สำหรับนักลงทุนที่มองหา รายได้จากเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ ค่าธรรมเนียมต่ำ และการกระจายความเสี่ยงที่ดี ชื่อของ Vanguard High Dividend Yield ETF (VYM) มักจะถูกพูดถึงอยู่เสมอ และยังคงเป็นหนึ่งใน ETF ปันผลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตลาดสหรัฐฯ
VYM เปิดตัวตั้งแต่ปี 2006 โดยมีเป้าหมายติดตาม FTSE High Dividend Yield Index ซึ่งคัดเลือกหุ้นขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ที่จ่ายเงินปันผลสูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาด แต่ยังคงเน้น “ความมั่นคง” มากกว่าการไล่ผลตอบแทนสูงเกินความเสี่ยง

โครงสร้างของ VYM: กระจายตัวกว้าง เน้นเสถียรภาพ
ปัจจุบัน VYM ถือหุ้นประมาณ 590–600 บริษัท ครอบคลุมหลายภาคอุตสาหกรรม เช่น
- การเงิน ~20%
- สุขภาพ ~15%
- สินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐาน ~13%
- พลังงาน ~10%
- อุตสาหกรรม ~10%
การกระจายตัวลักษณะนี้ช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งมากเกินไป อีกจุดเด่นคือ VYM ให้น้ำหนักตามมูลค่าตลาด (Market Cap Weighting) ไม่ได้ให้น้ำหนักตามอัตราปันผลล้วน ๆ ทำให้พอร์ตไม่ถูกครอบงำด้วยหุ้นที่ปันผลสูงแต่มีความเสี่ยง
หมายเหตุ: VYM ไม่รวม REITs เพื่อคงโฟกัสไปที่หุ้นสามัญเป็นหลัก

3 เหตุผลที่ VYM ยังน่าสนใจในปี 2025
1) เงินปันผลสม่ำเสมอ
อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลล่าสุดอยู่ราว 2.6% จ่ายปันผล รายไตรมาส (มี.ค., มิ.ย., ก.ย., ธ.ค.)  เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการกระแสเงินสดต่อเนื่อง โดยไม่ต้องรับความผันผวนสูงเกินไป
2) ค่าธรรมเนียมต่ำมาก
VYM มี Expense Ratio เพียง 0.06% ต่ำกว่ากองทุนปันผลจำนวนมากอย่างชัดเจน ช่วยให้ผลตอบแทนสุทธิอยู่กับนักลงทุนมากขึ้นในระยะยาว
3) ผลตอบแทนรวมยังแข็งแรง
แม้จะเน้นปันผล แต่ VYM ยังสร้างผลตอบแทนรวมได้ดี สะท้อนว่าการลงทุนในหุ้นปันผลคุณภาพ ไม่จำเป็นต้องแลกกับการเติบโตของพอร์ต

VYM เทียบกับ ETF ปันผลอื่น ควรเลือกยังไง?
ETF ปันผลแต่ละกองมีแนวคิดต่างกัน บางกองเน้นปันผลสูง บางกองเน้นคุณภาพ หรือเน้นการเติบโตของเงินปันผล จุดเด่นของ VYM คือ ความสมดุล ระหว่างรายได้ ความเสถียร และการกระจายความเสี่ยง ด้วยเหตุนี้ VYM จึงมักถูกใช้เป็น “แกนกลางของพอร์ต” สำหรับนักลงทุนสายรายได้

VYM เหมาะกับใคร?
- นักลงทุนที่ต้องการรายได้จากปันผลอย่างสม่ำเสมอ
- ผู้ที่ลงทุนระยะยาวแบบซื้อและถือ
- นักลงทุนสายป้องกันความเสี่ยง
- ผู้ที่ให้ความสำคัญกับค่าธรรมเนียมต่ำและการกระจายความเสี่ยง

มุมมองปี 2025: ทำไม VYM ยังตอบโจทย์
ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับสูง ความไม่แน่นอนของเงินเฟ้อ และความผันผวนทางเศรษฐกิจ VYM ซึ่งมีสัดส่วนหุ้นในกลุ่ม การเงินและสุขภาพ ค่อนข้างมาก ถือว่าให้ลักษณะเชิง “Defensive” ได้ดีเมื่อเทียบกับ ETF บางกอง

สรุป
VYM ETF ยังคงเป็นหนึ่งใน ETF ปันผลที่มั่นคงที่สุดในตลาดสหรัฐฯ ด้วยอัตราปันผลประมาณ 2.6%, ค่าธรรมเนียมต่ำมาก และการกระจายตัวที่กว้าง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรายได้สม่ำเสมอในระยะยาว
ขณะเดียวกัน สำหรับผู้ที่อยากใช้ ETF เป็นเครื่องมือในการเก็งกำไรระยะสั้น การเข้าถึง ETF CFD ผ่านแพลตฟอร์มที่รองรับ ETF จำนวนมาก ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กลยุทธ์การลงทุนได้

ปล. ข้อมูลนี้จัดทำเพื่อการอ้างอิงเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุนนะคะ