NETA แพแตก โกยเงินกลับจีน – บทเรียนราคาแพง EV3.0 ของไทย

ปรากฏการณ์ยานยนต์ปี 2568 : NETA แพแตก โกยเงินกลับจีน บทเรียนราคาแพงของนโยบาย EV3.0 ที่รัฐไทยต้องทบทวน

  เป็นที่ทราบกันดีว่า นโยบาย EV3.0 คือหนึ่งในหมุดหมายสำคัญของประเทศไทยเพื่อผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ลดการพึ่งพาน้ำมัน และดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ
   แต่ในปี 2568 ได้เกิดกรณีศึกษาที่สั่นสะเทือนทั้งวงการ เมื่อแบรนด์รถอีวีจากจีนอย่าง NETA (เนต้า) จากที่เคยถูกมองว่าเป็น “ความหวังใหม่” กลับกลายเป็น บทเรียนราคาแพง ของทั้งรัฐ ดีลเลอร์ และผู้บริโภคไทย

🚨 วิกฤต NETA เมื่อผู้บริหารจีนเผ่น ทิ้งหนี้ไว้เบื้องหลัง
   รายงานล่าสุดระบุว่า ผู้บริหารระดับสูงชาวจีนของ NETA Auto Thailand ได้เดินทางกลับประเทศจีนและขาดการติดต่อ ทิ้งภาระหนี้สินก้อนโตไว้กับ
     - ดีลเลอร์
     - ซัพพลายเออร์
     - และผู้บริโภคชาวไทย

  สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมกับข่าวร้ายจากบริษัทแม่ Hozon Auto ในจีน ที่กำลังเข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ หลังประสบปัญหาขาดสภาพคล่องอย่างหนัก แม้ก่อนหน้านี้จะมีการยืนยันว่า “ธุรกิจยังไปต่อได้” แต่ตัวเลขกลับสวนทางอย่างสิ้นเชิง
     - ยอดขายในไทยปี 2567 ลดลงกว่า 65%
     - กลางปี 2568 โรงงานในไทยหยุดสายการผลิต
     - ผู้บริหารระดับสูงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

🏭 โรงงานหยุดผลิต ดีลเลอร์ 18 ราย Cut Loss หนีตาย
   + ผลกระทบที่เห็นชัดเจนที่สุดคือ โรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้า NETA ในไทยหยุดการผลิต ทำให้บริษัทไม่สามารถผลิตรถชดเชย ตามเงื่อนไขของมาตรการ EV3.0 ได้
  + กลุ่มดีลเลอร์กว่า 18 รายซึ่งถูกค้างชำระเงินสนับสนุนรวมกว่า 200 ล้านบาท ได้รวมตัวกันร้องเรียนต่อกรมสรรพสามิต
  + ขณะเดียวกัน ดีลเลอร์บางรายถึงขั้น
     - ลดราคา NETA V-II เหลือไม่ถึง 400,000 บาท
     - เพื่อระบายสต็อก
     - และตัดขาดความสัมพันธ์กับแบรนด์แบบถาวร

ผู้ใช้รถเดือดร้อนหนัก : ป้ายขาวไม่ได้ – อะไหล่ขาด – ศูนย์ทยอยปิด
  + ผลกระทบไม่ได้จบแค่ฝั่งธุรกิจ แต่ลามไปถึง ผู้บริโภคโดยตรง มีผู้ใช้รถกว่า 220 ราย ยื่นร้องเรียนต่อสภาผู้บริโภค เนื่องจาก
     - รถไม่ได้รับ ป้ายขาว ไม่สามารถใช้งานได้ถูกกฎหมาย
     - อะไหล่ขาดแคลน
     - ศูนย์บริการทยอยปิดตัว

กรมสรรพสามิตเตรียมเช็กบิล EV3.0
  ในด้านกฎหมาย กรมสรรพสามิตยืนยันว่า หาก NETA ไม่สามารถผลิตรถชดเชยได้ตามสัญญาภายในสิ้นปี 2568 จะต้องเผชิญมาตรการขั้นเด็ดขาด ได้แก่
🔴 เรียกคืนสิทธิประโยชน์ภาษีสรรพสามิต
          -จากอัตรา 2% กลับไปเป็น 8%
🔴 เรียกคืนเงินอุดหนุน EV
          -คันละ 150,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
🔴 ค่าปรับทวีคูณ 1–2 เท่า ตามกฎหมาย

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่