Tokematch จากแอปเช่านาฬิกาสู่มหากาพย์แชร์ลูกโซ่หมื่นล้าน
1. โทเคแมทช์ (Tokematch) คือบริการแชร์ริ่งนาฬิกาหรูที่ดำเนินการโดยบริษัท Neo Reverse ในเมืองโอซาก้า โดยเริ่มให้บริการเมื่อเดือนมกราคม 2021 บริการนี้ทำการประชาสัมพันธ์ว่าเจ้าของนาฬิกาจะสามารถนำนาฬิกาหรูที่ไม่ได้ใช้งานมาฝากไว้ เพื่อให้บริษัทนำไปให้ผู้ที่สนใจเช่าต่อ โดยเจ้าของจะได้รับค่าฝากรายเดือนตอบแทน คำมั่นสัญญาที่หอมหวานนี้คือการให้ผลตอบแทนที่มั่นคงจากการฝากนาฬิกาหรู
2. เหตุการณ์โทเคแมทช์ไม่ได้เป็นเพียงการล้มละลายทางธุรกิจทั่วไป แต่ถูกเปิดเผยว่าเป็นแผนการฉ้อโกง ที่ถูกวางโครงสร้างขึ้นมาโดยมีเจตนาในการแปลงนาฬิกาเป็นเงินสดและการหลบหนีตั้งแต่แรก โดยความเสียหายรวมของเหตุการณ์นี้สูงถึงประมาณ 2.8 พันล้านเยน
3. ผู้ดำเนินการหลักที่เกี่ยวข้องคือ นายฟุกุฮาระ ทาคาซูมิ (Fukuhara Takazumi) อดีตตัวแทนบริษัท วัย 44 ปี และนาย นางาตะ ไดสุเกะ อดีตพนักงาน วัย 40 ปี ทั้งคู่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการยักยอกทรัพย์และฉ้อโกง โดยเฉพาะนายฟุกุฮาระ
4. แม้จะใช้คำว่าแชร์ริ่ง แต่ในทางปฏิบัติแล้ว บริการโทเคแมทช์ถูกมองว่าเป็นธุรกิจสินเชื่อ ที่ผู้ฝากสินทรัพย์ต้องมอบอำนาจการจัดการทั้งหมดให้กับบริษัท ผู้ใช้บริการแทบจะไม่มีทางตรวจสอบได้เลยว่านาฬิกาของตนถูกเก็บอยู่ที่ใด มีการนำไปให้เช่าจริงหรือไม่ หรือมีหลักประกันเงินทุนในการคืนนาฬิกาหรือค่าชดเชยหรือไม่
5. ความเสียหายที่ตรวจพบในวงกว้างคือ มีผู้เสียหายประมาณ 650 คนใน 45 จังหวัดที่ได้ยื่นเรื่องร้องทุกข์ต่อตำรวจ นาฬิกาที่ถูกนำมาฝากมีจำนวนรวมประมาณ 1700 เรือน มูลค่าประมาณ 2.8 พันล้านเยน
6. นาฬิกาที่ถูกนำมาฝากและสูญหายไปนั้น มีประมาณ 1300 เรือนที่ถูกขายหรือนำไปจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต และประมาณ 90% ของนาฬิกาที่หายไปนั้นเป็นนาฬิกาสวิส เช่น Rolex และ Tudor
7. อดีตตัวแทนบริษัทถูกกล่าวหาว่าเร่งเปลี่ยนนาฬิกาที่รับฝากมาเป็นเงินสด โดยอ้างว่ายังคงดำเนินบริการตามปกติ หนึ่งในกรณีที่นำไปสู่การจับกุมคือ การหลอกลวงเอานาฬิกาหรู 15 เรือน มูลค่า 18 ล้านเยน จากชายวัย 30 กว่าปีในโตเกียว
8. นาฬิกา 15 เรือนที่ถูกใช้เป็นข้อหาในการจับกุมนั้น ถูกสงสัยว่าถูกนำไปขายหรือจำนำทันทีหลังจากรับฝาก ซึ่งตอกย้ำว่าจุดประสงค์หลักของการรับฝากคือการแปลงสินทรัพย์เป็นเงินสด ไม่ใช่การนำไปบริหารจัดการตามที่กล่าวอ้าง
9. เงินที่ได้จากการขายนาฬิกาบางส่วนถูกนายฟุกุฮาระนำไปใช้ในการเก็งกำไรและการพนัน โดยถูกนำไปซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลและโอนไปยังบัญชีที่เกี่ยวข้องกับคาสิโนออนไลน์ การกระทำเช่นนี้ถือเป็นการนำทรัพย์สินของลูกค้าไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสมอย่างร้ายแรง
