TITLE: แท็กซี่ที่พาไปสู่นรก: รีวิว Taxi Driver (1976) หนังคลาสสิกที่ทำเอาจิตตกจริงๆ ครับ
สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว Pantip ทุกคน วันนี้ผมมีหนังเก่ามากๆ แต่โคตรจะคลาสสิกมาเล่าให้ฟังครับ เป็นเรื่อง Taxi Driver ที่ออกฉายในปี 1976 โน่นเลย ผมเพิ่งมีโอกาสได้ดูแบบเต็มๆ แล้วบอกเลยว่าอึ้ง ทึ่ง เสียวสันหลังไปตามๆ กันครับ ไม่ใช่หนังแอ็คชั่นมันส์ๆ แบบที่คิดนะ แต่มันเป็นหนังดราม่าจิตวิทยาที่ดำดิ่งลงไปในความมืดมิดของจิตใจมนุษย์จริงๆ ครับ
เรื่องราวของ Taxi Driver นี่จะเล่าถึง Travis Bickle รับบทโดย Robert De Niro ที่เป็นทหารผ่านศึกเวียดนามที่กลับมาใช้ชีวิตในนิวยอร์ก แต่ชีวิตแกนี่มันหดหู่สิ้นดีเลยครับ ออกไปรบกลับมาแล้วดันมีอาการนอนไม่หลับ กลางคืนก็ขับแท็กซี่ไปเรื่อยๆ เหมือนคนไร้จุดหมาย ท่ามกลางเมืองที่เต็มไปด้วยความเสื่อมโทรม คอรัปชั่น โสเภณี ยาเสพติด และอาชญากรรมต่างๆ นานา เห็นแล้วก็รู้สึกได้ถึงความเน่าเฟะของสังคมในยุคนั้นมากๆ ครับ
สิ่งที่ผมชอบมากๆ ในหนังเรื่องนี้คือการแสดงของ Robert De Niro ครับ แกเล่นได้แบบเข้าถึงบทบาทสุดๆ เราจะเห็น Travis Bickle ค่อยๆ คลุ้มคลั่งไปทีละนิด จากคนเก็บกด ซึมเศร้า ก็กลายเป็นคนที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น และอยากจะ "ชำระล้าง" เมืองนี้ให้สะอาด ผมนี่แบบขนลุกทุกครั้งที่เห็นแกมองกระจกแล้วพูดกับตัวเองว่า "You talkin' to me?" มันเป็นฉากไอคอนิกที่ใครๆ ก็รู้จัก แต่พอได้ดูจริงๆ แล้วมันสะท้อนความโดดเดี่ยวและความบ้าคลั่งของตัวละครได้ดีมากๆ ครับ
บรรยากาศของหนังนี่ไม่ต้องพูดถึงครับ มันดิบ เถื่อน และสมจริงมากๆ ผู้กำกับ Martin Scorsese แกถ่ายทอดภาพของนิวยอร์กตอนกลางคืนออกมาได้แบบเห็นแล้วรู้สึกได้ถึงความอันตราย ความวุ่นวาย และความสกปรกจริงๆ ครับ แสงสีนีออนที่สะท้อนบนถนนเปียกๆ เสียงไซเรนรถตำรวจที่ดังไม่ขาดสาย ทุกอย่างมันรวมกันแล้วทำให้เรารู้สึกอึดอัด กดดันไปกับตัวละคร Travis Bickle ตลอดทั้งเรื่องเลยครับ
หนังเรื่องนี้ไม่ได้มีพล็อตเรื่องซับซ้อนอะไรมากมายครับ มันเน้นไปที่การสำรวจจิตใจของ Travis Bickle เป็นหลัก เราจะได้เห็นว่าทำไมเขาถึงตัดสินใจที่จะทำในสิ่งที่เขาทำ มันไม่ใช่การแก้แค้นแบบพระเอกหนังทั่วๆ ไป แต่มันคือการระเบิดอารมณ์ของคนที่แบกรับความทุกข์ ความผิดหวัง และความรู้สึกไร้ค่ามานานจนเกินจะรับไหวแล้วครับ
ตัวละครอื่นๆ ในเรื่องก็น่าสนใจไม่แพ้กันครับ อย่าง Betsy ที่รับบทโดย Jodie Foster ที่ Travis หลงรัก แต่สุดท้ายก็ทำให้เขาผิดหวัง หรือ Sport ที่เป็นแมงดา (pimp) ที่รับบทโดย Harvey Keitel ที่เป็นตัวแทนของความเลวร้ายในสังคมที่ Travis เกลียดมากๆ ตัวละครเหล่านี้มีส่วนสำคัญที่ผลักดันให้ Travis ค่อยๆ เปลี่ยนไปครับ
