
Restuarant Patt By Chef Big แช้มป์Masterchef Thailand season4 (2023)
ร้านนี้มาลองชิมตอนเปิดใหม่ใหม่ในช่วงเทสต์เมนูอร่อยชอบ
เป็นร้านที่เชฟบิ๊กใช้โรงพิมพ์เก่าของที่บ้าน มาทำร้านโดยสานต่อจากเชหเทเบิ่ลเก่า อยากทำแต่ไม่อยากกิน ในช่วงยุคโควิด และยีงนงแต่งร้านรอนเซ้ปรากฐานธุรกิจครอบครัวเดิม คือโรงพืมพ์

ราคาสูงนิดแต่ก็ถือว่าถูกกว่าร้านระดับเดียวกันของเชฟดังดัง
เมื่อวานกลับมาซ้ำเชฟ บิ๊กยังคงมาดูแลด้วยตัวเอง
เมนู รอบนี้เปลี่ยนไปกับทุกอย่าง จองไปเป็นชุดแปดคอร์ส(กลัวไม่อิ่ม) ;)
Starter:ก่อนเปิดคอร์ส เป็น 3 คำ 3 สไตล์
• คำแรก: Potato Mille-feuille (มิล เฟย ขนมอบฝรั่งเศษ เป็นชั้นบางๆ ซ้อนกัน ล้อคำพันชั้น)ท็อปด้วย ปลาHamachi ปรุงรสสไตล์ต้มยำ ขูดไข่แดงเค็มสดๆ ด้านบน หอมอร่อย ชอบเริ่มได้ดี

• คำที่สอง: Foie Gras Tartlet (กระทงทองน้อยตับห่าน) จับคู่กับมะเขือม่วงเผาพูเร เพิ่มมิติด้วยเก๋ากี้ดองและพริกหวาน

• คำที่สาม: หนังไก่ทอดกรอบ(กร๊อบบกรอบ) ท็อปด้วย ทาร์ทาร์กรรเชียงปู(kani Tatare ) ปรุงรส เปรี้ยว และกลิ่นหอมของมะนาว
ชุด 2 เป็นเมนูในคอร์สตัวแรก Apizer เป็น เนื้อปูทาราบะ(Alaskaking crap)ใช้เนื้อปูทุกส่วน ทั้งก้อย แขนเล็ก แขนใหญ่ นำมาทำเป็นทาร์ทาร์ (Tartar) ปรุงรสด้วยน้ำมันหอมและมะนาว

• เสิร์ฟพร้อมผลไม้ตามฤดูกาล: อะโวคาโด, กีวี่, เมล่อน ท้อปบนด้วยมูส Finger Lime (มะนาวคาเวียร์) เพื่มความสดชื่น อร่อย แต่จานนี้บอกเชฟ รอบหน้าทาราบะ ขอมาเป็นขาเลยนะ 555
เมนู 3 Chawanmushi กระเพาะปลาเมี้ยน

• ใช้ กระเพาะปลาเมี้ยน เนื้อหนา มาเคี่ยวถึง 3 วัน เพื่อให้ได้ Texture ที่เด้งสู้ฟันหนึบๆ top up ด้วย คาร์เวียร์ และทองคำเปลว
• ด้านล่างเป็นไข่ตุ๋นญี่ปุ่น(Chawanmushi) ที่ผสมหอยเชลสด และเอ็นหอยเชลล์แห้ง (กังป๋วย)ปั่นลงไปในเนื้อไข่ เพิ่มความอูมามิ เสริฟมาในโถ ทรงหอยเป๋าฮื้อ
4 Kinmedai ซอสแกงเหลือง

• ปลาคินเมไดทอดหนังกรอบเสิร์ฟ มาบนเส้นที่ทำจาก ฟักทอง และฟักมองพิวเร่ และ แมคคาดาเมียให้เคี้ยวกรอบ
เสริฟ กับWhite Wine Sauce เบสแกงเหลืองรสเผ็ดอ่อนๆ แต่งด้านบนด้วยดอกแตงกวาสีเหลือง หนังปลากรอบ เนื้อปลาสดเด้งหอมอร่อยมาก
5. กุ้งแม่น้ำ ซอสแชมเปญ Shiso (ใบมินต์ญี่ปุ่น)