10. การตัดสินใจยุติบริการและการหลบหนีเกิดขึ้นอย่างกะทันหันในวันที่ 31 มกราคม 2024 โดยบริษัทได้ประกาศยุบกิจการผ่านเว็บไซต์ ในวันเดียวกันนั้น นายฟุกุฮาระและนาย นางาตะ ได้เดินทางออกนอกประเทศจากสนามบินนาริตะไปยังดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ทันที
11. การเดินทางออกนอกประเทศโดยไม่มีการอธิบายหรือแผนการคืนนาฬิกาอย่างชัดเจน เป็นการหลบหนีความรับผิดชอบอย่างจงใจ ไม่ใช่ผลจากปัญหาทางธุรกิจที่ควบคุมไม่ได้ ทำให้เหตุการณ์นี้เปลี่ยนจากแค่การยุติบริการไปสู่มิติของการหนี
12. หลักฐานที่ชี้ชัดถึงเจตนาในการแปลงสินทรัพย์เป็นเงินสดคือแคมเปญ ที่จัดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม 2023 ซึ่งเป็นช่วงที่ใกล้จะปิดบริการ แคมเปญนี้ชักชวนให้ผู้คนนำนาฬิกามาประเมินเพื่อรับบัตรของขวัญ
13. เจ้าหน้าที่สืบสวนมองว่าการระดมนาฬิกาครั้งใหญ่นี้แสดงให้เห็นว่าบริษัทไม่มีเจตนาที่จะดำเนินธุรกิจต่อไปแล้ว แต่มีเป้าหมายเพื่อนำนาฬิกาเหล่านั้นไปแปลงเป็นเงินสดเท่านั้น
14. แคมเปญดังกล่าวใช้จิตวิทยาของผู้ใช้ได้อย่างดีเยี่ยม โดยผู้ใช้เดิมมองว่าเป็นโอกาสสุดท้าย ขณะที่ผู้ใช้ใหม่มองว่าเป็นช่องทางที่คุ้มค่า ทำให้ความระมัดระวังลดลง และมีการระดมนาฬิกาที่สามารถแปลงเป็นเงินสดได้ในปริมาณมากในระยะเวลาอันสั้น
15. นาฬิกาหรู เช่น Rolex เป็นสินค้าที่มีการขึ้นราคาอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้พวกมันถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ในการลงทุน และราคาซื้อขายต่ออาจสูงกว่าราคาหน้าร้านถึง 4-5 เท่า
16. ผู้เสียหายบางรายได้พยายามตรวจสอบสถานะของนาฬิกาของตนเอง โดยค้นหาหมายเลขซีเรียลในเว็บไซต์ซื้อขายนาฬิกา และพบว่านาฬิกาของตนถูกนำไปประมูลหรือขายต่อในตลาดแล้ว แม้กระทั่งก่อนการประกาศยุติบริการ
17. ผู้เสียหายบางคนกล่าวว่า ตนเองเชื่อถือบริการนี้เนื่องจากมีการโฆษณาในนิตยสารเฉพาะทาง และบริษัทเป็นสมาชิกของสมาคม Sharing Economy ซึ่งเป็นองค์กรที่ได้รับการส่งเสริมจากรัฐบาล
18. ผู้เสียหายที่เคยพบกับนายฟุกุฮาระ ตัวแทนบริษัท ให้ภาพลักษณ์ว่าเขาเป็นคนคันไซที่ร่าเริงและเป็นมิตร และเขายังเคยชักชวนให้ลูกค้าฝากนาฬิกาเพิ่ม โดยอ้างว่านาฬิกาของลูกค้าทำกำไรได้ดีจากการให้เช่าแก่นิติบุคคล
19. ตำรวจนครบาลได้รับหมายจับนายฟุกุฮาระในข้อหายักยอกทรัพย์ในเดือนมีนาคม 2024 และได้ประสานงานกับ ICPO (องค์การตำรวจสากล) เพื่อออกหมายแดง หลังจากหลบหนีไปดูไบ
20. ในที่สุด นายฟุกุฮาระถูกทางการ UAE จับกุมและส่งตัวกลับญี่ปุ่นในเดือนธันวาคม 2025 และถูกจับกุมที่สนามบินนาริตะในข้อหาฉ้อโกง
21. การจับกุมอดีตตัวแทนถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ของกระบวนการทางอาญาอย่างจริงจัง การกู้คืนทรัพย์สินจะขึ้นอยู่กับผลการสืบสวน การยึดทรัพย์ และการฟ้องร้องทางแพ่งในอนาคต