สิ่งที่ทำให้ Taxi Driver ไม่ใช่แค่หนังดราม่าธรรมดา แต่เป็นหนังคลาสสิกที่คนยังพูดถึงจนถึงทุกวันนี้ ก็เพราะว่ามันตั้งคำถามเกี่ยวกับศีลธรรม การแก้แค้น และสภาพจิตใจของมนุษย์ครับ หนังไม่ได้ตัดสินว่า Travis Bickle เป็นคนดีหรือคนเลว แต่ให้คนดูคิดตามเองว่า อะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง อะไรคือสิ่งที่ผิด และสังคมแบบไหนที่ทำให้คนเรากลายเป็นแบบนี้
พอมาถึงฉากไคลแมกซ์นี่ ผมนี่นั่งไม่ติดเลยครับ มันทั้งโหดร้าย รุนแรง แต่ก็สะใจในแบบที่บอกไม่ถูก เหมือนได้ปลดปล่อยอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครเลยครับ แต่พอดูจบแล้วมันก็ไม่ได้รู้สึกดีใจอะไรนะครับ มันกลับรู้สึกหดหู่และตั้งคำถามกับตัวเองว่าจริงๆ แล้วเรากำลังอยู่ในสังคมแบบไหนกันแน่
สำหรับใครที่ชอบหนังที่เน้นการสำรวจจิตใจตัวละคร ชอบบรรยากาศดิบๆ สมจริง และชอบการแสดงที่ทรงพลัง ผมแนะนำ Taxi Driver เลยครับ แต่อาจจะต้องเตรียมใจนิดนึงนะครับ เพราะมันเป็นหนังที่ดูแล้วอาจจะทำให้เราคิดมากไปอีกนานเลยครับ เป็นหนังที่ดูจบแล้วยังคงวนเวียนอยู่ในหัวไปอีกนานจริงๆ ครับ
สรุปแล้ว Taxi Driver (1976) เป็นหนังที่ผมยกให้เป็น Masterpiece เลยครับ ถึงแม้จะเก่าแล้วก็ตาม แต่คุณค่าของมันยังคงอยู่ไม่เสื่อมคลาย เป็นหนังที่ใครเป็นคอหนังต้องหามาดูให้ได้ครับ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนครับ แค่เตรียมใจรับความดาร์กของมันไว้ด้วยนะครับ!
แท็กซี่ที่พาไปสู่นรก: รีวิว Taxi Driver (1976) หนังคลาสสิกที่ทำเอาจิตตกจริงๆ ครับ
TITLE: แท็กซี่ที่พาไปสู่นรก: รีวิว Taxi Driver (1976) หนังคลาสสิกที่ทำเอาจิตตกจริงๆ ครับ
สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว Pantip ทุกคน วันนี้ผมมีหนังเก่ามากๆ แต่โคตรจะคลาสสิกมาเล่าให้ฟังครับ เป็นเรื่อง Taxi Driver ที่ออกฉายในปี 1976 โน่นเลย ผมเพิ่งมีโอกาสได้ดูแบบเต็มๆ แล้วบอกเลยว่าอึ้ง ทึ่ง เสียวสันหลังไปตามๆ กันครับ ไม่ใช่หนังแอ็คชั่นมันส์ๆ แบบที่คิดนะ แต่มันเป็นหนังดราม่าจิตวิทยาที่ดำดิ่งลงไปในความมืดมิดของจิตใจมนุษย์จริงๆ ครับ
เรื่องราวของ Taxi Driver นี่จะเล่าถึง Travis Bickle รับบทโดย Robert De Niro ที่เป็นทหารผ่านศึกเวียดนามที่กลับมาใช้ชีวิตในนิวยอร์ก แต่ชีวิตแกนี่มันหดหู่สิ้นดีเลยครับ ออกไปรบกลับมาแล้วดันมีอาการนอนไม่หลับ กลางคืนก็ขับแท็กซี่ไปเรื่อยๆ เหมือนคนไร้จุดหมาย ท่ามกลางเมืองที่เต็มไปด้วยความเสื่อมโทรม คอรัปชั่น โสเภณี ยาเสพติด และอาชญากรรมต่างๆ นานา เห็นแล้วก็รู้สึกได้ถึงความเน่าเฟะของสังคมในยุคนั้นมากๆ ครับ
สิ่งที่ผมชอบมากๆ ในหนังเรื่องนี้คือการแสดงของ Robert De Niro ครับ แกเล่นได้แบบเข้าถึงบทบาทสุดๆ เราจะเห็น Travis Bickle ค่อยๆ คลุ้มคลั่งไปทีละนิด จากคนเก็บกด ซึมเศร้า ก็กลายเป็นคนที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น และอยากจะ "ชำระล้าง" เมืองนี้ให้สะอาด ผมนี่แบบขนลุกทุกครั้งที่เห็นแกมองกระจกแล้วพูดกับตัวเองว่า "You talkin' to me?" มันเป็นฉากไอคอนิกที่ใครๆ ก็รู้จัก แต่พอได้ดูจริงๆ แล้วมันสะท้อนความโดดเดี่ยวและความบ้าคลั่งของตัวละครได้ดีมากๆ ครับ