• กุ้งแม่น้ำย่างสุกกำลังดีเนื้อสดเด้ง เสริฟเคียงมาด่วย Kintoki Carrot จากญี่ปุ่นสไลด์บางทอดกรอบ และ พิวเร่ด้วย
• ราดด้วยซอสพิเศษที่นำ Champagne ไปอินฟิวส์ (Infuse) กับใบชิโซะ และมันหัวกุ้ง อร่อยฟินๆ
6. Challans Duck Maison Burgaud

• อกเป็ด Challans จากฝรั่งเศส แบรนด์ดัง Maison Burgoud นำนำมา -aged 2 อาทิตย์ก่อน อบ
• เสิร์ฟคู่กับ "เผือกทอด"รังนก ที่ไส้ข้างในเป็นน่องเป็ดกงฟี (confit)ทำเป็นสตูว์ ท้อปด้วย ทรัฟเฟิลสดสไลด์
และมี กานาฉ่ายกับเผือกสไลด์ทอดกรอบ ราด้วยซอสเป็ดที่อินฟิวส์ด้วยทรัฟเฟิ่ลหอม
ตัวนี้ เป็ดกงฟีต์ในเผือกรสชาติดีมากซอร์สหอม เนื้อเป็นนุ่ม แต่ส่วนตัวคิดว่ามันจืดไปนิด อาจจะติดรสชาติอกเป็ดรมควันเม่งเฮียง สุดยอดอกเป็นไทยที่รสชาติเข้มข้นกว่ามั้ง5555
7. Monkfish Pithivier (พิทิวิเย่ ปลา อังโกะ)

เป็นพายฝรั่งเศส อบ ห่อด้วย ห่อด้วยมูสสมุนไพร คล้ายกับ Beef wellingtonเมนูเก่งที่สร้างชื่อให้เชฟบิ๊ก แต่ที่นี่ เน้น อัพเลเวล ขึ้นมา เลยใช้ Monk fish แทน
• เสิร์ฟพร้อมฮอลแลนเดส (ซอร์สมูสเบาๆ ที่ทำจากตะไคร้และใบมะกรูด)
จานนี้ต้องบอกว่าเป็นครั้งแรกที่ผมกิน monk fish ปลาน้ำลึกหน้าตาเอเลี่ยนตัวนี้
คือเคยกินแต่ตับมัน อังกิโมะ ที่ได้ฉายา ฟรัวกราส์ แห่งท้องทะเล ส่วนเนื้อของมัน เค้าว่า แน่นเด้งคล้าย เนื้อ Lobster
กินแล้วผมว่าใกล้เคียงเลย
จานนี้อร่อยชอบ แป้งกับสมุนไพรที่ห่อก้อหอมอร่อยมาก จนแทบจะตามไปขอแป้งปิดหัวท้ายของก้อนที่เค้าตัดทิ้งกลับมาเลย
แต่ถ้าเวลาผมไปทาน beef wellingtonที่ร้านอยากย่าของแก นี่แน่นอนก้อนมันใหญ่กินไม่หมด แต่แป้งหัวท้ายนี่ไม่ยอมทิ้งขอกลับด้วย เพราะว่าอร่อยจริง 555
8. ข้าวอบหนำเลี้ยบเป๋าฮื้อญี่ปุ่น

• ใช้ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ หุงกับหนำเลี้ยบ ใส่สะตอและถั่วลันเตา (Petit Pois)เชฟมาปรุงตีคนบนหม้อในเตาแก๊ส
ส่วนเป๋าฮื้อสดจากญี่ปุ่น ทำสุกโดยการซูวี (Sous-vide) สุกไม่มากเกินให้ยังกรอบเด้ง และย่างบ้นตะแกรงเตาร้อน ตอนเสริฟ ทานคู่กับซอส XO และน้ำจิ้มซีฟู้ด ที่มาให้ทั้งสองอย่าง อร่อยทั้งคู่ เสียดายน้อยไปนิด 555
9. Dessert มาเป็นคู่ ร้อนเย็น เลย

