โค้งสุดท้าย คนละครึ่งพลัส เตือนใช้ได้ถึงสิ้นปี หรือ 31 ธ.ค.นี้เท่านั้น เงินคงเหลือใช้ไม่ทันถูกริบสิทธิ
คลังเผยล่าสุดมีผู้ใช้จ่ายครบวงเงินกว่า 6.4 ล้านราย หรือแค่ 32.59% ของผู้ใช้จ่ายผ่านโครงการฯทั้งหมดเท่านั้น 
จับตา “คนละครึ่งพลัส เฟส 2” คัมแบ็คปี 2569 หลังอนุทินย้ำนโยบาย “เราจะทำเฟส 2 ต่อ”
หลังจากรัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ประกาศยุบสภาและคืนอำนาจให้ประชาชน ส่งผลให้มาตรการช่วยเหลือหลายโครงการต้องชะลอการพิจารณา โดยหนึ่งในนั้นคือโครงการคนละครึ่งพลัส เฟส 2 ที่เตรียมนำเข้า ครม.ต้องหยุดไว้ก่อนตามข้อจำกัดของกฎหมายเลือกตั้ง ไม่สามารถใช้งบฯเพื่อออกมาตรการลักษณะนี้ได้
อย่างไรก็ตาม โครงการคนละครึ่งพลัส (เฟสแรก)
ประชาชนที่ได้รับสิทธิยังสามารถใช้จ่ายผ่านแอป “เป๋าตัง” ได้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 จำกัดวงเงินไม่เกิน 200 บาท/วัน หรือจนกว่าเงินสิทธิคงเหลือจะหมด ใช้ได้ระหว่างเวลา 06.00-23.00 น. หากใช้ไม่หมดภายในสิ้นปี สิทธิจะถูกริบโดยอัตโนมัติ
คลังย้ำใช้จ่ายก่อน 31 ธ.ค.นี้
นายพงศ์นคร โภชากรณ์ ผู้อำนวยการกองนโยบายพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน ในฐานะผู้ช่วยโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง พลัส ว่า ข้อมูล ณ วันที่ 24 ธันวาคม 2568 เวลา 23.00 น. มียอดใช้จ่ายผ่านโครงการฯ รวม 80,075.36 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น ส่วนที่ 1 เงินที่ประชาชนใช้จ่าย 40,692.41 ล้านบาท
ประกอบด้วยการใช้จ่ายผ่านร้านค้าทั่วไป จำนวน 39,227.11 ล้านบาท และใช้จ่ายผ่านผู้ให้บริการระบบขนส่งอาหาร (Food Delivery Platform) จำนวน 1,465.33 ล้านบาท
และส่วนที่ 2 เงินที่รัฐร่วมจ่าย 39,382.96 ล้านบาท ประกอบด้วยการใช้จ่ายผ่านร้านค้าทั่วไปจำนวน 37,989.75 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายผ่าน Food Delivery Platform จำนวน 1,393.21 ล้านบาท
สำหรับจำนวนร้านค้าในโครงการฯ จากข้อมูลสะสม ณ วันที่ 24 ธันวาคม 2568 เวลา 23.00 น. มีร้านค้าที่ผ่านการตรวจสอบข้อมูลจำนวน 999,331 ราย ในจำนวนนี้เป็นร้านอาหารและเครื่องดื่มที่รับชำระผ่าน Food Delivery Platform จำนวน 89,698 ราย
ผู้ช่วยโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มีผู้ใช้สิทธิครบวงเงิน 2,400 บาท หรือ 2,000 บาท แล้วจำนวน 6.44 ล้านราย หรือคิดเป็นร้อยละ 32.59 ของผู้ใช้จ่ายผ่านโครงการฯ ทั้งหมด
ดังนั้น จึงขอเชิญชวนผู้ที่ยังมีสิทธิคงเหลือเร่งใช้จ่ายให้ครบวงเงินโครงการฯ โดยใช้จ่ายผ่านร้านค้าทั่วไปที่เข้าร่วมโครงการฯ ระหว่างเวลา 06.00 – 23.00 น. หรือใช้จ่ายผ่านร้านอาหารและเครื่องดื่มที่รับชำระผ่าน Food Delivery Platform ระหว่างเวลา 06.00 – 21.00 น. ได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดโครงการฯ
วิธีตรวจสอบวงเงินคนละครึ่งพลัส ในแอปเป๋าตัง
1.เปิดแอปเป๋าตัง
2.กดแบนเนอร์ “คนละครึ่งพลัส”
3.ระบบจะแสดงยอดสิทธิคงเหลือตลอดโครงการ รวมถึงยอดคงเหลือรายวัน
คนละครึ่งพลัส ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ
