คนไทยเก่งมาก ที่รอดมาถึงทุกวันนี้ได้ (2015–2025)

ถ้ามองย้อนกลับไปประมาณ 10 ปีหลังสุด
ผมว่าประเทศไทยยัง “อยู่ได้” ไม่ใช่เพราะรัฐบาลเก่ง แต่เพราะ คนไทยกับภาคเอกชนช่วยกันแบกประเทศไว้
     หลายเรื่อง รัฐแทบไม่มีบทบาท หรือทำได้แย่มาก แต่ประเทศก็ยังเดินต่อไปได้ เพราะประชาชนไม่ยอมล้ม. ขอยกตัวอย่างแบบตามที่เห็นจริงในชีวิตประจำวัน

1. กีฬา ซีเกมส์คือภาพสะท้อนรัฐที่อ่อนแอ แต่คนยังสู้

ซีเกมส์ล่าสุดที่ไทยเป็นเจ้าภาพ (ครั้งที่ 33)
พูดตรง ๆ คือ การจัดการเละมาก ตั้งแต่สนามไม่ได้มาตรฐาน

ระบบตั๋วพัง
โลจิสติกส์มั่ว
อาหารนักกีฬาไม่พร้อม
ธงชาติขึ้นผิดประเทศ
ไปจนถึงดราม่าโลโก้งบแพงเกินจริง

ต่างชาติบ่นกันระงม บางคนถึงกับบอกว่า “แย่กว่าซีเกมส์ที่กัมพูชาจัด”
แต่ในความเละนั้น สิ่งที่น่าคิดคือ
นักกีฬาไทยยังทำผลงานได้ดีมาก
วันแรกของการแข่งขัน ไทยกวาดไป 19 เหรียญทอง
ขึ้นนำตารางทันทีแบบขาดลอย

คำถามคือ ถ้ารัฐสนับสนุนจริงจัง เหมือนญี่ปุ่น เกาหลี หรือแม้แต่เวียดนาม นักกีฬาไทยจะไปได้ไกลกว่านี้แค่ไหน?

สิ่งที่เห็นชัดคือ นักกีฬาไทย เก่งด้วยตัวเอง
หลายชนิดกีฬาโตจากสปอนเซอร์เอกชน จากโค้ช จากความพยายามล้วน ๆ ไม่ใช่จากระบบรัฐที่แข็งแรง

2. เศรษฐกิจ, เอกชนพยุงประเทศ ในขณะที่รัฐช้าและงง

หลังโควิด ทุกประเทศโดนหมด แต่ไทยฟื้นช้ากว่าเพื่อนบ้านชัดเจน ธนาคารแห่งประเทศไทยเองยังยอมรับว่า เศรษฐกิจไทย “ไม่วิกฤติ” แต่ โตต่ำ และตามหลังประเทศอื่น สิ่งที่ประคองประเทศไว้ไม่ให้ล้ม คือการใช้จ่ายของประชาชน และการปรับตัวของเอกชน

ร้านค้า SME ผู้ประกอบการท่องเที่ยว ธุรกิจส่งออก
สตาร์ทอัพ

ทั้งหมดดิ้นรนกันเอง ขณะที่การลงทุนภาครัฐกลับหดตัว ,นโยบายออกช้า ,กฎระเบียบยังเป็นอุปสรรค

ถ้าเทียบกับเวียดนามหรืออินโดนีเซีย ,รัฐเขามีทิศทางชัด, ดึงนักลงทุน ,เปิดเกมรุก

แต่ไทยคือเอกชน “ลาก” รัฐไปข้างหลัง

3. ของแพงทั้งแผ่นดิน, ตลาดไม่มีระบบ รัฐคุมไม่อยู่

ช่วงปี 2021–2022
ใคร ๆ ก็พูดคำเดียวกันว่า แพงหมด

หมูแพง
ไข่แพง
น้ำมันแพง
ค่าไฟแพง
อาหารตามสั่งขึ้นราคาแบบไม่มีเหตุผลชัดเจน

เงินเฟ้อพุ่งสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี แต่สิ่งที่รัฐทำคือ
“ขอความร่วมมือ”, “ขออย่าขึ้นราคา”

ไม่มี price ceiling ที่จริงจัง ไม่มีระบบดูแลระยะยาว
ปล่อยให้ตลาดมั่ว ใครอยากตั้งราคาเท่าไหร่ก็ตั้ง

กรณีหมูแพงปี 2565 คือภาพชัด
ราคาหน้าฟาร์มทะลุ 200 บาทต่อกิโล
รัฐเพิ่งมาขยับตอนประชาชนเดือดร้อนหนักแล้ว
แถมใช้งบกลางแก้เฉพาะหน้า ไม่ได้แก้โครงสร้าง

หรือช่วงโควิด หน้ากากอนามัยแพง ขาดตลาด
มีข่าวกักตุน รัฐควบคุมไม่ทัน

สุดท้ายประชาชนต้องดิ้นรนเอง หาซื้อเอง, แบ่งกันเอง, พึ่งเอกชน

4. การศึกษา ระบบล้มเหลว แต่เด็กไทยยังไปได้

คะแนน PISA ปี 2022 คือ ต่ำสุดในรอบกว่า 20 ปี

ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก ต่ำกว่าเพื่อนบ้านหลายประเทศ
ทั้งที่ใช้งบการศึกษาสูง

ระบบการศึกษารัฐล้มเหลวชัด หลักสูตรไม่ทันโลก
ครูแบกงานเอกสาร เด็กเรียนเพื่อสอบ ไม่ได้เรียนเพื่อใช้ชีวิต

