
TITLE: ใครว่าเรื่องศาสนาจะน่าเบื่อ? The Two Popes นี่แหละครับ คือหนังที่ทำให้ผมเปลี่ยนความคิดไปเลย!
สวัสดีครับพี่น้องชาว Pantip ที่รักทุกท่าน วันนี้ผมมีหนังดีๆ เรื่องหนึ่งมาแนะนำครับ ชื่อเรื่องว่า "The Two Popes" (2019) ครับ ใครที่เคยคิดว่าเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนา วาติกัน พระสันตะปาปา มันจะต้องเครียด น่าเบื่อ มีแต่พิธีการอะไรแบบนั้น ผมบอกเลยว่าต้องมาลองดูเรื่องนี้ครับ แล้วจะรู้ว่าความคิดผมเปลี่ยนไปเยอะเลย
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่า ผมไม่ใช่คอหนังที่เจาะจงดูแนวประวัติศาสตร์หรือศาสนาอะไรเป็นพิเศษครับ แต่พอดีเห็นว่าเรื่องนี้มีนักแสดงเก่งๆ อย่าง Anthony Hopkins กับ Jonathan Pryce มารับบทเป็นพระสันตะปาปา ก็เลยเกิดความสนใจขึ้นมาครับ ประกอบกับเห็นคะแนนรีวิวดีๆ ก็เลยตัดสินใจกดเข้าไปดูใน Netflix ครับ
หนังเรื่องนี้เล่าถึงช่วงเวลาสำคัญของคริสตจักรคาทอลิกครับ ในปี 2012 ขณะที่พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 (รับบทโดย Anthony Hopkins) กำลังจะประกาศสละตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ พระองค์ทรงเรียกตัวคาร์ดินัลฮอร์เก มาริโอ เบอร์โกกลิโอ (รับบทโดย Jonathan Pryce) ซึ่งเป็นหัวหน้าสังฆราชแห่งอาร์เจนตินา ให้เดินทางมายังนครรัฐวาติกัน เพื่อหารือถึงอนาคตของคริสตจักร
สิ่งที่น่าสนใจมากๆ ของหนังเรื่องนี้เลยก็คือ การนำเสนอภาพความสัมพันธ์ระหว่างสองบุคคลที่ทรงอำนาจที่สุดในศาสนจักรคาทอลิกครับ แต่ทั้งสองท่านกลับมีความคิด แนวทาง และบุคลิกที่แตกต่างกันสุดขั้วเลยครับ ฝ่ายหนึ่งคือพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ผู้ยึดมั่นในขนบธรรมเนียม ประเพณี และความถูกต้องตามหลักการอย่างเคร่งครัด ดูเป็นคนสุขุม เยือกเย็น เก็บตัว และมีความเป็นระเบียบสูงมากครับ ตรงข้ามกับคาร์ดินัลเบอร์โกกลิโอ ที่ดูเป็นคนเข้าถึงง่าย อบอุ่น เป็นกันเอง มีความเห็นอกเห็นใจผู้คน และมีแนวคิดที่ทันสมัยกว่า
การปะทะกันทางความคิดระหว่างสองท่านนี้แหละครับ คือหัวใจหลักของหนังเลยครับ มันไม่ใช่การทะเลาะเบาะแว้งแบบรุนแรงนะครับ แต่เป็นการถกเถียงกันด้วยเหตุผล การแลกเปลี่ยนมุมมองที่แตกต่าง ซึ่งบางครั้งก็ทำให้เกิดความอึดอัด แต่ส่วนใหญ่แล้วมันทำให้เราเห็นถึงความซับซ้อนของจิตใจมนุษย์ และความท้าทายในการบริหารจัดการองค์กรที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่อย่างคริสตจักร
หนังเรื่องนี้มีการเล่าเรื่องที่ชาญฉลาดมากครับ ไม่ได้ยัดเยียดข้อมูล หรือทำให้รู้สึกเหมือนกำลังเรียนประวัติศาสตร์อยู่ แต่นำเสนอผ่านบทสนทนาที่เฉียบคม การแสดงที่ทรงพลัง และภาพที่สวยงามครับ เราจะได้เห็นเบื้องลึกเบื้องหลังของชีวิตในวาติกัน ที่อาจจะไม่ได้หรูหรา หรือศักดิ์สิทธิ์ตลอดเวลาอย่างที่เราคิดครับ มีทั้งความกดดัน ความคาดหวัง ความผิดพลาด และความเป็นมนุษย์ของบรรดาผู้ที่ดำรงตำแหน่งอันสูงส่งนี้