บรรยากาศของหนังนี่ไม่ต้องพูดถึงครับ มันดิบ เถื่อน และสมจริงมากๆ ผู้กำกับ Martin Scorsese แกถ่ายทอดภาพของนิวยอร์กตอนกลางคืนออกมาได้แบบเห็นแล้วรู้สึกได้ถึงความอันตราย ความวุ่นวาย และความสกปรกจริงๆ ครับ แสงสีนีออนที่สะท้อนบนถนนเปียกๆ เสียงไซเรนรถตำรวจที่ดังไม่ขาดสาย ทุกอย่างมันรวมกันแล้วทำให้เรารู้สึกอึดอัด กดดันไปกับตัวละคร Travis Bickle ตลอดทั้งเรื่องเลยครับ
หนังเรื่องนี้ไม่ได้มีพล็อตเรื่องซับซ้อนอะไรมากมายครับ มันเน้นไปที่การสำรวจจิตใจของ Travis Bickle เป็นหลัก เราจะได้เห็นว่าทำไมเขาถึงตัดสินใจที่จะทำในสิ่งที่เขาทำ มันไม่ใช่การแก้แค้นแบบพระเอกหนังทั่วๆ ไป แต่มันคือการระเบิดอารมณ์ของคนที่แบกรับความทุกข์ ความผิดหวัง และความรู้สึกไร้ค่ามานานจนเกินจะรับไหวแล้วครับ
ตัวละครอื่นๆ ในเรื่องก็น่าสนใจไม่แพ้กันครับ อย่าง Betsy ที่รับบทโดย Jodie Foster ที่ Travis หลงรัก แต่สุดท้ายก็ทำให้เขาผิดหวัง หรือ Sport ที่เป็นแมงดา (pimp) ที่รับบทโดย Harvey Keitel ที่เป็นตัวแทนของความเลวร้ายในสังคมที่ Travis เกลียดมากๆ ตัวละครเหล่านี้มีส่วนสำคัญที่ผลักดันให้ Travis ค่อยๆ เปลี่ยนไปครับ
สิ่งที่ทำให้ Taxi Driver ไม่ใช่แค่หนังดราม่าธรรมดา แต่เป็นหนังคลาสสิกที่คนยังพูดถึงจนถึงทุกวันนี้ ก็เพราะว่ามันตั้งคำถามเกี่ยวกับศีลธรรม การแก้แค้น และสภาพจิตใจของมนุษย์ครับ หนังไม่ได้ตัดสินว่า Travis Bickle เป็นคนดีหรือคนเลว แต่ให้คนดูคิดตามเองว่า อะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง อะไรคือสิ่งที่ผิด และสังคมแบบไหนที่ทำให้คนเรากลายเป็นแบบนี้
พอมาถึงฉากไคลแมกซ์นี่ ผมนี่นั่งไม่ติดเลยครับ มันทั้งโหดร้าย รุนแรง แต่ก็สะใจในแบบที่บอกไม่ถูก เหมือนได้ปลดปล่อยอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครเลยครับ แต่พอดูจบแล้วมันก็ไม่ได้รู้สึกดีใจอะไรนะครับ มันกลับรู้สึกหดหู่และตั้งคำถามกับตัวเองว่าจริงๆ แล้วเรากำลังอยู่ในสังคมแบบไหนกันแน่
สำหรับใครที่ชอบหนังที่เน้นการสำรวจจิตใจตัวละคร ชอบบรรยากาศดิบๆ สมจริง และชอบการแสดงที่ทรงพลัง ผมแนะนำ Taxi Driver เลยครับ แต่อาจจะต้องเตรียมใจนิดนึงนะครับ เพราะมันเป็นหนังที่ดูแล้วอาจจะทำให้เราคิดมากไปอีกนานเลยครับ เป็นหนังที่ดูจบแล้วยังคงวนเวียนอยู่ในหัวไปอีกนานจริงๆ ครับ
สรุปแล้ว Taxi Driver (1976) เป็นหนังที่ผมยกให้เป็น Masterpiece เลยครับ ถึงแม้จะเก่าแล้วก็ตาม แต่คุณค่าของมันยังคงอยู่ไม่เสื่อมคลาย เป็นหนังที่ใครเป็นคอหนังต้องหามาดูให้ได้ครับ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนครับ แค่เตรียมใจรับความดาร์กของมันไว้ด้วยนะครับ!