• Parfait: ในถ้วยทรงแชมเปญ ข้างล่างเป็นเจลลี่เสาวรส ชั้นกลางเป็นพานาค้อตต้า และด้านบน เป็นผลไม้รวม มะม่วง, เสาวรส, มะพร้าว เสิร์ฟพร้อมไอศกรีม ด้านบน และ ตุอิล(Tuile)
• Soufflé: ซูเฟล่เผือกเนื้อเนียน กับมูสเผือกร้อนด้านล่างข้นเนียนหอม ทานคู่กับไอศกรีมพริกไทยชมพู (Pink Peppercorn) ที่เชฟมาตักเสริฟด้านบนลดความร้อนของซูเฟล่ ลงไป กินอร่อยมากๆๆๆๆๆ
ปิดท้ายคอร์สด้วยเมนูนอกคอร์ส เป็นComplimentary Petit Four (ที่คราวนี้มา4 คำพอดีไม่ใช่ 3 หรือ 5 ให้สงสัย ทำไมเรียก Four 555)

• Petit Four:
คำแรกมาการองแยมมะลิ หวานอมเปรี้ยวหอมกลิ่นมะนาว และมะลิอร่อย
คำที่สอง กาเนอล่ (canele)ตัวนี้ อบใหม่ texture ผิวนอกกรอบในนุ่มข้างในไม่แน่ใจสอดไส้อะไร แต่อร่อย
คำที่สามชูราสเบอร์รี่ คำนี้ทานสองคำแรกหวานมาก คำนี้เลยรู้สึกจืดนิดนึง
คำสุดท้าย คุกกี้เม็ดมะม่วงหิมพานต์ สอดไส้ ดาร์กช็อกโกแลต อร่อยเข่ม
ส่วนแผ่นพับ Pop up บอกที่มาของชื่อร้าน "PATT" และความอบอุ่นของครอบครัว
น้องชายเชฟบิ๊ก เป็นคนบอกเล่าว่ามี 4 ความหมาย:
1. พัฒนเสถียรกุลเป็นนามสกุลของครอบครัวนี้
2. พัฒนาการ: ชื่อโรงพิมพ์เดิมของครอบครัวที่ บิ๊กใช้ทำเชฟเทเบิ้ลอยากทำไม่อยากกิน จนพัฒนามาเป็นร้านนี้
3. Patissier: ชื่อเล่น "แพ็ต" ที่เชฟได้รับตอนอยู่เจนีวา ที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส ซึ่งออกเสียงชื่อ "บิ๊ก" ยาก)
4. พัฒนา: มอตโต้ในการทำงานที่ต้องพัฒนาทุกวัน
จบมื้อ แบบอิ่มอร่อย และสนุกกับการเรียนรู้อาหารแปลกใหม่และได้ลองเมนูใหม่ที่ไม่เคยลอง และการนำเสนอที่สวยงาม
บางที อาหารไม่ใช่แค่อิ่มอร่อย แต่เรื่องราวของมันก้อสนุกชวนติดตาม
ราคาคอร์ส4468++ หรือประมาณ 5000 นิดๆ ไม่รวมเครื่องดื่ม อาจจะสูงไปนิด แต่ถ้าเทียบกับร้าน fine dine ระดีมีดาวทั้งหลาย

ก้อยังถูกกว่าเล็กน้อย และ ปริมาณอาหารค่อนข้างจะอิ่มกว่าโดยไม่ต้องสั่ง Ala carte เพิ่ม
ผมจะไม่แปลกใจเลยที่ร้านนี้จะได้ติด ดาวมิชลิน ใน 1-2 ปีนี้ ยังคิดว่าจะบอกกับเลยมิชลินว่า ถ้าไม่ติดดาวร้านนี้
ต่อไปรถผมทุกคันจะเปลี่ยนไปใช้ Pirelli แล้ว 🙂