22. ผู้เสียหายบางรายถูกวิจารณ์ในโลกออนไลน์ว่าไม่ควรเป็นคนรักนาฬิกา หรือโดนหลอกเพราะเป็น Ponzi Scheme ที่ชัดเจน ซึ่งการโทษเหยื่อ (victim shaming) นี้ทำให้ผู้เสียหายรู้สึกเจ็บปวดซ้ำซ้อน
23. บริการนี้ได้เสนอผลตอบแทนที่สูงมาก โดยอ้างว่าให้ผลตอบแทนต่อปีที่ 10-20% ของมูลค่านาฬิกาที่ฝากไว้ ซึ่งเป็นอัตราที่สูงผิดปกติเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินทั่วไป
24. มีการตั้งข้อสังเกตว่า บริการนี้เข้ากับกระแสRolex Bubble (ราคานาฬิกาหรูที่พุ่งสูง) และPassive Income (รายได้ที่ไม่ต้องลงแรง) ในช่วงนั้นพอดี ทำให้ความคาดหวังผลตอบแทนสูงบดบังการตัดสินใจของผู้คน
25. ในการดำเนินการของโทเคแมทช์นั้น ก่อนที่บริษัทจะตัดสินใจขายนาฬิกาโดยตรง มีรายงานว่าบริษัทเคยใช้วิธีนำนาฬิกาที่รับฝากไปจำนำก่อน แต่ต่อมาได้เปลี่ยนไปใช้วิธีขายตรง ซึ่งน่าจะเกิดจากการบริหารจัดการที่แย่ลง
26. ผลกระทบต่อตลาดนาฬิกามือสองคือ หลังจากเหตุการณ์นี้ โรงรับจำนำและผู้ค้าส่วนใหญ่เริ่มปฏิเสธการรับซื้อนาฬิกาที่ไม่มีกล่องและใบรับประกัน เนื่องจากความกังวลว่านาฬิกาเหล่านั้นอาจเป็นสินค้าที่ถูกยักยอกมา
27. ผู้ฝากนาฬิกาอาจได้รับผลกระทบทางอ้อม โดยถูกผู้ผลิตนาฬิกาบางรายขึ้นบัญชีดำ (Blacklist) ในฐานะผู้ขายต่อ หากนาฬิกาที่ฝากไว้ถูกนำไปขายในตลาดโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ผลิตอาจถือว่าเจ้าของละเมิดกฎการจำหน่ายต่อ
28. ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าแชร์ริ่งสินค้า โดยเฉพาะสินค้าที่มีมูลค่าสูงและมีสภาพคล่องสูงในตลาดรองมีความเสี่ยงสูง ดังตัวอย่างของบริการแชร์ริ่งนาฬิกาในสวิตเซอร์แลนด์ชื่อ DIALS ที่ต้องยุติบริการไปเพราะผู้เช่าไม่คืนนาฬิกา และต้องเผชิญค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีและค่าประกันที่สูงลิ่ว
29. การตรวจสอบเพื่อป้องกันการฉ้อโกงในอนาคต ควรทำโดยการพิจารณาสัญญาณอันตราย เช่น อัตราผลตอบแทนที่สูงเกินไป การที่การจัดการสินทรัพย์เป็นกล่องดำ และการเร่งเร้าให้เพิ่มยอดเงินฝากอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ควรตรวจสอบอย่างละเอียดหากบริการใช้เงินจำนวนมากกับการโฆษณาที่หวือหวา
30. สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบ การจัดระเบียบหลักฐานต่างๆ เช่น สัญญา ใบเสร็จการซื้อนาฬิกา หมายเลขซีเรียล และการติดต่อตำรวจหรือทนายความที่เชี่ยวชาญด้านคดีฉ้อโกง/ปัญหาผู้บริโภค ถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดในการปกป้องสิทธิ์ของตนเอง การจับกุมยังไม่ใช่การรับประกันว่าทรัพย์สินจะกลับคืนมาทั้งหมด
CR
https://www.facebook.com/share/1B2TqTd35Y/?mibextid=wwXIfr