ก่อนหน้านี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงโครงการ “คนละครึ่งพลัส เฟส 2” ว่า ต้องเข้าใจว่าตอนนี้พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2568 มีผลใช้บังคับแล้วเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2568 จึงไม่สามารถนำงบฯกลางมาใช้กับโครงการนี้
อย่างไรก็ตาม หากจะดำเนินโครงการคนละครึ่งพลัส เฟส 2 ต่อไป ก็คงต้องรอให้สถานะของรัฐบาลกลับมาเป็นปกติก่อน ถึงจะดำเนินโครงการได้
“ตอนนี้ไม่สามารถนำงบฯกลางมาใช้ได้ ต้องรอให้สภาพรัฐบาลกลับมาเป็นรัฐบาลปกติก่อน”
และไม่เพียงแต่ประชาชนที่ชื่นชอบโครงการคนละครึ่งพลัส ในส่วนของภาคเอกเชน ผู้ประกอบการ ร้านค้าล้วนอยากให้มีเฟสสอง เนื่องจากเห็นผลในการกระตุ้นกำลังซื้อได้ชัดเจน แม้ว่าจะไม่ได้กระตุ้นจีดีพีหรือเศรษฐกิจของประเทศมากนักตามที่นักวิชาการกล่าวอ้าง
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา
“ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา” กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงคำถามนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ ภาคเอกชนอยากได้อะไร เพราะเท่าที่ประกาศนโยบายหาเสียงส่วนใหญ่ยังแข่งขันนโยบายประชานิยมเป็นหลัก
“เอกชนก็อยากเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศไทยเกิดขึ้นจริง ๆ ”
มีประเด็นอะไรที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด หรือประเด็นอะไรท้าทายนักธุรกิจมากที่สุดในปีหน้า
ดร.ณัฐกิตติ์ระบุว่า เรื่องน่าห่วงมากที่สุดไม่พ้นเรื่องกำลังซื้อในประเทศ ธุรกิจรีเทลการที่เราจะเพิ่มกำลังซื้อได้เป็นเรื่องของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาในไทย กับเรื่องค่าเงินบาท
“ในเรื่องนักท่องเที่ยวต่างชาติ ปี 2568 เข้ามาเยือนไทย 33 ล้านคน ถือว่า Not Bad สถิติในช่วงไตรมาส 4/68 ก็เข้ามาเยอะ แสดงว่าประเทศไทยก็ยังเป็นเดสติเนชั่นที่ดึงดูดการท่องเที่ยวอยู่ เท่าที่คุยกับ ททท. ตอนนี้มีจำนวน 33 ล้านคน จากเป้าที่ตั้งไว้ 35 ล้านคน ผมมองว่าไม่ได้เลวร้ายอะไรมากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน”
พร้อมกับขยายความเพิ่มเติม แน่นอนว่าทัวริสซึ่มยังเป็นเอ็นจิ้นใหญ่ของธุรกิจรีเทล ในเรื่องของกำลังซื้อ นโยบายภาครัฐกระตุ้นกำลังซื้อ อย่างมาตรการช้อปดีมีคืน คนละครึ่งพลัส เที่ยวดีมีคืน ก็จำเป็นอยู่ในการทำต่อเนื่อง
ลุ้นเฟส 2 คัมแบ็คปี 69
ในวันแถลงนโยบายของพรรคภูมิใจไทย สำหรับการเลือกตั้งในปี 2569 เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2568 โดยหนึ่งในโครงการที่มีการพูดถึง คือโครงการคนละครึ่งพลัส ระบุว่า “โครงการคนละครึ่งพลัสซึ่งแน่นอนนะครับ ผมทราบดีว่าผมยังติดพี่น้องประชาชนอีกคน ละ 2,400 บาท ดังนั้นขอให้ผมได้มีโอกาสใช้หนี้ท่านนะครับ ขอให้พรรคภูมิใจไทยได้มีโอกาสกลับมา ชำระหนี้ให้กับพวกท่านซึ่งแน่นอนว่าโครงการนี้จะต้องกลับมาแบบไม่ธรรมดา เพราะมันจะต้องมีคำว่าพลัสกลับมาด้วย” นายอนุทินกล่าว
อนุทิน ชาญวีรกูล
นอกจากนี้ ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างการเดินทางไปให้กำลังใจผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทยที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ท่ามกลางประชาชนที่มาหใกำลังใจผู้สมัครและกองเชียร์ของพรรคภูมิใจไทย
