ผิดไหมคะ ที่อยากตัดขาดกับครอบครัวเพราะเขาทำให้เราสิ้นหวังและอยากตาย

เรื่องนี้ถ้าขอเกริ่นเล่าคงเป็นเรื่องราวตั้งแต่เรายังเด็กเลยค่ะ พื้นฐานเราเป็นคนขยันและทำงานตั้งแต่เด็ก สามารถดูแลตัวเองได้พื้นฐานตั้งแต่ไม่ถึง 10 ขวบ

จุดที่ทำให้เราอยากตายต้องพูดตรงๆว่ามีมาตลอด แต่เราอาศัยไปอยู่กับครูที่รู้จักคอยปลอบใจมาโดยตลอด ปกติตั้งแต่เด็กหลังจากเลิกเรียนเราก็มีรับซักรีดผ้า หลังจากเราซักรีดเสร็จ เราต้องขนผ้าลูกค้าที่รีดแล้วเดินไปส่งทั่วหมู่บ้าน เรารู้สึกเหนื่อยมากค่ะ โดยต้องบอกที่เป็นปมตอนเด็กคือ แม่เอาเงินเก็บเราไปให้พี่สาวใช้ไปมหาลัยค่ะ ซึ่งเป็นเงินที่เราหามายากลำบาก และต้องการนำไปซื้อสิ่งที่อยากได้จริงๆ เรื่องนั้นก็ผ่านไปโดยที่เราร้องไห้วิ่งไปหาครูที่รู้จัก จำไม่ค่อยได้ว่าครูพูดว่าอะไรแต่เป็นแรงผลักดันให้เราตั้งใจเรียนมากขึ้น จนได้ทุนที่จะไปต่างประเทศแต่ด้วยความเด็กมาก เอกสารตอนนั้นต้องการลายเซ็นของผู้ปกครองซึ่งไม่มีใครเซ็นให้ เพราะเขามองว่าเราเด็กเกินกว่าจะดูแลตัวเอง รอบนี้เราไม่เสียใจและพร้อมที่จะเข้าใจแล้วมองผ่าน สุดท้ายเราก็ตั้งใจเรียนจนจบ โดยที่ทำงานไปด้วย /งานโบกธง งานอีเว้นท์ เด็กเสิร์ฟ และรับเป็นตัวกลางขายไอดีเกม เรารู้สึกเหนื่อยแทบลากเลือดกว่าจะผ่านแต่ล่ะช่วงชีวิตมาได้ จบมาได้งานตรงสาขาเงินเดือนประมาณ 30k +++ โดยที่ต้องเล่าว่าพี่สาวเราก็จบงานสาขาเดียวกันแต่เลือกจะทำงานอื่นเพราะรู้สึกไม่ชอบและลำบาก

และสุดท้ายระหว่างทำงานต้องเล่าว่าเราจ่ายค่าบ้าน(9000) ค่าน้ำ(300~400) ค่าไฟ(2000++อยู่กัน5คน) ค่ารถที่ให้พ่อช่วยขับพาไปทำงาน (8000) และพ่อแม่เอ่ยขอเงินคนล่ะ 5000 ซึ่งเราเหลือเก็บในส่วนของเราเดือนล่ะไม่เกิน 2000 เราตัดสินใจที่จะแยกตัวออกไปเพราะรู้สึกไม่ไหวจริงๆ อยู่บ้านกัน 5 คนเราออกแทบทุกอย่าง และซื้อคอนโดของตัวเองเพื่อให้ทุกคนรู้ว่าเราก็มีภาระและไม่สามารถซัพพอร์ตทุกอย่างได้แล้วนะ โดยจะให้เงินเดือนล่ะ 10000 เหมือนเดิม และมีภาระต้องจ่ายค่าคอนโด 15000 ทุกเดือนเงินที่เหลือประมาณ 10000 กว่าบาทสำหรับเดินทางกินใช้ เราแบ่งเป็นค่าประกันอุบัติเหตุ700กว่า(แต่เราไม่ได้มีประกันสุขภาพ)และเงินลงทุนต่อเดือนเดือนล่ะ 2000++ ระหว่างนั้นเรามีสมัครบัตรเครดิตสำรองเงิน แต่ไม่ได้ใช้มาก่อน จนกระทั่งเดือนพฤศจิกาที่ผ่านมาเราย้ายงานใหม่ และติดเชื้อในกระแสเลือด คงเป็นความผิดของเราเองด้วยส่วนนึงอยากได้การดูแลที่ดี จึงเลือกใช้รพ.เอกชนและรูดบัตรเครดิตเต็มจำนวน และย้ายไปอาศัยกับแฟนแทนจากนั้นปล่อยคอนโดเช่าในราคา 11000 โดยเงินส่วนนึงจากการเก็บล่วงหน้าไปจ่ายบัตรและประกอบกับเดือนดังกล่าวเป็นเดือนที่นัดหมอฟันทำรี 6900 เงินแทบจะไม่เหลือ และเพราะพยายามจะใช้หนี้ให้หมดโดยคุยกับทางบ้านอธิบายว่าเดือนนี้จะไม่สามารถให้เงินได้นะ

คราวนี้โดนทางบ้านตำหนิ และบอกว่าประกันสังคมก็มีทำไมไม่ใช้โน่นนี่ และโดนด่าโวยวาย พร้อมทั้งพี่สาวเขามาแซะทางไลน์ว่าอกตัญญู กูเงินเดือนแค่หมื่นเดียว ยังพยายามเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่เลย สุดท้ายก็โดนด่าแบบสาดเสียเทเสีย ทางคุณแม่โพสต์ทางเฟซบุคบอกว่า ถ้าบอกกับบุพพาการีว่าไม่มี ยังไงก็ไม่มีทางมี ในอนาคตอย่างหวังว่าจะเจริญก้าวหน้า พูดตรงๆเราอ่านไปพร้อมน้ำตา เรารู้สึกแย่กับตัวเองมาก และล่าสุดพี่ก็มาด่าอกตัญญูอีกครั้งปีใหม่ก็ไม่หัดกลับมาเยี่ยมบ้าน โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าเงินในบัญชีตอนนี้สำหรับใช้ทั้งเดือนเราเหลือแค่ 2000 บาท/เพราะค่าเช่าเราจะได้อีกทีวันที่ 5 เราตัดสินใจโอนให้ทางบ้าน 1000 บาทเมื่อวานนี้ ตอนนี้รู้สึกว่ามันท้อมากจริงๆ

++รายละเอียดมีเยอะกว่านี้มากแต่ไม่สามารถอธิบายได้หมด และเริ่มไม่แน่ใจว่าควรทำยังไงกับเหตุการณ์นี้ดี เบื้องต้นไม่อยากรบกวนทางแฟน รบกวนช่วยทีค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่