
เรามักได้ยินเรื่องราวความสำเร็จของ CEO ระดับโลกอย่าง Steve Jobs, Elon Musk หรือผู้ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จนชินหู แต่เคยสงสัยไหมครับว่า...
ทำไมคนเก่ง ๆ ที่มี "อีโก้" สูงเสียดฟ้า หรือมีความฝันที่ดูเป็นไปไม่ได้เหล่านี้ ถึงสามารถสร้างอาณาจักรให้มั่นคงได้?
เบื้องหลังความสำเร็จที่สวยหรู มักมี
"ใครอีกคน" ยืนคุมเกมอยู่เสมอ คนเหล่านี้คือคนที่คอยเก็บกวาดปัญหา เป็นกุนซือ เป็นคนคุมเงิน หรือแม้แต่เป็นคนที่กล้าตะโกนใส่หน้า CEO ว่า
"ไอเดียนี้ห่วยแตก!"
วันนี้ผมได้รวบรวมข้อมูลจากหนังสือต่างประเทศ เพื่อพาไปรู้จักกับ
5 บุคคลเบื้องหลัง ที่ถ้าขาดพวกเขาไป บริษัทเหล่านี้อาจล่มสลายไปแล้วก็ได้
Gwynne Shotwell : ผู้คุมสัตว์ร้ายที่ชื่อว่า
SpaceX
(The Operator behind the Visionary)
ถ้าเปรียบ
Elon Musk เป็น Iron Man ที่มัวแต่คิดจะไปกู้โลกและสร้างจรวดไปดาวอังคาร...
Gwynne Shotwell คือ Pepper Potts ที่ทำให้บริษัทนี้เป็นบริษัทจริงๆ ไม่ใช่แค่สนามเด็กเล่นของเศรษฐี
Elon Musk มีวิสัยทัศน์ที่บ้าคลั่ง แต่คนที่เปลี่ยนวิสัยทัศน์นั้นให้เป็น "ธุรกิจที่ทำเงิน" คือ Gwynne (ประธาน และ COO ของ SpaceX) เธอเป็นวิศวกรที่เก่งกาจ และเป็นนักขายมือทอง เธอคือคนที่บินไปคุยกับ NASA และกองทัพสหรัฐฯ เพื่อหางบประมาณมาให้ Elon Musk ถลุงกับการทดลองระเบิดจรวดเล่นในช่วงแรก
Ashlee Vance ผู้เขียนชีวประวัติของ Elon Musk เคยกล่าวไว้ว่า งานที่ยากที่สุดในโลกไม่ใช่การสร้างจรวด แต่คือ
"การจัดการ Elon Musk" และ Gwynne คือคนเดียวที่ทำได้ดีที่สุด เธอรู้วิธีที่จะบอก Elon ว่า "ไม่ได้" โดยที่เขายังรู้สึกว่าตัวเองชนะอยู่
Frank Wells : ผู้กอบกู้
Disney จากยุคมืด
(The Peacekeeper)
ก่อนที่ Disney จะยิ่งใหญ่คับโลกในยุค 90s (ยุค Lion King, Aladdin, Beauty and the Beast) บริษัทเกือบจะล้มละลาย และถูกแยกขายชิ้นส่วน
เรามักได้ยินชื่อ
Michael Eisner (CEO ในตำนาน) แต่คนที่ทำให้ Eisner ประสบความสำเร็จได้คือ
Frank Wells (President) ทั้งคู่บริหารงานกันคนละขั้ว Eisner คือศิลปินที่มีอารมณ์ขึ้นลง เอาแต่ใจ ส่วน Wells คือนักกฎหมาย นักปีนเขา ผู้มีระเบียบวินัยขั้นสูง
ในหนังสือ