อ้อไม่เจอเชฟบิ๊กหนึ่งปี เชฟฟิตร่างน้ำหนักลดไป 17 โล
ส่วนผมขึ้นมา10 โล 5555
คงได้เวลาออกมารีดน้ำหนักฟิตร่างได้แล่ว
ใครอยากดูฟังตอนเชฟบรรยายอาหารกับ บรรยากาศร้าน มี footage ที่ไม่ได้ตัดต่อนะ แปะไว้
[CR] == Fine dine with chef Big Masterchef Thailand 2023==
Restuarant Patt By Chef Big แช้มป์Masterchef Thailand season4 (2023)
ร้านนี้มาลองชิมตอนเปิดใหม่ใหม่ในช่วงเทสต์เมนูอร่อยชอบ
เป็นร้านที่เชฟบิ๊กใช้โรงพิมพ์เก่าของที่บ้าน มาทำร้านโดยสานต่อจากเชหเทเบิ่ลเก่า อยากทำแต่ไม่อยากกิน ในช่วงยุคโควิด และยีงนงแต่งร้านรอนเซ้ปรากฐานธุรกิจครอบครัวเดิม คือโรงพืมพ์
ราคาสูงนิดแต่ก็ถือว่าถูกกว่าร้านระดับเดียวกันของเชฟดังดัง
เมื่อวานกลับมาซ้ำเชฟ บิ๊กยังคงมาดูแลด้วยตัวเอง
เมนู รอบนี้เปลี่ยนไปกับทุกอย่าง จองไปเป็นชุดแปดคอร์ส(กลัวไม่อิ่ม) ;)
Starter:ก่อนเปิดคอร์ส เป็น 3 คำ 3 สไตล์
• คำแรก: Potato Mille-feuille (มิล เฟย ขนมอบฝรั่งเศษ เป็นชั้นบางๆ ซ้อนกัน ล้อคำพันชั้น)ท็อปด้วย ปลาHamachi ปรุงรสสไตล์ต้มยำ ขูดไข่แดงเค็มสดๆ ด้านบน หอมอร่อย ชอบเริ่มได้ดี
• คำที่สอง: Foie Gras Tartlet (กระทงทองน้อยตับห่าน) จับคู่กับมะเขือม่วงเผาพูเร เพิ่มมิติด้วยเก๋ากี้ดองและพริกหวาน
• คำที่สาม: หนังไก่ทอดกรอบ(กร๊อบบกรอบ) ท็อปด้วย ทาร์ทาร์กรรเชียงปู(kani Tatare ) ปรุงรส เปรี้ยว และกลิ่นหอมของมะนาว
ชุด 2 เป็นเมนูในคอร์สตัวแรก Apizer เป็น เนื้อปูทาราบะ(Alaskaking crap)ใช้เนื้อปูทุกส่วน ทั้งก้อย แขนเล็ก แขนใหญ่ นำมาทำเป็นทาร์ทาร์ (Tartar) ปรุงรสด้วยน้ำมันหอมและมะนาว
• เสิร์ฟพร้อมผลไม้ตามฤดูกาล: อะโวคาโด, กีวี่, เมล่อน ท้อปบนด้วยมูส Finger Lime (มะนาวคาเวียร์) เพื่มความสดชื่น อร่อย แต่จานนี้บอกเชฟ รอบหน้าทาราบะ ขอมาเป็นขาเลยนะ 555
เมนู 3 Chawanmushi กระเพาะปลาเมี้ยน
• ใช้ กระเพาะปลาเมี้ยน เนื้อหนา มาเคี่ยวถึง 3 วัน เพื่อให้ได้ Texture ที่เด้งสู้ฟันหนึบๆ top up ด้วย คาร์เวียร์ และทองคำเปลว
• ด้านล่างเป็นไข่ตุ๋นญี่ปุ่น(Chawanmushi) ที่ผสมหอยเชลสด และเอ็นหอยเชลล์แห้ง (กังป๋วย)ปั่นลงไปในเนื้อไข่ เพิ่มความอูมามิ เสริฟมาในโถ ทรงหอยเป๋าฮื้อ
4 Kinmedai ซอสแกงเหลือง
• ปลาคินเมไดทอดหนังกรอบเสิร์ฟ มาบนเส้นที่ทำจาก ฟักทอง และฟักมองพิวเร่ และ แมคคาดาเมียให้เคี้ยวกรอบ
