ไฮเทคหรือล้ำเส้น?แม่จีนใช้โดรนติดตาม-ส่งลูกไปโรงเรียน
.
ไม่นานนี้ คลิปไวรัลแม่ชาวจีนใช้โดรนบังคับบินติดตามลูกวัยประถมฯ ขณะปั่นจักรยานออกจากบ้านไปโรงเรียน กำลังเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ โดยหลายคนชมว่าไอเดียดีมาก ขณะที่บางส่วนก็รู้สึกว่าเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวของเด็ก
.
หญิงแซ่หลิน ผู้บังคับโดรนดังกล่าว เล่าว่าลูกของเธอยืนยันว่าจะไปโรงเรียนด้วยตัวเอง บวกกับเธอเองก็มีธุระด่วน จึงนึกถึงวิธีคุ้มกันภัยจากทางไกลด้วยการใช้โดรนที่มีอยู่แล้ว ไอเดียนี้ถูกชาวเน็ตจีนขนานนามว่า “ส่งลูกสไตล์ดิจิทัล” ชาวเน็ตบางส่วนมองว่าเป็นวิธีเลี้ยงลูกแนวใหม่ที่สะท้อนความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ขณะที่อีกฝ่ายตั้งคำถามว่านี่คือความห่วงใย หรือการเฝ้าจับผิดที่ล้ำเส้นความเป็นส่วนตัวของเด็กกันแน่
.
อย่างไรก็ดี การใช้โดรนในพื้นที่เมืองไม่ได้เสรีเท่าไร ตามกฎระเบียบการบินอากาศยานไร้คนขับของจีน โดรนที่หนักเกิน 250 กรัมต้องลงทะเบียน และบินได้ไม่เกิน 120 เมตรเหนือพื้นดิน สำคัญที่สุดคือ พื้นที่รอบโรงเรียนและย่านที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่เป็นเขตควบคุมหรือเขตห้ามบิน การนำโดรนขึ้นบินโดยไม่แจ้งล่วงหน้าถือเป็นการบินผิดกฎหมาย ซึ่งมีโทษปรับสูงสุด 1 แสนหยวน (ราว 4.5 แสนบาท) พร้อมยึดอุปกรณ์
.
แม้ยังไม่พบกรณีผู้ปกครองถูกลงโทษเพราะใช้โดรนบินติดตามลูก แต่หลายเมืองของจีนก็มีการบังคับใช้กฎหมายแตกต่างกัน เช่น ปักกิ่งประกาศให้ทั้งเมืองเป็นเขตควบคุม หากนำโดรนขึ้นบินในชุมชนโดยไม่ขออนุญาตอาจถูกลงโทษทันที โดยตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นมา ยังมีหลายเคสที่ประชาชนถูกปรับเพราะใช้โดรนถ่ายภาพเพื่อความบันเทิง ส่วนเมืองอย่างเซินเจิ้นหรือเฉิงตูมีแนวทางผ่อนปรนกว่า อนุญาตให้โดรนขนาดเล็กบินในพื้นที่ที่ไม่ใช่เขตห้ามบินหากไม่รบกวนผู้อื่น แต่หากมีการร้องเรียน ตำรวจก็สามารถเข้าตรวจสอบและลงโทษได้เช่นกัน
.
ทั้งนี้ การปล่อยให้มีโดรนบินเหนือผู้คนมีความเสี่ยงด้านการละเมิดสิทธิภาพถ่ายและความเป็นส่วนตัว เพราะโดรนอาจเก็บภาพเด็กคนอื่น ผู้ปกครอง หรือชาวบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือหากโดรนตกและเกิดอุบัติเหตุจนมีผู้บาดเจ็บ ผู้ปกครองในฐานะผู้ควบคุมโดรนอาจต้องรับผิดทั้งทางแพ่งและอาญา
.
ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาเตือนว่า การใช้เทคโนโลยีเพื่อจับตาเด็กทุกฝีก้าว อาจส่งผลเสียมากกว่าที่คิด เด็กที่รู้สึกว่าตนถูกเฝ้าดูตลอด มักเกิดความไม่ไว้วางใจ ไม่กล้าแสดงออก หรือเกิดการต่อต้านผู้ปกครองในระยะยาว นักจิตวิทยามองตรงกันว่า ความปลอดภัยที่แท้จริงควรสร้างจากความเชื่อใจ การสื่อสาร และการปล่อยให้เด็กเรียนรู้ด้วยตนเองทีละขั้น
.
หากผู้ปกครองต้องการใช้โดรนช่วยดูแลเด็ก ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ตรวจสอบการลงทะเบียนโดรน เช็กเส้นทางบินว่าไม่ผ่านเขตห้ามบิน แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อจำเป็น และควรคำนึงถึงความรู้สึกของเด็ก ไม่ควรติดตามทั้งวัน โดรนควรเป็นตัวช่วยเฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น ช่วยค้นหาเมื่อเด็กหลงทาง มากกว่าการติดตามไปโรงเรียนทุกวัน
.
ในอนาคต เมื่อเศรษฐกิจการบินระดับต่ำพัฒนามากขึ้น เมืองต่างๆ อาจมีอุปกรณ์ติดตามเด็กแบบปลอดภัยที่ผสานบลูทูธ GPS และระบบการบินที่ถูกกฎหมาย แต่สำหรับวันนี้ วิธีดูแลลูกที่ดีที่สุดยังคงเรียบง่ายเหมือนเดิม นั่นคือส่งลูกด้วยรอยยิ้ม และรอรับกลับบ้านด้วยความอบอุ่น เทคโนโลยีควรช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ ไม่ใช่แทนที่บทบาทของพ่อแม่
.
.
📧 ติดต่อเรา Email: info@jeenthainews.com
.
#โดรน #ไวรัลจีน
🚁 ไฮเทคหรือล้ำเส้น?แม่จีนใช้โดรนติดตาม-ส่งลูกไปโรงเรียน
.
ไม่นานนี้ คลิปไวรัลแม่ชาวจีนใช้โดรนบังคับบินติดตามลูกวัยประถมฯ ขณะปั่นจักรยานออกจากบ้านไปโรงเรียน กำลังเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ โดยหลายคนชมว่าไอเดียดีมาก ขณะที่บางส่วนก็รู้สึกว่าเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวของเด็ก
.
หญิงแซ่หลิน ผู้บังคับโดรนดังกล่าว เล่าว่าลูกของเธอยืนยันว่าจะไปโรงเรียนด้วยตัวเอง บวกกับเธอเองก็มีธุระด่วน จึงนึกถึงวิธีคุ้มกันภัยจากทางไกลด้วยการใช้โดรนที่มีอยู่แล้ว ไอเดียนี้ถูกชาวเน็ตจีนขนานนามว่า “ส่งลูกสไตล์ดิจิทัล” ชาวเน็ตบางส่วนมองว่าเป็นวิธีเลี้ยงลูกแนวใหม่ที่สะท้อนความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ขณะที่อีกฝ่ายตั้งคำถามว่านี่คือความห่วงใย หรือการเฝ้าจับผิดที่ล้ำเส้นความเป็นส่วนตัวของเด็กกันแน่
.
อย่างไรก็ดี การใช้โดรนในพื้นที่เมืองไม่ได้เสรีเท่าไร ตามกฎระเบียบการบินอากาศยานไร้คนขับของจีน โดรนที่หนักเกิน 250 กรัมต้องลงทะเบียน และบินได้ไม่เกิน 120 เมตรเหนือพื้นดิน สำคัญที่สุดคือ พื้นที่รอบโรงเรียนและย่านที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่เป็นเขตควบคุมหรือเขตห้ามบิน การนำโดรนขึ้นบินโดยไม่แจ้งล่วงหน้าถือเป็นการบินผิดกฎหมาย ซึ่งมีโทษปรับสูงสุด 1 แสนหยวน (ราว 4.5 แสนบาท) พร้อมยึดอุปกรณ์
.