DisneyWar เล่าว่า Wells คือ "กาวใจ" ของบริษัท เขาเป็นคนเดียวที่คอยห้ามศึกระหว่างผู้บริหารและคอยตบกรอบความคิดฟุ้งซ่านของ Eisner ให้อยู่ในงบประมาณ วันที่ Frank Wells เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก คือจุดเริ่มต้นของความล่มสลายในยุค Eisner ทันที เพราะไม่มีใครคอยห้ามปราม CEO อีกต่อไป
Mike Markkula : ผู้ก่อตั้งคนที่ 3 ของ
Apple ที่ถูกลืม
(The Adult Supervision)
ทุกคนรู้ว่า Apple ก่อตั้งโดย Steve Jobs และ Steve Wozniak แต่ความจริงคือ ถ้าไม่มี
Mike Markkula Apple Computer ก็คงเป็นแค่ Project งานอดิเรกในโรงรถตลอดไป
ในขณะที่ Jobs ยังเป็นเด็กหนุ่มผมยาวที่ไม่รู้วิธีอาบน้ำให้สะอาด และ Wozniak เป็นอัจฉริยะที่เขินอาย Markkula คืออดีตผู้บริหาร Intel ที่เกษียณแล้ว เขาเห็นแวว จึงควักเงินส่วนตัว $250,000 (มหาศาลมากในยุคนั้น) มาลงทุน
แต่สิ่งที่สำคัญกว่าเงินคือ
"ปรัชญาการตลาดของ Apple" ที่ Markkula เป็นคนเขียนขึ้น เขาสอน Jobs ว่า
"คนตัดสินหนังสือจากปก" (Impute) บรรจุภัณฑ์ต้องสวย ประสบการณ์ต้องดี และเขาคือคนที่จ้าง CEO มืออาชีพมาบริหารงานแทนเด็กหนุ่มสองคน เพื่อให้บริษัทเข้าตลาดหุ้นได้
Ken Kutaragi : กบฏในอาณาจักร
Sony
(The Rebel Within)
Sony ในยุค 90s คือยักษ์ใหญ่ด้านเครื่องใช้ไฟฟ้า (TV, Walkman) และผู้บริหารเกลียด "วิดีโอเกม" มาก พวกเขามองว่าเกมเป็นของเล่นไร้สาระสำหรับเด็ก
Ken Kutaragi คือวิศวกรที่แอบทำ Project ลับ ๆ ทั้งที่ผู้บริหารสั่งห้าม เขาแอบพัฒนาชิปเสียงให้ Nintendo และต่อมาพัฒนาเครื่องเล่นเกมของตัวเองภายใน Sony โดยต้องต่อสู้กับการเมืองภายในที่รุนแรงมาก ผู้บริหารระดับสูงพยายามจะยุบแผนกเขาทิ้งตลอดเวลา
แต่เขากัดไม่ปล่อย จนสุดท้ายเขาก็ได้เข้าพบประธานใหญ่และพูดประโยคเด็ดว่า
"ถ้าเราไม่ทำ เราจะยอมให้ Nintendo ชนะตลอดไปใช่ไหม" ผลลัพธ์คือ
PlayStation ถือกำเนิดขึ้น และกลายเป็นสินค้าที่ทำกำไรสูงสุดให้ Sony นานหลายทศวรรษ ช่วยพยุงบริษัทในช่วงที่ธุรกิจทีวีตกต่ำ
Bill Campbell : โค้ชระดับล้านล้านดอลลาร์
(Trillion Dollar Coach)
(The Secret Coach)
คนนี้พิเศษหน่อยครับ เพราะเขาไม่ได้อยู่แค่บริษัทเดียว แต่เขาคือ "โค้ชลับ" ของทั้ง
Steve Jobs (Apple), Larry Page & Sergey Brin (Google), และ Jeff Bezos (Amazon)