เสริฟ กับWhite Wine Sauce เบสแกงเหลืองรสเผ็ดอ่อนๆ แต่งด้านบนด้วยดอกแตงกวาสีเหลือง หนังปลากรอบ เนื้อปลาสดเด้งหอมอร่อยมาก
5. กุ้งแม่น้ำ ซอสแชมเปญ Shiso (ใบมินต์ญี่ปุ่น)
• กุ้งแม่น้ำย่างสุกกำลังดีเนื้อสดเด้ง เสริฟเคียงมาด่วย Kintoki Carrot จากญี่ปุ่นสไลด์บางทอดกรอบ และ พิวเร่ด้วย
• ราดด้วยซอสพิเศษที่นำ Champagne ไปอินฟิวส์ (Infuse) กับใบชิโซะ และมันหัวกุ้ง อร่อยฟินๆ
6. Challans Duck Maison Burgaud
• อกเป็ด Challans จากฝรั่งเศส แบรนด์ดัง Maison Burgoud นำนำมา -aged 2 อาทิตย์ก่อน อบ
• เสิร์ฟคู่กับ "เผือกทอด"รังนก ที่ไส้ข้างในเป็นน่องเป็ดกงฟี (confit)ทำเป็นสตูว์ ท้อปด้วย ทรัฟเฟิลสดสไลด์
และมี กานาฉ่ายกับเผือกสไลด์ทอดกรอบ ราด้วยซอสเป็ดที่อินฟิวส์ด้วยทรัฟเฟิ่ลหอม
ตัวนี้ เป็ดกงฟีต์ในเผือกรสชาติดีมากซอร์สหอม เนื้อเป็นนุ่ม แต่ส่วนตัวคิดว่ามันจืดไปนิด อาจจะติดรสชาติอกเป็ดรมควันเม่งเฮียง สุดยอดอกเป็นไทยที่รสชาติเข้มข้นกว่ามั้ง5555
7. Monkfish Pithivier (พิทิวิเย่ ปลา อังโกะ)
เป็นพายฝรั่งเศส อบ ห่อด้วย ห่อด้วยมูสสมุนไพร คล้ายกับ Beef wellingtonเมนูเก่งที่สร้างชื่อให้เชฟบิ๊ก แต่ที่นี่ เน้น อัพเลเวล ขึ้นมา เลยใช้ Monk fish แทน
• เสิร์ฟพร้อมฮอลแลนเดส (ซอร์สมูสเบาๆ ที่ทำจากตะไคร้และใบมะกรูด)
จานนี้ต้องบอกว่าเป็นครั้งแรกที่ผมกิน monk fish ปลาน้ำลึกหน้าตาเอเลี่ยนตัวนี้
คือเคยกินแต่ตับมัน อังกิโมะ ที่ได้ฉายา ฟรัวกราส์ แห่งท้องทะเล ส่วนเนื้อของมัน เค้าว่า แน่นเด้งคล้าย เนื้อ Lobster
กินแล้วผมว่าใกล้เคียงเลย
จานนี้อร่อยชอบ แป้งกับสมุนไพรที่ห่อก้อหอมอร่อยมาก จนแทบจะตามไปขอแป้งปิดหัวท้ายของก้อนที่เค้าตัดทิ้งกลับมาเลย
แต่ถ้าเวลาผมไปทาน beef wellingtonที่ร้านอยากย่าของแก นี่แน่นอนก้อนมันใหญ่กินไม่หมด แต่แป้งหัวท้ายนี่ไม่ยอมทิ้งขอกลับด้วย เพราะว่าอร่อยจริง 555
8. ข้าวอบหนำเลี้ยบเป๋าฮื้อญี่ปุ่น
• ใช้ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ หุงกับหนำเลี้ยบ ใส่สะตอและถั่วลันเตา (Petit Pois)เชฟมาปรุงตีคนบนหม้อในเตาแก๊ส
ส่วนเป๋าฮื้อสดจากญี่ปุ่น ทำสุกโดยการซูวี (Sous-vide) สุกไม่มากเกินให้ยังกรอบเด้ง และย่างบ้นตะแกรงเตาร้อน ตอนเสริฟ ทานคู่กับซอส XO และน้ำจิ้มซีฟู้ด ที่มาให้ทั้งสองอย่าง อร่อยทั้งคู่ เสียดายน้อยไปนิด 555
9. Dessert มาเป็นคู่ ร้อนเย็น เลย