โดยประชาชนได้บอกว่ารอ “คนละครึ่งพลัส” อยู่ ซึ่งนายอนุทินได้หันมายิ้มพร้อมยกนิ้วโป้งให้ และทำสัญลักษณ์พูดแล้วทำพลัส ขณะเดียวกัน ประชาชนได้บอกนายกสู้ ๆ โดยนายกรัฐมนตรีได้ยกมือโชว์พร้อมชี้ไปที่กำไรเงินหลวงพ่อรวย วัดตะโก อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
และช่วงที่นายอนุทินพาผู้สมัครไปสักการะศาลหลักเมืองพระนครศรีอยูธยาเพื่อเเอาฤกษ์เอาชัย แม่ค้าที่ขายของบริเวณศาลหลักเมือง เดินมาทักทายนายอนุทิน นอกจากจะชมว่านายกฯ ตัวจริงหล่อแล้ว ยังจะขอให้สานต่อนโยบายคนละครึ่ง และถ้าเป็นไปได้ขอเงินหมื่นด้วย
นายอนุทินยังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงความมั่นใจในสนามเลือกตั้งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ว่าขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชน
ส่วนคำถามที่ว่า พรรคภูมิใจไทยคาดหวังว่าจะได้รับใช้ประชาชนในพื้นที่ภาคกลางทั้งหมดหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราเสนอตัวที่จะทำผลงานให้ประชาชนด้วยความตั้งใจ ตอนเลือกตั้งเรากำหนดอะไรเองไม่ได้ นอกจากนำเสนอนโยบาย และทำให้ได้
เช่น โครงการคนละครึ่งพลัสคิดว่าเป็นที่พึงพอใจ และเป็นที่เชื่อมั่นของประชาชนว่ารัฐบาลพรรคภูมิใจไทยทำได้ เราได้พิสูจน์ให้เห็นมาแล้วว่าเราได้ยกระดับในทุก ๆ เฟส
ซึ่งไม่ได้เป็นนโยบายที่เป็นประชานิยม แต่เป็นนโยบายที่ประชาชนมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ และวินวินกับทุกฝ่าย
ถ้าไม่ยุบสภา ป่านนี้คงจะได้คนละครึ่งพลัสเฟส 2 เรียบร้อยแล้ว ก็ขอโอกาสให้พรรคภูมิใจไทยได้กลับมาบริหารบ้านเมืองอีก
“เราจะทำคนละครึ่งเฟส 2 ต่อ” บทสรุปส่งท้ายจากหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
https://www.prachachat.net/general/news-1937019
โค้งสุดท้าย คนละครึ่งพลัส จับตาเฟส 2 คัมแบ็ค 2569
หลังจากรัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ประกาศยุบสภาและคืนอำนาจให้ประชาชน ส่งผลให้มาตรการช่วยเหลือหลายโครงการต้องชะลอการพิจารณา โดยหนึ่งในนั้นคือโครงการคนละครึ่งพลัส เฟส 2 ที่เตรียมนำเข้า ครม.ต้องหยุดไว้ก่อนตามข้อจำกัดของกฎหมายเลือกตั้ง ไม่สามารถใช้งบฯเพื่อออกมาตรการลักษณะนี้ได้
อย่างไรก็ตาม โครงการคนละครึ่งพลัส (เฟสแรก) ประชาชนที่ได้รับสิทธิยังสามารถใช้จ่ายผ่านแอป “เป๋าตัง” ได้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 จำกัดวงเงินไม่เกิน 200 บาท/วัน หรือจนกว่าเงินสิทธิคงเหลือจะหมด ใช้ได้ระหว่างเวลา 06.00-23.00 น. หากใช้ไม่หมดภายในสิ้นปี สิทธิจะถูกริบโดยอัตโนมัติ
คลังย้ำใช้จ่ายก่อน 31 ธ.ค.นี้
นายพงศ์นคร โภชากรณ์ ผู้อำนวยการกองนโยบายพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน ในฐานะผู้ช่วยโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง พลัส ว่า ข้อมูล ณ วันที่ 24 ธันวาคม 2568 เวลา 23.00 น. มียอดใช้จ่ายผ่านโครงการฯ รวม 80,075.36 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น ส่วนที่ 1 เงินที่ประชาชนใช้จ่าย 40,692.41 ล้านบาท
ประกอบด้วยการใช้จ่ายผ่านร้านค้าทั่วไป จำนวน 39,227.11 ล้านบาท และใช้จ่ายผ่านผู้ให้บริการระบบขนส่งอาหาร (Food Delivery Platform) จำนวน 1,465.33 ล้านบาท
