สวัสดีค่ะ อยากขอคำแนะนำสำหรับแผนการลาออกของเราหน่อยค่ะ เราคิดว่าเราหนักใจกับเรื่องนี้ คิดเรื่องนี้มามากจนอยากแชร์กับใครสักคน
แผนการลาออก
เราวางแผนว่าจะลาออกในปีหน้า โดยที่พอหลังปีใหม่ปุ๊บ เราจะให้เวลาตัวเองประมาณ 3 เดือน ในการพยายามหางานให้ได้โดยที่ยังทำงานประจำอยู่
ทุกวันเราจะขยันสมัครงานใหม่,ปรับ Resume,หาความรู้และ Upskills
และเมื่อครบ 3 เดือน ไม่ว่าจะได้ หรือไม่ได้งานใหม่ เราจะลาออกทันที เพราะเราทนทำงานในที่ปัจจุบันไม่ได้แล้ว มันบั่นทอนสุขภาพจิตเกินไป
เรามีเงินเก็บมากพอจะอยู่ได้ 1 ปี ถ้าไม่ฟุ่มเฟือย, ไม่มีหนี้ ไม่มีภาระอะไรเลย, ที่บ้านพร้อม Support
ในกรณีที่ลาออกโดยยังไม่ได้งานใหม่ เราจะแวะพักสัก 2 สัปดาห์ และเริ่มสัมครงานทุกวัน,หารายได้เสริม, Upskills ไปเรื่อยๆ
เหตุผลที่ทำให้อยากลาออกจากที่ปัจจุบัน
1. ความไร้เหตุผล และเอาแต่ใจของเจ้าของบริษัทที่มันกระทบเราที่เป็นพนักงานทั่วๆไป
- ทุกอย่างในบริษัทนี้ขึ้นอยู่กับ "เจ้าของและพวกพ้อง" เท่านั้น เหมือนเป็นกษัทตริย์ที่ครองเมืองนี้ เขามีอำนาจจะเปลี่ยน JD ของใครก็ได้แล้วสั่งให้ทำงานเกินหน้าที่ หรือ ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ, สั่งตัดสวัสดิการ, บีบให้ลาออก, กลั่นแกล้งให้เสียประวัติการทำงานหรือไม่จ่ายค่าจ้าง เงินชดเชย(ทำบ่อย) ซึ่งมันทำให้เรารับรู้เลยว่าพวกเขาไม่มีคุณธรรมในการปกครองคน เราไม่อยากทำงานกับคนแบบนี้ ถึงวันนี้รักกันดี แต่วันนึงที่หมดรักแล้วเราก็จะโดนแกล้งจนต้องลำบากไปกรมแรงงาน
- เจ้าของเอาแต่ใจมากๆ ถ้าคิดจะทำ Project อะไรต้อง ทำทันที ห้ามขัดใจ ทำให้บางครั้งที่เกิตเหตุแบบนี้ เราต้องทำงานที่ทั้งเยอะและเร่งที่สุด ชนิดรอคอม Render ไม่ได้สัก 5 นาที
- การพยายาม Feedback และคุยกันอย่างเป็นเหตุเป็นผลถึงการที่อยากปรับปรุงการทำงาน อาจทำให้เขาไม่พอใจและบีบเราออก และกลั่นแกล้งต่างๆนาๆ
- วัฒนธรรมการเล่นพวกพ้อง และ ให้อำนาจให้ตำแหน่งกับคนสนิทโดยไม่สนความสามารถเป็นเรื่องธรรมดาของที่นี่
2. บริษัทใช้เงินลงทุนกับ Project ที่น่าจะขาดทุนไปมาก
Project หลายอย่างที่เจ้าของอยู่ๆก็ปิ๊งแว้บอยากทำขึ้นมา ไม่ได้มีการวัดผลว่ามันคุ้มทุนอะไร ทำเพื่อสนอง Need ของตัวเองเท่านั้น บาง Project นี่ลงทุนเยอะระดับสร้างบ้านได้สักหลังเลย
ก็เลยทำให้เราหวั่นใจนิดๆในเรื่องการเงินของบริษัทในอนาคตอันใกล้ การบริหารจัดการภายในก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ถ้ามันเกิดอะไรขึ้นสักหน่อย บริษัทมีสิทธิเจ๊งได้ในเวลาอันรวดเร็ว
3.บาดแผลในใจที่เกิดขึ้นระหว่างทำงานที่นี่ ทำให้เรารู้สึกไม่ไว้ใจใคร
- เราได้พบเจอการบีบพนักงานออกจำนวนมากจากเหตุที่ว่า "เจ้าของ" ไม่ชอบใจพนักงานคนนั้นๆ ต่อให้พนักงานคนนั้นจะทำงานได้ดีไม่ขาดตกบกพร่องและเป็นแค่คนนิสัยดี เป็นคนปกติธรรมดาที่อยาก Feedback และพูดคุยด้วยเหตุผลที่มันอาจจะไปขัดใจ "เจ้าของ"
4.งานไร้ความหมาย ไม่รู้ว่าที่ใส่แรงไปตั้งมาก อดนอนหลายวันนั้น ทำไปทำไมกัน?