• Parfait: ในถ้วยทรงแชมเปญ ข้างล่างเป็นเจลลี่เสาวรส ชั้นกลางเป็นพานาค้อตต้า และด้านบน เป็นผลไม้รวม มะม่วง, เสาวรส, มะพร้าว เสิร์ฟพร้อมไอศกรีม ด้านบน และ ตุอิล(Tuile)
• Soufflé: ซูเฟล่เผือกเนื้อเนียน กับมูสเผือกร้อนด้านล่างข้นเนียนหอม ทานคู่กับไอศกรีมพริกไทยชมพู (Pink Peppercorn) ที่เชฟมาตักเสริฟด้านบนลดความร้อนของซูเฟล่ ลงไป กินอร่อยมากๆๆๆๆๆ
ปิดท้ายคอร์สด้วยเมนูนอกคอร์ส เป็นComplimentary Petit Four (ที่คราวนี้มา4 คำพอดีไม่ใช่ 3 หรือ 5 ให้สงสัย ทำไมเรียก Four 555)
• Petit Four:
คำแรกมาการองแยมมะลิ หวานอมเปรี้ยวหอมกลิ่นมะนาว และมะลิอร่อย
คำที่สอง กาเนอล่ (canele)ตัวนี้ อบใหม่ texture ผิวนอกกรอบในนุ่มข้างในไม่แน่ใจสอดไส้อะไร แต่อร่อย
คำที่สามชูราสเบอร์รี่ คำนี้ทานสองคำแรกหวานมาก คำนี้เลยรู้สึกจืดนิดนึง
คำสุดท้าย คุกกี้เม็ดมะม่วงหิมพานต์ สอดไส้ ดาร์กช็อกโกแลต อร่อยเข่ม
ส่วนแผ่นพับ Pop up บอกที่มาของชื่อร้าน "PATT" และความอบอุ่นของครอบครัว
น้องชายเชฟบิ๊ก เป็นคนบอกเล่าว่ามี 4 ความหมาย:
1. พัฒนเสถียรกุลเป็นนามสกุลของครอบครัวนี้
2. พัฒนาการ: ชื่อโรงพิมพ์เดิมของครอบครัวที่ บิ๊กใช้ทำเชฟเทเบิ้ลอยากทำไม่อยากกิน จนพัฒนามาเป็นร้านนี้
3. Patissier: ชื่อเล่น "แพ็ต" ที่เชฟได้รับตอนอยู่เจนีวา ที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส ซึ่งออกเสียงชื่อ "บิ๊ก" ยาก)
4. พัฒนา: มอตโต้ในการทำงานที่ต้องพัฒนาทุกวัน
จบมื้อ แบบอิ่มอร่อย และสนุกกับการเรียนรู้อาหารแปลกใหม่และได้ลองเมนูใหม่ที่ไม่เคยลอง และการนำเสนอที่สวยงาม
บางที อาหารไม่ใช่แค่อิ่มอร่อย แต่เรื่องราวของมันก้อสนุกชวนติดตาม
ราคาคอร์ส4468++ หรือประมาณ 5000 นิดๆ ไม่รวมเครื่องดื่ม อาจจะสูงไปนิด แต่ถ้าเทียบกับร้าน fine dine ระดีมีดาวทั้งหลาย
ก้อยังถูกกว่าเล็กน้อย และ ปริมาณอาหารค่อนข้างจะอิ่มกว่าโดยไม่ต้องสั่ง Ala carte เพิ่ม
ผมจะไม่แปลกใจเลยที่ร้านนี้จะได้ติด ดาวมิชลิน ใน 1-2 ปีนี้ ยังคิดว่าจะบอกกับเลยมิชลินว่า ถ้าไม่ติดดาวร้านนี้
ต่อไปรถผมทุกคันจะเปลี่ยนไปใช้ Pirelli แล้ว 🙂
อ้อไม่เจอเชฟบิ๊กหนึ่งปี เชฟฟิตร่างน้ำหนักลดไป 17 โล
ส่วนผมขึ้นมา10 โล 5555
คงได้เวลาออกมารีดน้ำหนักฟิตร่างได้แล่ว
ใครอยากดูฟังตอนเชฟบรรยายอาหารกับ บรรยากาศร้าน มี footage ที่ไม่ได้ตัดต่อนะ แปะไว้
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น