และส่วนที่ 2 เงินที่รัฐร่วมจ่าย 39,382.96 ล้านบาท ประกอบด้วยการใช้จ่ายผ่านร้านค้าทั่วไปจำนวน 37,989.75 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายผ่าน Food Delivery Platform จำนวน 1,393.21 ล้านบาท
สำหรับจำนวนร้านค้าในโครงการฯ จากข้อมูลสะสม ณ วันที่ 24 ธันวาคม 2568 เวลา 23.00 น. มีร้านค้าที่ผ่านการตรวจสอบข้อมูลจำนวน 999,331 ราย ในจำนวนนี้เป็นร้านอาหารและเครื่องดื่มที่รับชำระผ่าน Food Delivery Platform จำนวน 89,698 ราย
ผู้ช่วยโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มีผู้ใช้สิทธิครบวงเงิน 2,400 บาท หรือ 2,000 บาท แล้วจำนวน 6.44 ล้านราย หรือคิดเป็นร้อยละ 32.59 ของผู้ใช้จ่ายผ่านโครงการฯ ทั้งหมด
ดังนั้น จึงขอเชิญชวนผู้ที่ยังมีสิทธิคงเหลือเร่งใช้จ่ายให้ครบวงเงินโครงการฯ โดยใช้จ่ายผ่านร้านค้าทั่วไปที่เข้าร่วมโครงการฯ ระหว่างเวลา 06.00 – 23.00 น. หรือใช้จ่ายผ่านร้านอาหารและเครื่องดื่มที่รับชำระผ่าน Food Delivery Platform ระหว่างเวลา 06.00 – 21.00 น. ได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดโครงการฯ
วิธีตรวจสอบวงเงินคนละครึ่งพลัส ในแอปเป๋าตัง
1.เปิดแอปเป๋าตัง
2.กดแบนเนอร์ “คนละครึ่งพลัส”
3.ระบบจะแสดงยอดสิทธิคงเหลือตลอดโครงการ รวมถึงยอดคงเหลือรายวัน
คนละครึ่งพลัส ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ
ก่อนหน้านี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงโครงการ “คนละครึ่งพลัส เฟส 2” ว่า ต้องเข้าใจว่าตอนนี้พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2568 มีผลใช้บังคับแล้วเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2568 จึงไม่สามารถนำงบฯกลางมาใช้กับโครงการนี้
อย่างไรก็ตาม หากจะดำเนินโครงการคนละครึ่งพลัส เฟส 2 ต่อไป ก็คงต้องรอให้สถานะของรัฐบาลกลับมาเป็นปกติก่อน ถึงจะดำเนินโครงการได้
“ตอนนี้ไม่สามารถนำงบฯกลางมาใช้ได้ ต้องรอให้สภาพรัฐบาลกลับมาเป็นรัฐบาลปกติก่อน”
และไม่เพียงแต่ประชาชนที่ชื่นชอบโครงการคนละครึ่งพลัส ในส่วนของภาคเอกเชน ผู้ประกอบการ ร้านค้าล้วนอยากให้มีเฟสสอง เนื่องจากเห็นผลในการกระตุ้นกำลังซื้อได้ชัดเจน แม้ว่าจะไม่ได้กระตุ้นจีดีพีหรือเศรษฐกิจของประเทศมากนักตามที่นักวิชาการกล่าวอ้าง
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา
“ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา” กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงคำถามนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ ภาคเอกชนอยากได้อะไร เพราะเท่าที่ประกาศนโยบายหาเสียงส่วนใหญ่ยังแข่งขันนโยบายประชานิยมเป็นหลัก
“เอกชนก็อยากเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศไทยเกิดขึ้นจริง ๆ ”
มีประเด็นอะไรที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด หรือประเด็นอะไรท้าทายนักธุรกิจมากที่สุดในปีหน้า
ดร.ณัฐกิตติ์ระบุว่า เรื่องน่าห่วงมากที่สุดไม่พ้นเรื่องกำลังซื้อในประเทศ ธุรกิจรีเทลการที่เราจะเพิ่มกำลังซื้อได้เป็นเรื่องของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาในไทย กับเรื่องค่าเงินบาท
