เงินที่ตามติดชีวิตยิ่งกว่าเจ้าหนี้: เมื่อความสะดวกแลกมาด้วย “รอยเท้าดิจิทัล”

เงินที่ตามติดชีวิตยิ่งกว่าเจ้าหนี้: เมื่อความสะดวกแลกมาด้วย “รอยเท้าดิจิทัล”

  ในยุคที่เราแทบจะจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่ถือแบงก์ร้อยไปซื้อของคือเมื่อไหร่ เสียง "ติ๊ง!" จากแอปพลิเคชันธนาคารกลายเป็นทำนองหลักของสังคมไทย การสแกนจ่ายผ่าน QR Code กลายเป็นความปรกติใหม่ที่รวดเร็ว ไม่ต้องควานหาเหรียญทอน ไม่ต้องกลัวเชื้อโรคจากธนบัตรเก่าๆ จนภาพการยื่นเงินสดกลายเป็นเรื่อง "ล้าหลัง" ในสายตาของใครหลายคน
แต่คุณเคยหยุดคิดไหมว่า... ในทุกๆ ยอดชำระ 20 บาทค่ากาแฟ หรือ 50 บาทค่าข้าวแกง คุณกำลังทิ้ง "ลายแทง" ชีวิตไว้เบื้องหลังเสมอ เครื่องติดตามตัวที่มองไม่เห็น

  ขณะที่เงินสดคือ “อิสรภาพแห่งความไม่ระบุตัวตน” (Anonymity) เพราะมีเพียงคุณกับคนขายเท่านั้นที่รู้ว่าการแลกเปลี่ยนเกิดขึ้น แต่การสแกนจ่ายคือการสร้าง “สมุดบันทึกชีวิต” ที่ละเอียดแม่นยำ ทุกครั้งที่คุณกดโอน ข้อมูลจะระบุว่า:
คุณคือใคร: บัญชีต้นทาง

คุณจ่ายให้ใคร: บัญชีปลายทาง (บอกได้ถึงรสนิยม ความเชื่อ หรือพรรคการเมืองที่คุณสนับสนุน)

คุณจ่ายเท่าไหร่: บอกระดับรายได้และพฤติกรรมการใช้เงิน

คุณจ่ายเมื่อไหร่: บอกกิจวัตรประจำวันว่าคุณตื่นกี่โมง นอนตอนไหน

และที่น่ากังวลยิ่งกว่า คือมาตรการที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่าง การระบุตำแหน่ง (Geolocation) ในขณะทำธุรกรรม ซึ่งหมายความว่าทุกครั้งที่คุณจ่ายเงิน ระบบจะรู้ทันทีว่าคุณยืนอยู่พิกัดไหนบนโลกใบนี้ มันจึงไม่ใช่แค่การจ่ายเงิน แต่มันคือ "เครื่องติดตามตัว" ที่เราเต็มใจพกติดตัวไปทุกที่

ดาบสองคมในมือระบบ
แน่นอนว่าในมุมของธนาคารหรือภาครัฐ ข้อมูลเหล่านี้มีไว้เพื่อ "ความปลอดภัย" เพื่อตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปรกติ หรือป้องกันมิจฉาชีพ แต่นั่นคือการมองในโลกแง่ดี

   ลองจินตนาการดูว่า... หากข้อมูลเหล่านี้รั่วไหลไปอยู่ในมือผู้ไม่หวังดี หรือกลุ่มคนที่ต้องการสืบหาตัวตนของคุณ รอยเท้าดิจิทัลเหล่านี้จะกลายเป็นอาวุธที่ร้ายแรง ข้อมูลการซื้อยาบอกโรคประจำตัว ข้อมูลการเดินทางบอกที่พักอาศัย และข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งบอก "ช่องว่าง" ในชีวิตที่คุณเปราะบางที่สุด
"เงินสดอาจจะดูโบราณ แต่มันคือเทคโนโลยีเดียวที่ให้ความลับกับเราได้อย่างสมบูรณ์"

   ความเป็นส่วนตัว: ความหรูหราที่กำลังหายไป
การกลับไปใช้เงินสดในบางโอกาสจึงไม่ใช่เรื่องของความล้าหลัง แต่คือการประกาศ "อำนาจเหนือข้อมูลส่วนตัว" ของตนเอง การจ่ายด้วยธนบัตรช่วยตัดวงจรการถูกจับจ้องจากอัลกอริทึม ทำให้ธุรกรรมนั้นๆ จบลงแค่ตรงหน้าเคาน์เตอร์ ไม่ถูกส่งต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ไหนสักแห่งเพื่อวิเคราะห์ตัวตนของเรา

   เราไม่ได้บอกว่าให้เลิกใช้แอปฯ ธนาคาร เพราะความสะดวกคือวิวัฒนาการที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่เราต้องตระหนักเสมอว่า "ความสะดวกสบายไม่มีคำว่าฟรี" เพราะถ้าคุณไม่ได้จ่ายด้วยค่าธรรมเนียม คุณอาจกำลังจ่ายด้วย "ความเป็นส่วนตัว" ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดในยุคดิจิทัล

   ก่อนจะสแกนครั้งต่อไป ลองถามตัวเองดูสักนิดว่า... ธุรกรรมนี้ คุณอยากให้มีแค่ "เราสองคน" ที่รู้ หรืออยากให้ "ทั้งระบบ" ร่วมรับรู้ไปกับคุณด้วย?
#soundmoneyzap #siamstr #bitcoin

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่