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ พ่อแม่ไทย แบกเอง

ส่งลูกเรียนกวดวิชา , เรียนอินเตอร์ ,เรียนออนไลน์
หาทุน , หาค่าย , หาการแข่งขัน

และเรายังเห็นเด็กไทยคว้าเหรียญวิชาการระดับโลก , สอบติดมหาวิทยาลัยชั้นนำต่างประเทศ
ทั้งที่ระบบไม่เอื้อ

นี่คือความเก่งของคน ไม่ใช่ระบบ

5. สุขภาพและวิกฤต, เมื่อรัฐไม่ทัน คนช่วยกันเอง

ช่วงโควิด, เตียงไม่พอ ,โรงพยาบาลล้น , ระบบรัฐช้า

สิ่งที่ช่วยชีวิตคนจริง ๆ คือ อาสาสมัคร เครือข่ายประชาชน โครงการตู้ปันสุข การแจกอาหาร
การช่วยหาถังออกซิเจน

ทั้งหมดนี้ไม่ได้สั่งจากรัฐ
แต่เกิดจากคนธรรมดาที่ไม่อยากเห็นกันตาย

แม้แต่แอป หมอชนะ ก็เริ่มจากอาสาสมัคร สุดท้ายทีมถอนตัว เพราะระบบราชการเข้ามาแทรกจนทำงานไม่ได้

สรุปสั้น ๆ

ถ้าให้พูดตรง ๆ

10 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยยังไม่ล้ม
ไม่ใช่เพราะรัฐแข็งแรง แต่เพราะคนไทยไม่ยอมล้ม

นักกีฬา ผู้ประกอบการ พ่อแม่
เด็ก อาสาสมัคร เอกชน

ทุกคนช่วยกันแบก ช่วยกันพยุง ช่วยกันแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

คำถามที่น่ากลัวไม่ใช่
ถ้าไม่มีรัฐ ประเทศจะเป็นยังไง

แต่คือ

ถ้ารัฐยังเป็นแบบนี้ไปอีก 10 ปี
คนไทยจะต้องแบกหนักแค่ไหน?

ผมเขียนอันนี้ขึ้นมาเพื่อ spread awareness และตั้งคำถามกับสังคมไทย เพื่อเตือนสติทั้งคนไทยและรัฐบาลไทย ไม่ว่าจะเป็นหน้าใหม่หรือหน้าเก่า โดย ไม่ได้มีเจตนาจะ discredit ใคร หรือซ้ำเติมใคร เพียงแค่อยากสะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในสังคม และหวังว่าอย่างน้อย การตั้งคำถามเหล่านี้จะช่วยให้ทุกฝ่ายหันกลับมาคิด และช่วยกันทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้นกว่านี้.

(Paragraph นี้ขออนุญาตใส่ ความ Bised ของตัวเองลงไป)    สุดท้ายนี้ ผมไม่ได้บอกว่าใครต้องเลือกใคร หรือพรรคไหนสมบูรณ์แบบ แค่อยากชวนให้ ให้โอกาสพรรคประชาชน 🟠ดูบ้าง การเลือกตั้งรอบนี้ กาเบอร์ 46 อาจเป็นอะไรใหม่ ๆ ที่สังคมไทยยังไม่เคยลอง ถ้าเรายังวนเลือกแต่แบบเดิม ๆ คนหน้าเดิม ๆ วิธีคิดแบบเดิม ๆ แล้วคาดหวังว่าผลลัพธ์จะเปลี่ยน ผมก็ไม่แน่ใจว่า ประเทศมันจะเปลี่ยนได้จริงไหม อย่างน้อยการลองเปิดใจ อาจเป็นจุดเริ่มต้นของอะไรที่ดีกว่าเดิมก็ได้.

แหล่งอ้างอิง:
    •    ไทยรัฐออนไลน์. “เพื่อไทยถล่มรัฐบาล ‘อนุทิน’ บริหารซีเกมส์ 2025 ล้มเหลว ทำไทยเป็นตัวตลกภูมิภาค” (4 ธ.ค. 2568)
    •    Nation Thailand. “SEA Games 33 woes drag on as member nations complain of mounting problems” (11 ธ.ค. 2025)
    •    Nation Thailand. “Thailand storms to top of SEA Games medal table with 19 golds on opening day” (11 ธ.ค. 2025)
    •    Policy Watch (Thai PBS). “เศรษฐกิจไทย ‘ไม่วิกฤติ’ ฟื้นตัวหลังโควิด-19 แต่โตต่ำ ตามหลังเพื่อน” (31 ม.ค. 2567)
    •    BOT Monthly Briefing. (ธ.ค. 2567)
    •    กรุงเทพธุรกิจ. “ครม.เคาะใช้งบกลาง ปี 65 แก้หมูแพง 574.11 ล้านบาท” (11 ม.ค. 2565)
    •    ศูนย์วิจัยกสิกรไทย. รายงานราคาหมูปี 2565
    •    สำนักข่าวอิศรา. กรณีกักตุนหน้ากากอนามัย (2563)
    •    Bangkok Post – Guru. Acts of Kindness during Covid-19
    •    PostToday. ทีมพัฒนาแอพฯ หมอชนะถอนตัว
    •    Thai PBS World. PISA 2022 – Thailand lowest score
    •    รายงานความสำเร็จเยาวชนไทยด้านวิชาการ (2025)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่