ฉากที่ผมชอบเป็นพิเศษคือ ฉากที่ทั้งสองท่านนั่งคุยกันในสวนสวยๆ ของวาติกัน หรือฉากที่ไปดูฟุตบอลด้วยกัน (ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เราเห็นมุมสบายๆ และความเป็นคนธรรมดาของท่าน) การแสดงของ Anthony Hopkins นี่ไม่ต้องพูดถึงเลยครับ คือระดับตำนานจริงๆ เขาถ่ายทอดความรู้สึก ความคิด และความขัดแย้งภายในของพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ฯ ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วน Jonathan Pryce ก็ไม่น้อยหน้าครับ เขาทำให้เราเชื่อจริงๆ ว่านี่คือคาร์ดินัลเบอร์โกกลิโอ ที่มีทั้งความเมตตา ความเข้มแข็ง และความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลง
อีกประเด็นที่หนังเรื่องนี้ทำให้ผมประทับใจคือ การนำเสนอภาพของ "ศรัทธา" ครับ ศรัทธาในรูปแบบที่หลากหลาย ไม่ได้มีแค่รูปแบบเดียวที่ถูกต้อง บางครั้งศรัทธาก็อาจจะมาพร้อมกับความสงสัย ความผิดพลาด หรือการตั้งคำถามกับตัวเอง หนังไม่ได้ตัดสินว่าใครถูกใครผิด แต่มันทำให้เราได้มองเห็นว่า ภายใต้ตำแหน่งอันยิ่งใหญ่ ทั้งสองท่านก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ที่ต้องเผชิญกับความท้าทายของชีวิต และต้องหาหนทางในการเดินหน้าต่อไป
ผมชอบวิธีการที่ผู้กำกับ Fernando Meirelles ใช้ภาพในการเล่าเรื่องครับ มีการใช้มุมกล้อง การจัดแสงที่สวยงาม โดยเฉพาะฉากในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ หรือฉากที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของวาติกัน มันช่วยเสริมสร้างบรรยากาศ และทำให้เรารู้สึกอินไปกับเรื่องราวได้มากขึ้นครับ
สำหรับใครที่กังวลว่า หนังจะหนักไปไหม หรือมีศัพท์ศาสนาเยอะหรือเปล่า ผมบอกเลยว่าไม่ต้องห่วงครับ ภาษาที่ใช้ในหนังเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน และถึงแม้จะมีศัพท์ทางศาสนาบ้าง ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการทำความเข้าใจเรื่องราวครับ เพราะแก่นแท้ของหนังเรื่องนี้มันอยู่ที่ความเป็นมนุษย์ การเปลี่ยนแปลง และการยอมรับความแตกต่าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้ครับ
"The Two Popes" ไม่ใช่แค่หนังเกี่ยวกับศาสนา แต่มันคือหนังที่พูดถึงการยอมรับ การเปลี่ยนแปลง การให้อภัย และการค้นหาความหมายของชีวิตครับ มันทำให้เราได้เห็นว่า แม้แต่บุคคลที่อยู่จุดสูงสุดของอำนาจ ก็ยังคงมีความเป็นมนุษย์ มีความเปราะบาง และมีความปรารถนาที่จะทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับโลกใบนี้
ผมขอแนะนำให้ทุกคนลองหามาดูครับ ไม่ว่าคุณจะนับถือศาสนาอะไร หรือไม่มีความเชื่อทางศาสนาก็ตาม ผมรับรองว่าคุณจะได้ข้อคิดดีๆ และความประทับใจกลับไปแน่นอนครับ มันเป็นหนังที่ดูแล้วสบายใจ ได้ข้อคิด และที่สำคัญคือ ได้เห็นการแสดงอันยอดเยี่ยมของนักแสดงระดับโลกครับ
ถ้าใครได้ดูแล้ว มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะครับ ผมอยากรู้ว่าคนอื่นๆ รู้สึกอย่างไรกับหนังเรื่องนี้บ้างครับ สำหรับผมแล้ว "The Two Popes" คือหนังที่ทำให้ผมเปิดโลกทัศน์ และมองเห็นอะไรในมุมที่กว้างขึ้นจริงๆ ครับ ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ สวัสดีครับ
ใครว่าเรื่องศาสนาจะน่าเบื่อ? The Two Popes นี่แหละครับ คือหนังที่ทำให้ผมเปลี่ยนความคิดไปเลย!