- การทำงานที่นี่ไม่มีการวัดผลว่าสิ่งที่ทำไปได้ผลมากแค่ไหน
- การทำงานไม่มีกลยุทธ์ ทำไปตามที่ผู้มีอำนาจอยากให้ทำ
- เรารู้สึกไม่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ถ้าเราอยากพัฒนาตัวเอง และคุยกับคนที่เก่งเกี่ยวกับการพัฒนางานที่ทำอยู่ ต้องไปหาเอาเองข้างนอก
- ไม่มีคนเก่งๆที่จะมาช่วยคิดและทำให้การทำงานมันดีขึ้น สนุกขึ้น (เราชอบทำงานกับคนที่เก่งนะ แต่คนพวกนั้นโดนบีบให้ลาออกจากที่นี่หมดแล้ว)
- เหมือนกับว่าเราทำงานเพื่อความพึงพอใจของ "เจ้าของ" เท่านั้น ซึ่งเราไม่ชอบเลย ต่อให้มันจะได้เงินก็ตาม
- เราอยากทำงานที่มีความหมายและวัดผลได้
5.งานไม่เป็นระบบแบบสุดๆ แถมทำงานไม่คุยกันเลย (แบบไม่คุยกันเลย ใครอยากทำอะไรก็ทำ)
เป็นวัฒนธรรมองค์กรณ์โดยรวมของบริษัทนี้
6.เพื่อนร่วมงาน
เพื่อนร่วมงานในตำแหน่งเดียวกับเรา เป็นคนมีปัญหาสุขภาพทำให้หย่อยสมรรถภาพในการทำงาน เขาทำงานช้ามากๆและหยุดงานบ่อย
ทำให้หลายครั้งเราที่เป็นคนสุขภาพปกติต้องมารับจบ รู้สึกไม่ยุติธรรม
7. อยากได้เงินเพิ่ม เพราะบริษัทนี้นิยมจ้างด้วยค่าจ้างที่ถูก
เหตุผลที่ทำให้อยู่ต่อ
1.ได้เงิน
เราภูมิใจในการหาเงินเลี้ยงดูตัวเองได้ และยิ่งภูมิใจที่ได้หาเงินมาช่วยค่าใช้จ่ายของที่บ้าน
2.Work life balance ค่อนข้างโอเค
บริษัทใกล้บ้าน เลิกงานตรงเวลา(เป็นส่วนใหญ่) แจ่ถ้าช่วงไหนเจอกับ Project อะไรสักอย่างของเจ้าของก็อาจโดนสั่งงานขนาด 2 คนทำให้เราคนเดียวในวันเสาร์และเอางานวันจันทร์ได้
3.เพื่อนร่วมงาน
เพื่อนร่วมงานคนนั้นที่ได้พูดถึงไปในข้อข้างบนมีข้อดีคือ เขาเป็นคนนิสัยดี อาจจะเป็นเพื่อร่วมงานที่น่ารักที่สุดคนนึงเลยตั้งแต่ทำงานมา แม้การทำงานจะไม่ดีที่สุด ทำให้ค่อนข้างเสียดายที่จะต้องจากเขาไป
ข้อดี-ข้อเสียของการลาออกใน 3 เดือน ต่อให้ไม่มีงานรองรับ