Bill Campbell ไม่ใช่คนเขียนโค้ด ไม่ใช่นักการตลาด แต่เขาคืออดีตโค้ชฟุตบอลที่ผันตัวมาเป็นที่ปรึกษา หน้าที่ของเขาคือการเข้าประชุมบอร์ดบริหารแล้วคอยสังเกต "ความสัมพันธ์" ของทีมงาน
มีเรื่องเล่าว่า เขาคือคนเดียวที่สามารถบอก Steve Jobs ให้หยุดทำตัวงี่เง่าได้ และเป็นคนที่บังคับให้ Larry Page เลิกเป็น CEO ที่เอาแต่ใจแล้วหันมาฟังทีมงาน ในหนังสือ
Trillion Dollar Coach ระบุว่า มูลค่าของบริษัทที่เขาอยู่เบื้องหลังรวมกันแล้วมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เขาคือคนที่สร้าง "Teamwork" ในหมู่ "Genius" ที่ทำงานด้วยยากที่สุดในโลก
Reference
Elon Musk: Tesla, SpaceX, and the Quest for a Fantastic Future (2015) - by
Ashlee Vance
DisneyWar (2005) - by
James B. Stewart
Steve Jobs (2011) - by
Walter Isaacson
Revolutionaries at Sony: The Making of the Sony PlayStation and the Visionaries Who Conquered the World of Video Games (2000) - by
Reiji Asakura
Trillion Dollar Coach: The Leadership Playbook of Silicon Valley's Bill Campbell (2019) - by
Alan Eagle, Eric Schmidt, and Jonathan Rosenberg
เรื่องราวของคนทั้ง 5 สอนให้เรารู้ว่า ความสำเร็จระดับโลกไม่ใช่เรื่องของ "One Man Show" เสมอไป เบื้องหลัง Spotlight ที่ส่องไปที่ CEO ยังมีทีมงาน มือขวา และที่ปรึกษาที่ทำงานหนักไม่แพ้กัน
สำหรับผมแล้ว คนเหล่านี้คือ Unsung Heroes ตัวจริงครับ
เพื่อน ๆ มี "มือขวา" ในตำนานคนไหนอยากแนะนำเพิ่มเติม Comment พูดคุยกันได้นะครับ
เปิด 5 ตำนาน "เงา" ผู้อยู่เบื้องหลังความยิ่งใหญ่ของ Disney, SpaceX, Apple, Sony ขาดคนนี้ไป CEO ดังแค่ไหนก็ไปไม่รอด!
เรามักได้ยินเรื่องราวความสำเร็จของ CEO ระดับโลกอย่าง Steve Jobs, Elon Musk หรือผู้ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จนชินหู แต่เคยสงสัยไหมครับว่า... ทำไมคนเก่ง ๆ ที่มี "อีโก้" สูงเสียดฟ้า หรือมีความฝันที่ดูเป็นไปไม่ได้เหล่านี้ ถึงสามารถสร้างอาณาจักรให้มั่นคงได้?
เบื้องหลังความสำเร็จที่สวยหรู มักมี "ใครอีกคน" ยืนคุมเกมอยู่เสมอ คนเหล่านี้คือคนที่คอยเก็บกวาดปัญหา เป็นกุนซือ เป็นคนคุมเงิน หรือแม้แต่เป็นคนที่กล้าตะโกนใส่หน้า CEO ว่า "ไอเดียนี้ห่วยแตก!"