ญี่ปุ่น🇯🇵 ก็มีแชร์ลูกโซ่ 10,000 ล้านนะ
1. โทเคแมทช์ (Tokematch) คือบริการแชร์ริ่งนาฬิกาหรูที่ดำเนินการโดยบริษัท Neo Reverse ในเมืองโอซาก้า โดยเริ่มให้บริการเมื่อเดือนมกราคม 2021 บริการนี้ทำการประชาสัมพันธ์ว่าเจ้าของนาฬิกาจะสามารถนำนาฬิกาหรูที่ไม่ได้ใช้งานมาฝากไว้ เพื่อให้บริษัทนำไปให้ผู้ที่สนใจเช่าต่อ โดยเจ้าของจะได้รับค่าฝากรายเดือนตอบแทน คำมั่นสัญญาที่หอมหวานนี้คือการให้ผลตอบแทนที่มั่นคงจากการฝากนาฬิกาหรู
2. เหตุการณ์โทเคแมทช์ไม่ได้เป็นเพียงการล้มละลายทางธุรกิจทั่วไป แต่ถูกเปิดเผยว่าเป็นแผนการฉ้อโกง ที่ถูกวางโครงสร้างขึ้นมาโดยมีเจตนาในการแปลงนาฬิกาเป็นเงินสดและการหลบหนีตั้งแต่แรก โดยความเสียหายรวมของเหตุการณ์นี้สูงถึงประมาณ 2.8 พันล้านเยน
3. ผู้ดำเนินการหลักที่เกี่ยวข้องคือ นายฟุกุฮาระ ทาคาซูมิ (Fukuhara Takazumi) อดีตตัวแทนบริษัท วัย 44 ปี และนาย นางาตะ ไดสุเกะ อดีตพนักงาน วัย 40 ปี ทั้งคู่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการยักยอกทรัพย์และฉ้อโกง โดยเฉพาะนายฟุกุฮาระ
4. แม้จะใช้คำว่าแชร์ริ่ง แต่ในทางปฏิบัติแล้ว บริการโทเคแมทช์ถูกมองว่าเป็นธุรกิจสินเชื่อ ที่ผู้ฝากสินทรัพย์ต้องมอบอำนาจการจัดการทั้งหมดให้กับบริษัท ผู้ใช้บริการแทบจะไม่มีทางตรวจสอบได้เลยว่านาฬิกาของตนถูกเก็บอยู่ที่ใด มีการนำไปให้เช่าจริงหรือไม่ หรือมีหลักประกันเงินทุนในการคืนนาฬิกาหรือค่าชดเชยหรือไม่
5. ความเสียหายที่ตรวจพบในวงกว้างคือ มีผู้เสียหายประมาณ 650 คนใน 45 จังหวัดที่ได้ยื่นเรื่องร้องทุกข์ต่อตำรวจ นาฬิกาที่ถูกนำมาฝากมีจำนวนรวมประมาณ 1700 เรือน มูลค่าประมาณ 2.8 พันล้านเยน
6. นาฬิกาที่ถูกนำมาฝากและสูญหายไปนั้น มีประมาณ 1300 เรือนที่ถูกขายหรือนำไปจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต และประมาณ 90% ของนาฬิกาที่หายไปนั้นเป็นนาฬิกาสวิส เช่น Rolex และ Tudor
7. อดีตตัวแทนบริษัทถูกกล่าวหาว่าเร่งเปลี่ยนนาฬิกาที่รับฝากมาเป็นเงินสด โดยอ้างว่ายังคงดำเนินบริการตามปกติ หนึ่งในกรณีที่นำไปสู่การจับกุมคือ การหลอกลวงเอานาฬิกาหรู 15 เรือน มูลค่า 18 ล้านเยน จากชายวัย 30 กว่าปีในโตเกียว
8. นาฬิกา 15 เรือนที่ถูกใช้เป็นข้อหาในการจับกุมนั้น ถูกสงสัยว่าถูกนำไปขายหรือจำนำทันทีหลังจากรับฝาก ซึ่งตอกย้ำว่าจุดประสงค์หลักของการรับฝากคือการแปลงสินทรัพย์เป็นเงินสด ไม่ใช่การนำไปบริหารจัดการตามที่กล่าวอ้าง
9. เงินที่ได้จากการขายนาฬิกาบางส่วนถูกนายฟุกุฮาระนำไปใช้ในการเก็งกำไรและการพนัน โดยถูกนำไปซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลและโอนไปยังบัญชีที่เกี่ยวข้องกับคาสิโนออนไลน์ การกระทำเช่นนี้ถือเป็นการนำทรัพย์สินของลูกค้าไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสมอย่างร้ายแรง
