ชีวิตที่เกือบล้มเหลว

ผมมีชื่อเล่นว่าบิ๊ก ปัจจุบันเป็นพนักงานของบริษัทรักษาความปลอดภัย First Guardian
จุดเริ่มต้น ผมต้องขอท้าวความ ไปตอนช่วงผมอายุ 13 ย่างเข้า 14 เนื่องจากจบป. 6 มาตอนอายุ 12 แม่ไม่มีเงินส่งเสียให้เราเรียนต่อ
ผมจึงต้องหาหนทางทำมาหากิน เลี้ยงปากท้องตัวเองกับแม่ จำได้ว่าตอนออกมาเริ่มใช้ชีวิตด้วยตัวเองเป็นหัวหน้าครอบครัว
​​ ผมมีเงินติดตัวอยู่ 1,700 บาทหรือ 1,800 บาทโดยประมาณครับ ซึ่งค่าเช่าห้อง เดือนละ 1,500 บาท ในสมัยนั้นจะต้องมัดจำ ​​​​3 เดือน ​ บวกล่วงหน้า 1 เดือนพร้อมเข้าอยู่ ผมยกมือไหว้เจ้าของหอพักว่าผมมีเงินติดตัวอยู่เท่านี้ ผมขออยู่ก่อน 1 เดือนได้ไหม แล้วผมจะหาเงิน มาจ่ายส่วนต่างให้ แบบทยอยผ่อน
อธิบายเหตุผลต่างๆนาๆ ให้เขายอมให้เราเข้าอยู่ ซึ่งผมขอขอบคุณเจ้าของหอในวันนั้นมากๆครับที่ให้ผมได้เข้ามาอยู่ ได้เริ่มต้นชีวิต
หลังได้เข้าหอพักผมก็หางานทำอยู่ประมาณเกือบๆอาทิตย์นึง ผมเห็น น้ารปภที่เฝ้าหอ เลยถามเขาแบบตีสนิทว่าน้าครับ เป็นรปภมีค่าแรงวันละเท่าไหร่ ​​ เขาก็บอกว่าวันละ 320 บาท ทำ 12 ชั่วโมงได้เงินเบิกทุกวันวันละ 100 บาทจนกว่าเงินเดือนแรกจะออก ผมเลยถามเขาว่าผมพึ่งอายุ 13 14 ผมอยากจะทำ งานยามได้ไหม เขาก็บอกว่าไม่มั่นใจนะ แต่เนื่องจากผมเป็นคนสูงใหญ่ ​น้าเขาก็เลยบอกว่าจะพาเขาไปฝากให้ โดยบริษัทแรกที่ผมได้เข้าไปทำคือบริษัท mrb อินเตอร์การ์ดอยู่พุทธบูชา ผลปรากฏว่าโชคดีขอรับเราเข้าทำงาน เลยได้ลงทำงาน หน่วยงานแรกเป็นหมู่บ้านริมคลองสวนบางมด ​ ระหว่างนั้นเงินกินใช้ผม ผมใช้เงิน พันกว่าบาทนั้น มาเอาไว้กินใช้ โดยที่ผมไม่ยอมเบิกเงินกินวันละ 100 บาทเพื่อหวังจะรับเต็มๆวันที่เงินออก ​​ ซึ่งผมบอกเลยในยุคนั้น ไม่มีกฎหมายคุ้มครองแรงงานรปภเลย พม่าก็สามารถมาเป็นรปภ.ได้ทั้งที่พูดไทยไม่ชัด​ ผมได้ลงงานรปภ. เฝ้าเวรยามหมู่บ้านกะกลางคืน พอทำได้ครบ 1 เดือนผมก็รอว่าทำไมเงินเดือนยังไม่เข้า เลยโทรไปถามทางบริษัทเขาแจ้งว่าต้องทำให้ครบ 45 วันก่อน เงินเดือน 1 เดือนแรกถึงจะออกแล้วเขาจะกั๊กเงินเราไว้ 15 วัน เนื่องจากเราไม่มีทางเลือกเลยต้องจำยอมทำ ผมลืมบอกไปผมต้องปั่นจักรยานจากอนามัยงามเจริญ 33 จากที่พักไปทำงานอยู่แถวพุทธบูชา ทุกวัน ผมก็ทำจนครบ 45 วันแรกเงินเดือนเดือนแรกออกมา จากที่ต้องได้รับจริงๆประมาณ 9,600 บาท โดนหักค่าอุปกรณ์เครื่องแบบ 1,500 บาท เหลือรับ เงินสด 1,800 บาท และจะต้องโดนหัก 1,500 บาทนี้อีก 1 เดือน รวม 2 เดือนผมจะโดนหักประมาณ 3,000 บาทผมก็ได้ทำไปเรื่อยๆ ถูกย้ายไปหลากหลายหน่วยงานรับจ้างควงเวร เพื่อหารายได้เสริมอดนอน 36 ชั่วโมง เพื่อ จะได้เงินพิเศษเพิ่มขึ้นอีก 1 กะ ผมทำรปภจนผมอายุได้ 18 ปี ผมก็ได้มาทำรปภของบริษัท spr ซึ่งเป็นเถ้าแก่ของโรงงานจ้างเราส่วนตัว เนื่องจากตอนนั้นบริษัทของผมได้เอาผมมาลงที่หน่วยงานนี้แล้วเถ้าแก่เขาต้องการเอาผมเป็นคนประจำของเขาก็จริงให้ผมลาออก แล้วมาสมัครอยู่กับของเขารับเป็นเงินเดือนทำงานวันละ 12 ชั่วโมงเท่าเดิมครับแต่ได้เงินเดือนมากขึ้นอยู่ที่เดือนละ 11,500 บาท มีโบนัสให้ผมปีละ 5,000 บาท ซึ่งสำหรับผมถือว่าเยอะมากๆครับ ซึ่งตอนนั้นผมยังเป็นคนที่แบบประหยัดเงินเพราะเนื่องจากผ่านความลำบากมาเยอะ ทุกคนเชื่อไหมครับ ด้วยเงินเดือนเดือนละ 11,500 บาท ผมสามารถเก็บเงินซื้อมอเตอร์ไซค์คันแรกได้ในงบ 20,000 บาทเป็นมอเตอร์ไซค์มือสอง และเริ่มเก็บเงิน ทุกเดือน ในระยะเวลา 2 ปีเพื่อมีเงิน มาดาวน์ห้องชุดเอื้ออาทร ผมซื้อห้องชุด เอื้ออาทรนี้ตอนผมอายุ 22 หลังพ้นเกณฑ์ทหาร แต่ก็นะพอเงินเริ่มมากขึ้น เริ่มหลงระเริงกับชีวิต หลังได้บ้านมาก็ใช้ชีวิตสุดๆไปเลย ทั้งดื่มเหล้าสูบบุหรี่ติดเพื่อน ชีวิตผมเอาใจไม่ได้เท่าครึ่งหนึ่งของชีวิตใครหลายๆคนที่เคยแย่กว่าผมหรือหลงผิดแต่สำหรับผมถือว่าหนักมากๆในช่วงเวลานั้น แต่ไม่รู้สึกตัวเอง จากที่คนเป็นคนประหยัดอดออมมัธยัสถ์ก็ใช้อย่างเดียว กูนี่ยืมสินจากสินเชื่อธนาคารต่างๆ เพราะเชื่อว่าเราผ่อนไหว เราจ่ายได้จ่ายขั้นต่ำเอาจะเป็นอะไรไป ชิวๆอยู่แล้ว ผมป่วย เป็นเส้นเลือดสมองตีบทำให้ซีกซ้ายนั้นชา พูดไม่ชัด ปากเบี้ยว ต้องนอนโรงพยาบาลกายภาพบำบัดเกือบ 1 เดือน หลังจากหายดีกลับมาทำงานได้ ไม่นานแม่ผมก็หรอก ป่วยเข้าโรงพยาบาล แล้ว 14 กันยายน ในปีนั้นท่านก็เสีย เนื่องจากผมไม่มีเงินเก็บ ไม่เผื่อค่าการปัญหาที่จะตามมาในอนาคตบวกหนี้สินที่รุมเร้ากลายเป็นว่าหนักขึ้นกว่าเดิมต้องกู้หนี้ยืมสินเขามาจัดงานศพให้แม่ นี่แหละครับจุดเริ่มต้นของความยิ้มของตัวผมเองไม่ได้โทษเพราะใคร แต่เป็นตัวเราเองล้วนๆที่เริ่มทำผมเริ่มหยุดจ่ายผ่อนบ้าน
​​ละหว่างงานศพของแม่ผม ผมได้กู้หนี้ยืมสินนอกระบบมา 30,000 บาทดอกร้อยละ 20 ต่อเดือน เพื่อเอามาจัดงานศพให้ท่าน​ นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นที่ผมหยุดผ่อนจ่ายบ้านมานานถึง 9 เดือน จนทำให้ถูกส่งฟ้องศาล หยุดผ่อนจ่ายหนี้สินเชื่อที่ตัวเองเคยสร้างไว้ทั้งหมด คือสิ่งที่เราได้ก่อเอาไว้เริ่มตามมาหลอกหลอนเรา จนผมเริ่มตระหนักได้ว่าเรากำลังเดินพลาดจนเกือบจะ ไหลลงคลองอยู่แล้ว ผมจึงรีบติดต่อเจ้าหนี้ทุกทาง และไปตามนัดหมายศาลเพื่อขอความเมตตาจากทาง โจทย์ ขอผ่อนผัน ยอมจ่ายดอกเบี้ยมากขึ้น เพื่อให้เราไม่ล้ม ซึ่งความโชคดีคือเจ้าหนี้ ที่เป็นโจทย์เราส่งเราฟ้องศาล เขาก็ต้องการเงินต้นของคืนพร้อมดอกเบี้ย การที่ยึดทรัพย์เราขายทอดตลาดยังไงก็ปิดหนี้ทั้งหมดของเราไม่ได้อยู่แล้ว เขาเลยให้โอกาสผมค่อยๆผ่อนผันชำระจนตอนนี้ ยอดสถานะหนี้ผมถึงแม้แต่ยังไม่หมดแต่ก็กลับสู่สภาวะปกติผ่อนจ่ายเขาทุกๆเดือน จากคนที่คิดว่าตัวเองหาเงินได้ง่าย หยิ่งผยองลำพองใจ ว่าเราเก่งแต่ความจริงผมก็เป็นแค่เศษขี้เล็บ ของใครหลายๆคน
สิ่งหนึ่งที่ผมมาเขียนในกระทู้พันทิปในวันนี้ ผมอยากเตือนสติของผู้ที่ได้เข้ามาอ่าน ว่าทำอะไรให้คิดเพื่ออนาคตวันข้างหน้าเพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเราในอนาคต การมีเงินทุนสำรองในชีวิตเงินเก็บสำคัญมากๆครับ ถ้าพวกคุณไม่อยากยืนจุดๆเดียวกับผม ที่ผมเจอมาเกือบจะเสียบ้าน เกือบจะเสียทุกๆอย่าง อย่าพลาดเหมือนผม
​​ ขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ของผมนะครับสวัสดีครับ และขอสวัสดีปีใหม่ 2569 ที่จะถึงนี้ครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่