ข้อดี- มีเวลาได้พักผ่อน, มีเวลาหางานเต็มที่ไม่ต้องแอบทำ, Save สุขภาพจิตในระยะสั้น, ไม่ต้องแอบลาไปสัมภาษณ์งานใหม่บ่อยๆให้โดนเพ่งเล็ง, ถ้าได้งานใหม่ก็สามารถเริ่มงานได้ทันทีถ้าบริษัทใหม่ต้องการ
ข้อเสีย- รายได้หด, บริษัทอื่นน่าจะมีความตั้งแง่บางอย่างว่าทำไมคนนี้ออกเลยทั้งที่ยังไม่ได้งานอะไรแบบนั้น, ต้องคิดหาเหตุผลดีๆในการอธิบายว่าทำไมเลือกลาออกเลยก่อนได้งานใหม่
ข้อดี-ข้อเสียของการเลือกอยู่ต่อ ถ้าใน 3 เดือนยังไม่ได้งานใหม่ แต่ยังหางานใหม่เรื่อยๆจนกว่าจะได้
ข้อดี-บริษัทอื่นจะไม่เอ๊ะ เพราะยังมีงานทำอยู่ Profile ดูดีกว่าลาออกเลย, มีเงินเข้ามาเรื่อยๆทุกเดือน
ข้อเสีย- ลาไปสัมภาษณ์งานบ่อยๆจะโดนเพ่งเล็ง, ไม่มีเวลาเยอะในการหางานใหม่เพราะต้องทำงานไปด้วย,สุขภาพจิตก็จะเสียไปเรื่อยๆ,ไม่สามารถเริ่มงานกับที่ใหม่ได้ทันที
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ และขอบคุณมากๆสำหรับคำแนะนำของทุกคน
วางแผนจะลาออกในปีหน้า ขอคำแนะนำหน่อยค่ะ
แผนการลาออก
เราวางแผนว่าจะลาออกในปีหน้า โดยที่พอหลังปีใหม่ปุ๊บ เราจะให้เวลาตัวเองประมาณ 3 เดือน ในการพยายามหางานให้ได้โดยที่ยังทำงานประจำอยู่
ทุกวันเราจะขยันสมัครงานใหม่,ปรับ Resume,หาความรู้และ Upskills
และเมื่อครบ 3 เดือน ไม่ว่าจะได้ หรือไม่ได้งานใหม่ เราจะลาออกทันที เพราะเราทนทำงานในที่ปัจจุบันไม่ได้แล้ว มันบั่นทอนสุขภาพจิตเกินไป
เรามีเงินเก็บมากพอจะอยู่ได้ 1 ปี ถ้าไม่ฟุ่มเฟือย, ไม่มีหนี้ ไม่มีภาระอะไรเลย, ที่บ้านพร้อม Support
ในกรณีที่ลาออกโดยยังไม่ได้งานใหม่ เราจะแวะพักสัก 2 สัปดาห์ และเริ่มสัมครงานทุกวัน,หารายได้เสริม, Upskills ไปเรื่อยๆ
เหตุผลที่ทำให้อยากลาออกจากที่ปัจจุบัน
1. ความไร้เหตุผล และเอาแต่ใจของเจ้าของบริษัทที่มันกระทบเราที่เป็นพนักงานทั่วๆไป