วันนี้ผมได้รวบรวมข้อมูลจากหนังสือต่างประเทศ เพื่อพาไปรู้จักกับ 5 บุคคลเบื้องหลัง ที่ถ้าขาดพวกเขาไป บริษัทเหล่านี้อาจล่มสลายไปแล้วก็ได้
Gwynne Shotwell : ผู้คุมสัตว์ร้ายที่ชื่อว่า SpaceX
(The Operator behind the Visionary)
ถ้าเปรียบ Elon Musk เป็น Iron Man ที่มัวแต่คิดจะไปกู้โลกและสร้างจรวดไปดาวอังคาร... Gwynne Shotwell คือ Pepper Potts ที่ทำให้บริษัทนี้เป็นบริษัทจริงๆ ไม่ใช่แค่สนามเด็กเล่นของเศรษฐี
Elon Musk มีวิสัยทัศน์ที่บ้าคลั่ง แต่คนที่เปลี่ยนวิสัยทัศน์นั้นให้เป็น "ธุรกิจที่ทำเงิน" คือ Gwynne (ประธาน และ COO ของ SpaceX) เธอเป็นวิศวกรที่เก่งกาจ และเป็นนักขายมือทอง เธอคือคนที่บินไปคุยกับ NASA และกองทัพสหรัฐฯ เพื่อหางบประมาณมาให้ Elon Musk ถลุงกับการทดลองระเบิดจรวดเล่นในช่วงแรก
Ashlee Vance ผู้เขียนชีวประวัติของ Elon Musk เคยกล่าวไว้ว่า งานที่ยากที่สุดในโลกไม่ใช่การสร้างจรวด แต่คือ "การจัดการ Elon Musk" และ Gwynne คือคนเดียวที่ทำได้ดีที่สุด เธอรู้วิธีที่จะบอก Elon ว่า "ไม่ได้" โดยที่เขายังรู้สึกว่าตัวเองชนะอยู่
Frank Wells : ผู้กอบกู้ Disney จากยุคมืด
(The Peacekeeper)
ก่อนที่ Disney จะยิ่งใหญ่คับโลกในยุค 90s (ยุค Lion King, Aladdin, Beauty and the Beast) บริษัทเกือบจะล้มละลาย และถูกแยกขายชิ้นส่วน
เรามักได้ยินชื่อ Michael Eisner (CEO ในตำนาน) แต่คนที่ทำให้ Eisner ประสบความสำเร็จได้คือ Frank Wells (President) ทั้งคู่บริหารงานกันคนละขั้ว Eisner คือศิลปินที่มีอารมณ์ขึ้นลง เอาแต่ใจ ส่วน Wells คือนักกฎหมาย นักปีนเขา ผู้มีระเบียบวินัยขั้นสูง
ในหนังสือ DisneyWar เล่าว่า Wells คือ "กาวใจ" ของบริษัท เขาเป็นคนเดียวที่คอยห้ามศึกระหว่างผู้บริหารและคอยตบกรอบความคิดฟุ้งซ่านของ Eisner ให้อยู่ในงบประมาณ วันที่ Frank Wells เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก คือจุดเริ่มต้นของความล่มสลายในยุค Eisner ทันที เพราะไม่มีใครคอยห้ามปราม CEO อีกต่อไป
Mike Markkula : ผู้ก่อตั้งคนที่ 3 ของ Apple ที่ถูกลืม
(The Adult Supervision)
ทุกคนรู้ว่า Apple ก่อตั้งโดย Steve Jobs และ Steve Wozniak แต่ความจริงคือ ถ้าไม่มี Mike Markkula Apple Computer ก็คงเป็นแค่ Project งานอดิเรกในโรงรถตลอดไป
ในขณะที่ Jobs ยังเป็นเด็กหนุ่มผมยาวที่ไม่รู้วิธีอาบน้ำให้สะอาด และ Wozniak เป็นอัจฉริยะที่เขินอาย Markkula คืออดีตผู้บริหาร Intel ที่เกษียณแล้ว เขาเห็นแวว จึงควักเงินส่วนตัว $250,000 (มหาศาลมากในยุคนั้น) มาลงทุน
