ช่วงนี้เห็นหลายคนพูดถึงหุ้นเทค หุ้น AI กันเยอะ เลยอยากแชร์มุมมองเกี่ยวกับ VGT ETF สำหรับคนที่อยากลงทุนในกลุ่มเทค แต่ไม่อยากเลือกหุ้นรายตัวเอง
VGT (Vanguard Information Technology ETF)
เป็นกองทุน ETF สายเทคของอเมริกา เปิดมาตั้งแต่ปี 2004 จุดเด่นคือ
- ลงทุนเฉพาะบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ
- ค่าธรรมเนียมถูกมาก
- ถือยาวได้ ไม่ต้องนั่งเฝ้าหุ้นตัวเดียว
VGT ลงทุนในอะไรบ้าง?
พูดง่าย ๆ คือ เอาเงินไปกระจายลงทุนในบริษัทเทคตัวใหญ่ ๆ ของอเมริกา ทั้งสาย
- ซอฟต์แวร์
- คลาวด์
- ชิป / เซมิคอนดักเตอร์
- ระบบจ่ายเงินดิจิทัล
หุ้นตัวหลัก ๆ ที่อยู่ในพอร์ต เช่น
- Apple
- Microsoft
- NVIDIA
- Visa / Mastercard
- Adobe
- Cisco
หุ้นตัวท็อปประมาณ 10 ตัว รวมกันคิดเป็นราวครึ่งหนึ่งของพอร์ตที่เหลือก็เป็นบริษัทเทคขนาดกลาง–เล็ก กระจายความเสี่ยงพอสมควร
ผลตอบแทนเป็นยังไง?
ถ้ามองยาว ๆ ต้องบอกว่าแรงใช้ได้เลย
- เฉลี่ย 5 ปีหลัง ≈ ~18% ต่อปี
- เฉลี่ย 10 ปี ≈ ~15% ต่อปี
- ตั้งแต่เปิดกองมา ผลตอบแทนรวมเกิน 1,000%+
ใครถือผ่านช่วง AI บูม จะเห็นชัดว่ากลุ่มเทคเป็นตัวขับเคลื่อนตลาดจริง ๆ
แต่ความเสี่ยงก็มีนะ เพราะเป็นกองเทคความผันผวนสูงกว่าตลาดรวม
- บางช่วงเคยปรับฐานแรง 30–40%
- ถ้ารับความผันผวนไม่ได้ อาจถือแล้วไม่สบายใจ
สรุปคือ
- เหมาะกับคนที่ลงทุนระยะยาว
- ต้องรับการแกว่งของราคาได้
แล้ว VGT เหมาะกับใคร?
จากมุมมองส่วนตัว คิดว่าเหมาะกับ
- คนที่เชื่อในอนาคตเทค / AI / Cloud
- คนที่ไม่อยากเลือกหุ้นเทครายตัวเอง
- คนที่อยากมีกอง “ตัวหลักสายเติบโต” ในพอร์ต
หลายคนใช้วิธี
- DCA เดือนละเท่า ๆ กัน
หรือจัดพอร์ตแบบ
- VGT ~30%
- S&P 500 ~50%
- พันธบัตร / สินทรัพย์ปลอดภัย ~20%
แล้วค่อยปรับสมดุลปีละครั้ง
สรุปสั้น ๆ
VGT คือกองทุนที่
- ค่าธรรมเนียมต่ำมาก
- เหมาะถือยาวตามเทรนด์โลก
- แต่ผันผวนแรงในบางช่วง
ใครกำลังมองหากองสายเติบโตไว้ถือยาวในปี 2025 VGT เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยค่ะ
ปล. ข้อมูลนี้จัดทำเพื่อการอ้างอิงเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุนนะคะ
VGT ETF คืออะไร? เหมาะลงทุนยาวจริงไหม
VGT (Vanguard Information Technology ETF)
เป็นกองทุน ETF สายเทคของอเมริกา เปิดมาตั้งแต่ปี 2004 จุดเด่นคือ
- ลงทุนเฉพาะบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ
- ค่าธรรมเนียมถูกมาก
- ถือยาวได้ ไม่ต้องนั่งเฝ้าหุ้นตัวเดียว
VGT ลงทุนในอะไรบ้าง?
พูดง่าย ๆ คือ เอาเงินไปกระจายลงทุนในบริษัทเทคตัวใหญ่ ๆ ของอเมริกา ทั้งสาย
- ซอฟต์แวร์
- คลาวด์
- ชิป / เซมิคอนดักเตอร์
- ระบบจ่ายเงินดิจิทัล
หุ้นตัวหลัก ๆ ที่อยู่ในพอร์ต เช่น
- Apple
- Microsoft
- NVIDIA
- Visa / Mastercard
- Adobe
- Cisco
หุ้นตัวท็อปประมาณ 10 ตัว รวมกันคิดเป็นราวครึ่งหนึ่งของพอร์ตที่เหลือก็เป็นบริษัทเทคขนาดกลาง–เล็ก กระจายความเสี่ยงพอสมควร
ผลตอบแทนเป็นยังไง?
ถ้ามองยาว ๆ ต้องบอกว่าแรงใช้ได้เลย
- เฉลี่ย 5 ปีหลัง ≈ ~18% ต่อปี
- เฉลี่ย 10 ปี ≈ ~15% ต่อปี
- ตั้งแต่เปิดกองมา ผลตอบแทนรวมเกิน 1,000%+
ใครถือผ่านช่วง AI บูม จะเห็นชัดว่ากลุ่มเทคเป็นตัวขับเคลื่อนตลาดจริง ๆ
แต่ความเสี่ยงก็มีนะ เพราะเป็นกองเทคความผันผวนสูงกว่าตลาดรวม
- บางช่วงเคยปรับฐานแรง 30–40%
- ถ้ารับความผันผวนไม่ได้ อาจถือแล้วไม่สบายใจ
สรุปคือ
- เหมาะกับคนที่ลงทุนระยะยาว
- ต้องรับการแกว่งของราคาได้
แล้ว VGT เหมาะกับใคร?
จากมุมมองส่วนตัว คิดว่าเหมาะกับ
- คนที่เชื่อในอนาคตเทค / AI / Cloud
- คนที่ไม่อยากเลือกหุ้นเทครายตัวเอง
- คนที่อยากมีกอง “ตัวหลักสายเติบโต” ในพอร์ต
หลายคนใช้วิธี
- DCA เดือนละเท่า ๆ กัน
หรือจัดพอร์ตแบบ
- VGT ~30%
- S&P 500 ~50%
- พันธบัตร / สินทรัพย์ปลอดภัย ~20%
แล้วค่อยปรับสมดุลปีละครั้ง
สรุปสั้น ๆ
VGT คือกองทุนที่
- ค่าธรรมเนียมต่ำมาก
- เหมาะถือยาวตามเทรนด์โลก
- แต่ผันผวนแรงในบางช่วง
ใครกำลังมองหากองสายเติบโตไว้ถือยาวในปี 2025 VGT เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยค่ะ
ปล. ข้อมูลนี้จัดทำเพื่อการอ้างอิงเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุนนะคะ