาง ด้วยจักรยาน จากสตูลไปประเทศมาเลเซีย
คะแนน:     
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่