“ในเรื่องนักท่องเที่ยวต่างชาติ ปี 2568 เข้ามาเยือนไทย 33 ล้านคน ถือว่า Not Bad สถิติในช่วงไตรมาส 4/68 ก็เข้ามาเยอะ แสดงว่าประเทศไทยก็ยังเป็นเดสติเนชั่นที่ดึงดูดการท่องเที่ยวอยู่ เท่าที่คุยกับ ททท. ตอนนี้มีจำนวน 33 ล้านคน จากเป้าที่ตั้งไว้ 35 ล้านคน ผมมองว่าไม่ได้เลวร้ายอะไรมากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน”
พร้อมกับขยายความเพิ่มเติม แน่นอนว่าทัวริสซึ่มยังเป็นเอ็นจิ้นใหญ่ของธุรกิจรีเทล ในเรื่องของกำลังซื้อ นโยบายภาครัฐกระตุ้นกำลังซื้อ อย่างมาตรการช้อปดีมีคืน คนละครึ่งพลัส เที่ยวดีมีคืน ก็จำเป็นอยู่ในการทำต่อเนื่อง
ลุ้นเฟส 2 คัมแบ็คปี 69
ในวันแถลงนโยบายของพรรคภูมิใจไทย สำหรับการเลือกตั้งในปี 2569 เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2568 โดยหนึ่งในโครงการที่มีการพูดถึง คือโครงการคนละครึ่งพลัส ระบุว่า “โครงการคนละครึ่งพลัสซึ่งแน่นอนนะครับ ผมทราบดีว่าผมยังติดพี่น้องประชาชนอีกคน ละ 2,400 บาท ดังนั้นขอให้ผมได้มีโอกาสใช้หนี้ท่านนะครับ ขอให้พรรคภูมิใจไทยได้มีโอกาสกลับมา ชำระหนี้ให้กับพวกท่านซึ่งแน่นอนว่าโครงการนี้จะต้องกลับมาแบบไม่ธรรมดา เพราะมันจะต้องมีคำว่าพลัสกลับมาด้วย” นายอนุทินกล่าว
อนุทิน ชาญวีรกูล
นอกจากนี้ ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างการเดินทางไปให้กำลังใจผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทยที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ท่ามกลางประชาชนที่มาหใกำลังใจผู้สมัครและกองเชียร์ของพรรคภูมิใจไทย
โดยประชาชนได้บอกว่ารอ “คนละครึ่งพลัส” อยู่ ซึ่งนายอนุทินได้หันมายิ้มพร้อมยกนิ้วโป้งให้ และทำสัญลักษณ์พูดแล้วทำพลัส ขณะเดียวกัน ประชาชนได้บอกนายกสู้ ๆ โดยนายกรัฐมนตรีได้ยกมือโชว์พร้อมชี้ไปที่กำไรเงินหลวงพ่อรวย วัดตะโก อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
และช่วงที่นายอนุทินพาผู้สมัครไปสักการะศาลหลักเมืองพระนครศรีอยูธยาเพื่อเเอาฤกษ์เอาชัย แม่ค้าที่ขายของบริเวณศาลหลักเมือง เดินมาทักทายนายอนุทิน นอกจากจะชมว่านายกฯ ตัวจริงหล่อแล้ว ยังจะขอให้สานต่อนโยบายคนละครึ่ง และถ้าเป็นไปได้ขอเงินหมื่นด้วย
นายอนุทินยังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงความมั่นใจในสนามเลือกตั้งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ว่าขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชน
ส่วนคำถามที่ว่า พรรคภูมิใจไทยคาดหวังว่าจะได้รับใช้ประชาชนในพื้นที่ภาคกลางทั้งหมดหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราเสนอตัวที่จะทำผลงานให้ประชาชนด้วยความตั้งใจ ตอนเลือกตั้งเรากำหนดอะไรเองไม่ได้ นอกจากนำเสนอนโยบาย และทำให้ได้
เช่น โครงการคนละครึ่งพลัสคิดว่าเป็นที่พึงพอใจ และเป็นที่เชื่อมั่นของประชาชนว่ารัฐบาลพรรคภูมิใจไทยทำได้ เราได้พิสูจน์ให้เห็นมาแล้วว่าเราได้ยกระดับในทุก ๆ เฟส
ซึ่งไม่ได้เป็นนโยบายที่เป็นประชานิยม แต่เป็นนโยบายที่ประชาชนมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ และวินวินกับทุกฝ่าย
ถ้าไม่ยุบสภา ป่านนี้คงจะได้คนละครึ่งพลัสเฟส 2 เรียบร้อยแล้ว ก็ขอโอกาสให้พรรคภูมิใจไทยได้กลับมาบริหารบ้านเมืองอีก
“เราจะทำคนละครึ่งเฟส 2 ต่อ” บทสรุปส่งท้ายจากหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/general/news-1937019