10. การตัดสินใจยุติบริการและการหลบหนีเกิดขึ้นอย่างกะทันหันในวันที่ 31 มกราคม 2024 โดยบริษัทได้ประกาศยุบกิจการผ่านเว็บไซต์ ในวันเดียวกันนั้น นายฟุกุฮาระและนาย นางาตะ ได้เดินทางออกนอกประเทศจากสนามบินนาริตะไปยังดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ทันที
11. การเดินทางออกนอกประเทศโดยไม่มีการอธิบายหรือแผนการคืนนาฬิกาอย่างชัดเจน เป็นการหลบหนีความรับผิดชอบอย่างจงใจ ไม่ใช่ผลจากปัญหาทางธุรกิจที่ควบคุมไม่ได้ ทำให้เหตุการณ์นี้เปลี่ยนจากแค่การยุติบริการไปสู่มิติของการหนี
12. หลักฐานที่ชี้ชัดถึงเจตนาในการแปลงสินทรัพย์เป็นเงินสดคือแคมเปญ ที่จัดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม 2023 ซึ่งเป็นช่วงที่ใกล้จะปิดบริการ แคมเปญนี้ชักชวนให้ผู้คนนำนาฬิกามาประเมินเพื่อรับบัตรของขวัญ
13. เจ้าหน้าที่สืบสวนมองว่าการระดมนาฬิกาครั้งใหญ่นี้แสดงให้เห็นว่าบริษัทไม่มีเจตนาที่จะดำเนินธุรกิจต่อไปแล้ว แต่มีเป้าหมายเพื่อนำนาฬิกาเหล่านั้นไปแปลงเป็นเงินสดเท่านั้น
14. แคมเปญดังกล่าวใช้จิตวิทยาของผู้ใช้ได้อย่างดีเยี่ยม โดยผู้ใช้เดิมมองว่าเป็นโอกาสสุดท้าย ขณะที่ผู้ใช้ใหม่มองว่าเป็นช่องทางที่คุ้มค่า ทำให้ความระมัดระวังลดลง และมีการระดมนาฬิกาที่สามารถแปลงเป็นเงินสดได้ในปริมาณมากในระยะเวลาอันสั้น
15. นาฬิกาหรู เช่น Rolex เป็นสินค้าที่มีการขึ้นราคาอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้พวกมันถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ในการลงทุน และราคาซื้อขายต่ออาจสูงกว่าราคาหน้าร้านถึง 4-5 เท่า
16. ผู้เสียหายบางรายได้พยายามตรวจสอบสถานะของนาฬิกาของตนเอง โดยค้นหาหมายเลขซีเรียลในเว็บไซต์ซื้อขายนาฬิกา และพบว่านาฬิกาของตนถูกนำไปประมูลหรือขายต่อในตลาดแล้ว แม้กระทั่งก่อนการประกาศยุติบริการ
17. ผู้เสียหายบางคนกล่าวว่า ตนเองเชื่อถือบริการนี้เนื่องจากมีการโฆษณาในนิตยสารเฉพาะทาง และบริษัทเป็นสมาชิกของสมาคม Sharing Economy ซึ่งเป็นองค์กรที่ได้รับการส่งเสริมจากรัฐบาล
18. ผู้เสียหายที่เคยพบกับนายฟุกุฮาระ ตัวแทนบริษัท ให้ภาพลักษณ์ว่าเขาเป็นคนคันไซที่ร่าเริงและเป็นมิตร และเขายังเคยชักชวนให้ลูกค้าฝากนาฬิกาเพิ่ม โดยอ้างว่านาฬิกาของลูกค้าทำกำไรได้ดีจากการให้เช่าแก่นิติบุคคล
19. ตำรวจนครบาลได้รับหมายจับนายฟุกุฮาระในข้อหายักยอกทรัพย์ในเดือนมีนาคม 2024 และได้ประสานงานกับ ICPO (องค์การตำรวจสากล) เพื่อออกหมายแดง หลังจากหลบหนีไปดูไบ
20. ในที่สุด นายฟุกุฮาระถูกทางการ UAE จับกุมและส่งตัวกลับญี่ปุ่นในเดือนธันวาคม 2025 และถูกจับกุมที่สนามบินนาริตะในข้อหาฉ้อโกง
21. การจับกุมอดีตตัวแทนถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ของกระบวนการทางอาญาอย่างจริงจัง การกู้คืนทรัพย์สินจะขึ้นอยู่กับผลการสืบสวน การยึดทรัพย์ และการฟ้องร้องทางแพ่งในอนาคต