TITLE: ใครว่าเรื่องศาสนาจะน่าเบื่อ? The Two Popes นี่แหละครับ คือหนังที่ทำให้ผมเปลี่ยนความคิดไปเลย!
สวัสดีครับพี่น้องชาว Pantip ที่รักทุกท่าน วันนี้ผมมีหนังดีๆ เรื่องหนึ่งมาแนะนำครับ ชื่อเรื่องว่า "The Two Popes" (2019) ครับ ใครที่เคยคิดว่าเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนา วาติกัน พระสันตะปาปา มันจะต้องเครียด น่าเบื่อ มีแต่พิธีการอะไรแบบนั้น ผมบอกเลยว่าต้องมาลองดูเรื่องนี้ครับ แล้วจะรู้ว่าความคิดผมเปลี่ยนไปเยอะเลย
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่า ผมไม่ใช่คอหนังที่เจาะจงดูแนวประวัติศาสตร์หรือศาสนาอะไรเป็นพิเศษครับ แต่พอดีเห็นว่าเรื่องนี้มีนักแสดงเก่งๆ อย่าง Anthony Hopkins กับ Jonathan Pryce มารับบทเป็นพระสันตะปาปา ก็เลยเกิดความสนใจขึ้นมาครับ ประกอบกับเห็นคะแนนรีวิวดีๆ ก็เลยตัดสินใจกดเข้าไปดูใน Netflix ครับ
หนังเรื่องนี้เล่าถึงช่วงเวลาสำคัญของคริสตจักรคาทอลิกครับ ในปี 2012 ขณะที่พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 (รับบทโดย Anthony Hopkins) กำลังจะประกาศสละตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ พระองค์ทรงเรียกตัวคาร์ดินัลฮอร์เก มาริโอ เบอร์โกกลิโอ (รับบทโดย Jonathan Pryce) ซึ่งเป็นหัวหน้าสังฆราชแห่งอาร์เจนตินา ให้เดินทางมายังนครรัฐวาติกัน เพื่อหารือถึงอนาคตของคริสตจักร
สิ่งที่น่าสนใจมากๆ ของหนังเรื่องนี้เลยก็คือ การนำเสนอภาพความสัมพันธ์ระหว่างสองบุคคลที่ทรงอำนาจที่สุดในศาสนจักรคาทอลิกครับ แต่ทั้งสองท่านกลับมีความคิด แนวทาง และบุคลิกที่แตกต่างกันสุดขั้วเลยครับ ฝ่ายหนึ่งคือพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ผู้ยึดมั่นในขนบธรรมเนียม ประเพณี และความถูกต้องตามหลักการอย่างเคร่งครัด ดูเป็นคนสุขุม เยือกเย็น เก็บตัว และมีความเป็นระเบียบสูงมากครับ ตรงข้ามกับคาร์ดินัลเบอร์โกกลิโอ ที่ดูเป็นคนเข้าถึงง่าย อบอุ่น เป็นกันเอง มีความเห็นอกเห็นใจผู้คน และมีแนวคิดที่ทันสมัยกว่า
การปะทะกันทางความคิดระหว่างสองท่านนี้แหละครับ คือหัวใจหลักของหนังเลยครับ มันไม่ใช่การทะเลาะเบาะแว้งแบบรุนแรงนะครับ แต่เป็นการถกเถียงกันด้วยเหตุผล การแลกเปลี่ยนมุมมองที่แตกต่าง ซึ่งบางครั้งก็ทำให้เกิดความอึดอัด แต่ส่วนใหญ่แล้วมันทำให้เราเห็นถึงความซับซ้อนของจิตใจมนุษย์ และความท้าทายในการบริหารจัดการองค์กรที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่อย่างคริสตจักร
หนังเรื่องนี้มีการเล่าเรื่องที่ชาญฉลาดมากครับ ไม่ได้ยัดเยียดข้อมูล หรือทำให้รู้สึกเหมือนกำลังเรียนประวัติศาสตร์อยู่ แต่นำเสนอผ่านบทสนทนาที่เฉียบคม การแสดงที่ทรงพลัง และภาพที่สวยงามครับ เราจะได้เห็นเบื้องลึกเบื้องหลังของชีวิตในวาติกัน ที่อาจจะไม่ได้หรูหรา หรือศักดิ์สิทธิ์ตลอดเวลาอย่างที่เราคิดครับ มีทั้งความกดดัน ความคาดหวัง ความผิดพลาด และความเป็นมนุษย์ของบรรดาผู้ที่ดำรงตำแหน่งอันสูงส่งนี้
