เรารู้สึกแปลกแยกจากสังคมที่อยู่ตอนนี้ ขอวิธีปรับตัวค่ะ

เราเป็นข้าราชการครูในจังหวัดหนึ่งไกลกรุงเทพค่ะ  ปัญหาคือเราปรับตัวกับสังคมที่เราอยู่ตอนนี้ไม่ได้ค่ะ ครูในโรงเรียนก็ใจดีนะคะ แต่เราเข้ากับพี่ๆเค้าไม่ได้สักคน ทั้งนิสัย งานอดิเรก เรื่องที่ชอบ เรื่องที่คุย เราอึดอัดมากจนเก็บตัวอยู่แต่ห้องพัก พี่ๆก็พยายามสอนว่าไม่ควรทำแบบนี้ ควรเปิดใจรับคนอื่นบ้าง ถ้าไม่รู้จะคุยเรื่องอะไรก็นั่งฟังนั่งยิ้มไปก็ได้ ขอเล่าถึงภูมิหลังเรานะคะ เราเป็นเด็กที่เกิดมาในครอบครัวฐานะธรรมดาค่ะ แม่เลี้ยงเดี่ยว ลูกสองคน แต่สมัยเด็กเราโชคดีมีคนอุปถัมภ์ เค้าเป็นคุณหมอ ส่งเราเรียนพิเศษตั้งแต่จำความได้ เราได้เรียนทั้งศิลปะ ดนตรีไทย ดนตรีสากล กีฬาหมากล้อม ภาษาอังกฤษ จีน และญี่ปุ่น เราได้เรียนโรงเรียนรัฐบาลที่ดีที่สุดในยุคนั้นเท่าที่จังหวัดเราจะมี ปิดเทอมก็ได้เข้ามาเรียนพิเศษใน กทม. ค่าคอร์สเรียนเราประมาณ 50,000-70,000 บาท เพื่อนที่เราเจอจึงมีแต่คนที่ฐานะดีและมีความรู้ มัธยมเราได้ไปต่างประเทศ แต่พอขึ้น ม.6 คุณหมอท่านนี้ก็ได้พบรักกับภรรยาที่อายุน้อยกว่า 20 ปี เค้าก็เริ่มช่วยเหลือเราน้อยลง แต่พอจะขึ้นมหาวิทยาลัยเค้าบอกว่าจะช่วยส่งเราเรียนเภสัช แต่ตอนนั้นเราค้นพบแล้วว่าเราชอบภาษาจึงปฏิเสธไป แน่นอนว่าแม่เราส่งเราเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่ กทม. ไม่ไหว เราจึงไปต่อทางภาคเหนือที่เน้นภาษาแทน ตอนเรียนก็ดีมาก เราชอบบรรยากาศแข่งขันที่ทุกคนพยายามกันอย่างเต็มที่ื เด็กสายวิทย์อย่างเราได้พัฒนาทักษะทางด้านภาษาเยอะมาก ได้มีโอกาสไปเรียนต่างประเทศ 6 เดือน หลังจากนั้นภรรยาคุณหมอท่านนั้นก็คลอดลูกแฝด คุณหมอจึงหยุดส่งเสียเราไป พอเราเรียนจบทางครอบครัวก็ขอให้สอบราชการ เราก็สอบและบรรจุให้เค้า พอมาอยู่สังคมนี้จริงๆแล้ว เรารู้สึกว่างเปล่า รู้สึกไม่พัฒนา เรื่องที่ชวนคุยกันคือการนินทากันเอง คุยเรื่องบนเตียงและหัวเราะสนุก พอเค้าถามถึงเรา เราก็พูดเรื่องที่เราสนใจ เช่น การลงทุน การทูต หรือ soft skill ที่น่าสนใจ ก็โดนหัวเราะกลับว่าสนใจอะไรเรื่องเพ้อฝันไกลตัว คิดแค่วันๆจะกินอะไรก็พอแล้ว เรารู้สึกจริงๆว่ามันเสียเวลาชีวิตเรา เราจึงไม่ได้เข้าสังคมกับพวกเค้าแล้วเอาเวลาไปลงเรียนเพิ่มความรู้ พวกเค้าก็บอกว่าเรียนทำไม เป็นครูแล้วนะ หยุดเสาร์อาทิตย์เราก็ไปเรียนคอร์สพัฒนาตนเอง ซึ่งราคาหลายหมื่น ก็โดนแซะและขอยืมเงิน พอเราบอกว่าไม่มีแล้ว เค้าก็จะไม่พอใจและบอกทีเรียนแพงยังเรียนได้ เราค่อนข้างไม่เข้าใจว่าตกลงนี่เงินใคร และเค้าก็เข้าข้างกันเอง ใครแปลกแยกโดนนินทา นักจิตบำบัดแนะนำให้เราย้ายโรงเรียนไปโรงเรียนที่อยู่ใน กทม และมีบรรยากาศการเรียนการสอนที่เข้มข้นดู แต่เรารู้สึกว่าหากเราย้ายหนี ก็แสดงว่าเราปรับตัวไม่ได้จริงๆค่ะ นอกจากนี้สิ่งที่เรามองว่าเสียเวลาอีก 2 อย่างคือ 1.ไม่ตรงต่อเวลากัน ทุกครั้งที่มีประชุม ทำให้เลิกสายไปอีก 2.การอบรมความรู้ที่ทางโรงเรียนจัด มีแต่อะไรที่ไร้ประโยชน์สำหรับเรา เช่น สอนการใช้ ChatGPT หรือ การใช้ Canva มีแต่เนื้อหาที่ทำเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ต้องมานั่งฟังเสาร์อาทิตย์ทั้งวัน และต้องมาให้ครบ ไม่ว่าจะทำเป็นแล้วหรือไม่ แล้วครูแต่ละคนดูตื่นเต้นมาก ในขณะที่เรานั่งเบื่อ อันนี้ก็เข้ากับเค้าไม่ได้อีกแล้วใช่ไหมคะ เราเคยปรึกษาพี่ที่โรงเรียน เค้าบอกทัศนคติเรามีปัญหา แต่จิตแพทย์กับนักจิตบำบัดเราบอกว่าเราปกติ แค่อยู่ผิดที่ ขอคำแนะนำด้วยค่ะหากจะอยู่ตรงนี้ต่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่