แม้ยังไม่พบกรณีผู้ปกครองถูกลงโทษเพราะใช้โดรนบินติดตามลูก แต่หลายเมืองของจีนก็มีการบังคับใช้กฎหมายแตกต่างกัน เช่น ปักกิ่งประกาศให้ทั้งเมืองเป็นเขตควบคุม หากนำโดรนขึ้นบินในชุมชนโดยไม่ขออนุญาตอาจถูกลงโทษทันที โดยตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นมา ยังมีหลายเคสที่ประชาชนถูกปรับเพราะใช้โดรนถ่ายภาพเพื่อความบันเทิง ส่วนเมืองอย่างเซินเจิ้นหรือเฉิงตูมีแนวทางผ่อนปรนกว่า อนุญาตให้โดรนขนาดเล็กบินในพื้นที่ที่ไม่ใช่เขตห้ามบินหากไม่รบกวนผู้อื่น แต่หากมีการร้องเรียน ตำรวจก็สามารถเข้าตรวจสอบและลงโทษได้เช่นกัน
.
ทั้งนี้ การปล่อยให้มีโดรนบินเหนือผู้คนมีความเสี่ยงด้านการละเมิดสิทธิภาพถ่ายและความเป็นส่วนตัว เพราะโดรนอาจเก็บภาพเด็กคนอื่น ผู้ปกครอง หรือชาวบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือหากโดรนตกและเกิดอุบัติเหตุจนมีผู้บาดเจ็บ ผู้ปกครองในฐานะผู้ควบคุมโดรนอาจต้องรับผิดทั้งทางแพ่งและอาญา
.
ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาเตือนว่า การใช้เทคโนโลยีเพื่อจับตาเด็กทุกฝีก้าว อาจส่งผลเสียมากกว่าที่คิด เด็กที่รู้สึกว่าตนถูกเฝ้าดูตลอด มักเกิดความไม่ไว้วางใจ ไม่กล้าแสดงออก หรือเกิดการต่อต้านผู้ปกครองในระยะยาว นักจิตวิทยามองตรงกันว่า ความปลอดภัยที่แท้จริงควรสร้างจากความเชื่อใจ การสื่อสาร และการปล่อยให้เด็กเรียนรู้ด้วยตนเองทีละขั้น
.
หากผู้ปกครองต้องการใช้โดรนช่วยดูแลเด็ก ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ตรวจสอบการลงทะเบียนโดรน เช็กเส้นทางบินว่าไม่ผ่านเขตห้ามบิน แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อจำเป็น และควรคำนึงถึงความรู้สึกของเด็ก ไม่ควรติดตามทั้งวัน โดรนควรเป็นตัวช่วยเฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น ช่วยค้นหาเมื่อเด็กหลงทาง มากกว่าการติดตามไปโรงเรียนทุกวัน
.
ในอนาคต เมื่อเศรษฐกิจการบินระดับต่ำพัฒนามากขึ้น เมืองต่างๆ อาจมีอุปกรณ์ติดตามเด็กแบบปลอดภัยที่ผสานบลูทูธ GPS และระบบการบินที่ถูกกฎหมาย แต่สำหรับวันนี้ วิธีดูแลลูกที่ดีที่สุดยังคงเรียบง่ายเหมือนเดิม นั่นคือส่งลูกด้วยรอยยิ้ม และรอรับกลับบ้านด้วยความอบอุ่น เทคโนโลยีควรช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ ไม่ใช่แทนที่บทบาทของพ่อแม่
.
.
📧 ติดต่อเรา Email: info@jeenthainews.com
.
#โดรน #ไวรัลจีน