ฉากที่ผมชอบเป็นพิเศษคือ ฉากที่ทั้งสองท่านนั่งคุยกันในสวนสวยๆ ของวาติกัน หรือฉากที่ไปดูฟุตบอลด้วยกัน (ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เราเห็นมุมสบายๆ และความเป็นคนธรรมดาของท่าน) การแสดงของ Anthony Hopkins นี่ไม่ต้องพูดถึงเลยครับ คือระดับตำนานจริงๆ เขาถ่ายทอดความรู้สึก ความคิด และความขัดแย้งภายในของพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ฯ ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วน Jonathan Pryce ก็ไม่น้อยหน้าครับ เขาทำให้เราเชื่อจริงๆ ว่านี่คือคาร์ดินัลเบอร์โกกลิโอ ที่มีทั้งความเมตตา ความเข้มแข็ง และความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลง
อีกประเด็นที่หนังเรื่องนี้ทำให้ผมประทับใจคือ การนำเสนอภาพของ "ศรัทธา" ครับ ศรัทธาในรูปแบบที่หลากหลาย ไม่ได้มีแค่รูปแบบเดียวที่ถูกต้อง บางครั้งศรัทธาก็อาจจะมาพร้อมกับความสงสัย ความผิดพลาด หรือการตั้งคำถามกับตัวเอง หนังไม่ได้ตัดสินว่าใครถูกใครผิด แต่มันทำให้เราได้มองเห็นว่า ภายใต้ตำแหน่งอันยิ่งใหญ่ ทั้งสองท่านก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ที่ต้องเผชิญกับความท้าทายของชีวิต และต้องหาหนทางในการเดินหน้าต่อไป
ผมชอบวิธีการที่ผู้กำกับ Fernando Meirelles ใช้ภาพในการเล่าเรื่องครับ มีการใช้มุมกล้อง การจัดแสงที่สวยงาม โดยเฉพาะฉากในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ หรือฉากที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของวาติกัน มันช่วยเสริมสร้างบรรยากาศ และทำให้เรารู้สึกอินไปกับเรื่องราวได้มากขึ้นครับ
สำหรับใครที่กังวลว่า หนังจะหนักไปไหม หรือมีศัพท์ศาสนาเยอะหรือเปล่า ผมบอกเลยว่าไม่ต้องห่วงครับ ภาษาที่ใช้ในหนังเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน และถึงแม้จะมีศัพท์ทางศาสนาบ้าง ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการทำความเข้าใจเรื่องราวครับ เพราะแก่นแท้ของหนังเรื่องนี้มันอยู่ที่ความเป็นมนุษย์ การเปลี่ยนแปลง และการยอมรับความแตกต่าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้ครับ
"The Two Popes" ไม่ใช่แค่หนังเกี่ยวกับศาสนา แต่มันคือหนังที่พูดถึงการยอมรับ การเปลี่ยนแปลง การให้อภัย และการค้นหาความหมายของชีวิตครับ มันทำให้เราได้เห็นว่า แม้แต่บุคคลที่อยู่จุดสูงสุดของอำนาจ ก็ยังคงมีความเป็นมนุษย์ มีความเปราะบาง และมีความปรารถนาที่จะทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับโลกใบนี้
ผมขอแนะนำให้ทุกคนลองหามาดูครับ ไม่ว่าคุณจะนับถือศาสนาอะไร หรือไม่มีความเชื่อทางศาสนาก็ตาม ผมรับรองว่าคุณจะได้ข้อคิดดีๆ และความประทับใจกลับไปแน่นอนครับ มันเป็นหนังที่ดูแล้วสบายใจ ได้ข้อคิด และที่สำคัญคือ ได้เห็นการแสดงอันยอดเยี่ยมของนักแสดงระดับโลกครับ
ถ้าใครได้ดูแล้ว มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะครับ ผมอยากรู้ว่าคนอื่นๆ รู้สึกอย่างไรกับหนังเรื่องนี้บ้างครับ สำหรับผมแล้ว "The Two Popes" คือหนังที่ทำให้ผมเปิดโลกทัศน์ และมองเห็นอะไรในมุมที่กว้างขึ้นจริงๆ ครับ ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ สวัสดีครับ