22. ผู้เสียหายบางรายถูกวิจารณ์ในโลกออนไลน์ว่าไม่ควรเป็นคนรักนาฬิกา หรือโดนหลอกเพราะเป็น Ponzi Scheme ที่ชัดเจน ซึ่งการโทษเหยื่อ (victim shaming) นี้ทำให้ผู้เสียหายรู้สึกเจ็บปวดซ้ำซ้อน
23. บริการนี้ได้เสนอผลตอบแทนที่สูงมาก โดยอ้างว่าให้ผลตอบแทนต่อปีที่ 10-20% ของมูลค่านาฬิกาที่ฝากไว้ ซึ่งเป็นอัตราที่สูงผิดปกติเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินทั่วไป
24. มีการตั้งข้อสังเกตว่า บริการนี้เข้ากับกระแสRolex Bubble (ราคานาฬิกาหรูที่พุ่งสูง) และPassive Income (รายได้ที่ไม่ต้องลงแรง) ในช่วงนั้นพอดี ทำให้ความคาดหวังผลตอบแทนสูงบดบังการตัดสินใจของผู้คน
25. ในการดำเนินการของโทเคแมทช์นั้น ก่อนที่บริษัทจะตัดสินใจขายนาฬิกาโดยตรง มีรายงานว่าบริษัทเคยใช้วิธีนำนาฬิกาที่รับฝากไปจำนำก่อน แต่ต่อมาได้เปลี่ยนไปใช้วิธีขายตรง ซึ่งน่าจะเกิดจากการบริหารจัดการที่แย่ลง
26. ผลกระทบต่อตลาดนาฬิกามือสองคือ หลังจากเหตุการณ์นี้ โรงรับจำนำและผู้ค้าส่วนใหญ่เริ่มปฏิเสธการรับซื้อนาฬิกาที่ไม่มีกล่องและใบรับประกัน เนื่องจากความกังวลว่านาฬิกาเหล่านั้นอาจเป็นสินค้าที่ถูกยักยอกมา
27. ผู้ฝากนาฬิกาอาจได้รับผลกระทบทางอ้อม โดยถูกผู้ผลิตนาฬิกาบางรายขึ้นบัญชีดำ (Blacklist) ในฐานะผู้ขายต่อ หากนาฬิกาที่ฝากไว้ถูกนำไปขายในตลาดโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ผลิตอาจถือว่าเจ้าของละเมิดกฎการจำหน่ายต่อ
28. ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าแชร์ริ่งสินค้า โดยเฉพาะสินค้าที่มีมูลค่าสูงและมีสภาพคล่องสูงในตลาดรองมีความเสี่ยงสูง ดังตัวอย่างของบริการแชร์ริ่งนาฬิกาในสวิตเซอร์แลนด์ชื่อ DIALS ที่ต้องยุติบริการไปเพราะผู้เช่าไม่คืนนาฬิกา และต้องเผชิญค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีและค่าประกันที่สูงลิ่ว
29. การตรวจสอบเพื่อป้องกันการฉ้อโกงในอนาคต ควรทำโดยการพิจารณาสัญญาณอันตราย เช่น อัตราผลตอบแทนที่สูงเกินไป การที่การจัดการสินทรัพย์เป็นกล่องดำ และการเร่งเร้าให้เพิ่มยอดเงินฝากอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ควรตรวจสอบอย่างละเอียดหากบริการใช้เงินจำนวนมากกับการโฆษณาที่หวือหวา
30. สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบ การจัดระเบียบหลักฐานต่างๆ เช่น สัญญา ใบเสร็จการซื้อนาฬิกา หมายเลขซีเรียล และการติดต่อตำรวจหรือทนายความที่เชี่ยวชาญด้านคดีฉ้อโกง/ปัญหาผู้บริโภค ถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดในการปกป้องสิทธิ์ของตนเอง การจับกุมยังไม่ใช่การรับประกันว่าทรัพย์สินจะกลับคืนมาทั้งหมด
CR https://www.facebook.com/share/1B2TqTd35Y/?mibextid=wwXIfr