- ทุกอย่างในบริษัทนี้ขึ้นอยู่กับ "เจ้าของและพวกพ้อง" เท่านั้น เหมือนเป็นกษัทตริย์ที่ครองเมืองนี้ เขามีอำนาจจะเปลี่ยน JD ของใครก็ได้แล้วสั่งให้ทำงานเกินหน้าที่ หรือ ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ, สั่งตัดสวัสดิการ, บีบให้ลาออก, กลั่นแกล้งให้เสียประวัติการทำงานหรือไม่จ่ายค่าจ้าง เงินชดเชย(ทำบ่อย) ซึ่งมันทำให้เรารับรู้เลยว่าพวกเขาไม่มีคุณธรรมในการปกครองคน เราไม่อยากทำงานกับคนแบบนี้ ถึงวันนี้รักกันดี แต่วันนึงที่หมดรักแล้วเราก็จะโดนแกล้งจนต้องลำบากไปกรมแรงงาน
- เจ้าของเอาแต่ใจมากๆ ถ้าคิดจะทำ Project อะไรต้อง ทำทันที ห้ามขัดใจ ทำให้บางครั้งที่เกิตเหตุแบบนี้ เราต้องทำงานที่ทั้งเยอะและเร่งที่สุด ชนิดรอคอม Render ไม่ได้สัก 5 นาที
- การพยายาม Feedback และคุยกันอย่างเป็นเหตุเป็นผลถึงการที่อยากปรับปรุงการทำงาน อาจทำให้เขาไม่พอใจและบีบเราออก และกลั่นแกล้งต่างๆนาๆ
- วัฒนธรรมการเล่นพวกพ้อง และ ให้อำนาจให้ตำแหน่งกับคนสนิทโดยไม่สนความสามารถเป็นเรื่องธรรมดาของที่นี่
2. บริษัทใช้เงินลงทุนกับ Project ที่น่าจะขาดทุนไปมาก
Project หลายอย่างที่เจ้าของอยู่ๆก็ปิ๊งแว้บอยากทำขึ้นมา ไม่ได้มีการวัดผลว่ามันคุ้มทุนอะไร ทำเพื่อสนอง Need ของตัวเองเท่านั้น บาง Project นี่ลงทุนเยอะระดับสร้างบ้านได้สักหลังเลย
ก็เลยทำให้เราหวั่นใจนิดๆในเรื่องการเงินของบริษัทในอนาคตอันใกล้ การบริหารจัดการภายในก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ถ้ามันเกิดอะไรขึ้นสักหน่อย บริษัทมีสิทธิเจ๊งได้ในเวลาอันรวดเร็ว
3.บาดแผลในใจที่เกิดขึ้นระหว่างทำงานที่นี่ ทำให้เรารู้สึกไม่ไว้ใจใคร
- เราได้พบเจอการบีบพนักงานออกจำนวนมากจากเหตุที่ว่า "เจ้าของ" ไม่ชอบใจพนักงานคนนั้นๆ ต่อให้พนักงานคนนั้นจะทำงานได้ดีไม่ขาดตกบกพร่องและเป็นแค่คนนิสัยดี เป็นคนปกติธรรมดาที่อยาก Feedback และพูดคุยด้วยเหตุผลที่มันอาจจะไปขัดใจ "เจ้าของ"
4.งานไร้ความหมาย ไม่รู้ว่าที่ใส่แรงไปตั้งมาก อดนอนหลายวันนั้น ทำไปทำไมกัน?