แต่สิ่งที่สำคัญกว่าเงินคือ "ปรัชญาการตลาดของ Apple" ที่ Markkula เป็นคนเขียนขึ้น เขาสอน Jobs ว่า "คนตัดสินหนังสือจากปก" (Impute) บรรจุภัณฑ์ต้องสวย ประสบการณ์ต้องดี และเขาคือคนที่จ้าง CEO มืออาชีพมาบริหารงานแทนเด็กหนุ่มสองคน เพื่อให้บริษัทเข้าตลาดหุ้นได้
Ken Kutaragi : กบฏในอาณาจักร Sony
(The Rebel Within)
Sony ในยุค 90s คือยักษ์ใหญ่ด้านเครื่องใช้ไฟฟ้า (TV, Walkman) และผู้บริหารเกลียด "วิดีโอเกม" มาก พวกเขามองว่าเกมเป็นของเล่นไร้สาระสำหรับเด็ก
Ken Kutaragi คือวิศวกรที่แอบทำ Project ลับ ๆ ทั้งที่ผู้บริหารสั่งห้าม เขาแอบพัฒนาชิปเสียงให้ Nintendo และต่อมาพัฒนาเครื่องเล่นเกมของตัวเองภายใน Sony โดยต้องต่อสู้กับการเมืองภายในที่รุนแรงมาก ผู้บริหารระดับสูงพยายามจะยุบแผนกเขาทิ้งตลอดเวลา
แต่เขากัดไม่ปล่อย จนสุดท้ายเขาก็ได้เข้าพบประธานใหญ่และพูดประโยคเด็ดว่า "ถ้าเราไม่ทำ เราจะยอมให้ Nintendo ชนะตลอดไปใช่ไหม" ผลลัพธ์คือ PlayStation ถือกำเนิดขึ้น และกลายเป็นสินค้าที่ทำกำไรสูงสุดให้ Sony นานหลายทศวรรษ ช่วยพยุงบริษัทในช่วงที่ธุรกิจทีวีตกต่ำ
Bill Campbell : โค้ชระดับล้านล้านดอลลาร์ (Trillion Dollar Coach)
(The Secret Coach)
คนนี้พิเศษหน่อยครับ เพราะเขาไม่ได้อยู่แค่บริษัทเดียว แต่เขาคือ "โค้ชลับ" ของทั้ง Steve Jobs (Apple), Larry Page & Sergey Brin (Google), และ Jeff Bezos (Amazon)
Bill Campbell ไม่ใช่คนเขียนโค้ด ไม่ใช่นักการตลาด แต่เขาคืออดีตโค้ชฟุตบอลที่ผันตัวมาเป็นที่ปรึกษา หน้าที่ของเขาคือการเข้าประชุมบอร์ดบริหารแล้วคอยสังเกต "ความสัมพันธ์" ของทีมงาน
มีเรื่องเล่าว่า เขาคือคนเดียวที่สามารถบอก Steve Jobs ให้หยุดทำตัวงี่เง่าได้ และเป็นคนที่บังคับให้ Larry Page เลิกเป็น CEO ที่เอาแต่ใจแล้วหันมาฟังทีมงาน ในหนังสือ Trillion Dollar Coach ระบุว่า มูลค่าของบริษัทที่เขาอยู่เบื้องหลังรวมกันแล้วมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เขาคือคนที่สร้าง "Teamwork" ในหมู่ "Genius" ที่ทำงานด้วยยากที่สุดในโลก
Reference
Elon Musk: Tesla, SpaceX, and the Quest for a Fantastic Future (2015) - by Ashlee Vance
DisneyWar (2005) - by James B. Stewart
Steve Jobs (2011) - by Walter Isaacson
Revolutionaries at Sony: The Making of the Sony PlayStation and the Visionaries Who Conquered the World of Video Games (2000) - by Reiji Asakura
Trillion Dollar Coach: The Leadership Playbook of Silicon Valley's Bill Campbell (2019) - by Alan Eagle, Eric Schmidt, and Jonathan Rosenberg
เรื่องราวของคนทั้ง 5 สอนให้เรารู้ว่า ความสำเร็จระดับโลกไม่ใช่เรื่องของ "One Man Show" เสมอไป เบื้องหลัง Spotlight ที่ส่องไปที่ CEO ยังมีทีมงาน มือขวา และที่ปรึกษาที่ทำงานหนักไม่แพ้กัน