- การทำงานที่นี่ไม่มีการวัดผลว่าสิ่งที่ทำไปได้ผลมากแค่ไหน
- การทำงานไม่มีกลยุทธ์ ทำไปตามที่ผู้มีอำนาจอยากให้ทำ
- เรารู้สึกไม่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ถ้าเราอยากพัฒนาตัวเอง และคุยกับคนที่เก่งเกี่ยวกับการพัฒนางานที่ทำอยู่ ต้องไปหาเอาเองข้างนอก
- ไม่มีคนเก่งๆที่จะมาช่วยคิดและทำให้การทำงานมันดีขึ้น สนุกขึ้น (เราชอบทำงานกับคนที่เก่งนะ แต่คนพวกนั้นโดนบีบให้ลาออกจากที่นี่หมดแล้ว)
- เหมือนกับว่าเราทำงานเพื่อความพึงพอใจของ "เจ้าของ" เท่านั้น ซึ่งเราไม่ชอบเลย ต่อให้มันจะได้เงินก็ตาม
- เราอยากทำงานที่มีความหมายและวัดผลได้
5.งานไม่เป็นระบบแบบสุดๆ แถมทำงานไม่คุยกันเลย (แบบไม่คุยกันเลย ใครอยากทำอะไรก็ทำ)
เป็นวัฒนธรรมองค์กรณ์โดยรวมของบริษัทนี้
6.เพื่อนร่วมงาน
เพื่อนร่วมงานในตำแหน่งเดียวกับเรา เป็นคนมีปัญหาสุขภาพทำให้หย่อยสมรรถภาพในการทำงาน เขาทำงานช้ามากๆและหยุดงานบ่อย
ทำให้หลายครั้งเราที่เป็นคนสุขภาพปกติต้องมารับจบ รู้สึกไม่ยุติธรรม
7. อยากได้เงินเพิ่ม เพราะบริษัทนี้นิยมจ้างด้วยค่าจ้างที่ถูก
เหตุผลที่ทำให้อยู่ต่อ
1.ได้เงิน
เราภูมิใจในการหาเงินเลี้ยงดูตัวเองได้ และยิ่งภูมิใจที่ได้หาเงินมาช่วยค่าใช้จ่ายของที่บ้าน
2.Work life balance ค่อนข้างโอเค
บริษัทใกล้บ้าน เลิกงานตรงเวลา(เป็นส่วนใหญ่) แจ่ถ้าช่วงไหนเจอกับ Project อะไรสักอย่างของเจ้าของก็อาจโดนสั่งงานขนาด 2 คนทำให้เราคนเดียวในวันเสาร์และเอางานวันจันทร์ได้
3.เพื่อนร่วมงาน
เพื่อนร่วมงานคนนั้นที่ได้พูดถึงไปในข้อข้างบนมีข้อดีคือ เขาเป็นคนนิสัยดี อาจจะเป็นเพื่อร่วมงานที่น่ารักที่สุดคนนึงเลยตั้งแต่ทำงานมา แม้การทำงานจะไม่ดีที่สุด ทำให้ค่อนข้างเสียดายที่จะต้องจากเขาไป
ข้อดี-ข้อเสียของการลาออกใน 3 เดือน ต่อให้ไม่มีงานรองรับ
ข้อดี- มีเวลาได้พักผ่อน, มีเวลาหางานเต็มที่ไม่ต้องแอบทำ, Save สุขภาพจิตในระยะสั้น, ไม่ต้องแอบลาไปสัมภาษณ์งานใหม่บ่อยๆให้โดนเพ่งเล็ง, ถ้าได้งานใหม่ก็สามารถเริ่มงานได้ทันทีถ้าบริษัทใหม่ต้องการ
ข้อเสีย- รายได้หด, บริษัทอื่นน่าจะมีความตั้งแง่บางอย่างว่าทำไมคนนี้ออกเลยทั้งที่ยังไม่ได้งานอะไรแบบนั้น, ต้องคิดหาเหตุผลดีๆในการอธิบายว่าทำไมเลือกลาออกเลยก่อนได้งานใหม่
ข้อดี-ข้อเสียของการเลือกอยู่ต่อ ถ้าใน 3 เดือนยังไม่ได้งานใหม่ แต่ยังหางานใหม่เรื่อยๆจนกว่าจะได้
ข้อดี-บริษัทอื่นจะไม่เอ๊ะ เพราะยังมีงานทำอยู่ Profile ดูดีกว่าลาออกเลย, มีเงินเข้ามาเรื่อยๆทุกเดือน
ข้อเสีย- ลาไปสัมภาษณ์งานบ่อยๆจะโดนเพ่งเล็ง, ไม่มีเวลาเยอะในการหางานใหม่เพราะต้องทำงานไปด้วย,สุขภาพจิตก็จะเสียไปเรื่อยๆ,ไม่สามารถเริ่มงานกับที่ใหม่ได้ทันที
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ และขอบคุณมากๆสำหรับคำแนะนำของทุกคน