คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
จากข้อมูลล่าสุดในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2025 (พ.ศ. 2568) ภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (วาระที่ 2) ยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ได้เปลี่ยนผ่านจาก "การแผ่อิทธิพลทางการเมือง" มาเป็น
"จักรวรรดินิยมทางทรัพยากร" (Resource Imperialism) อย่างเต็มตัวครับ
1. ยึดเวเนซุเอลา เอาน้ำมัน สู้รัสเซีย
สถานการณ์ปัจจุบัน (ธ.ค. 2025) ทรัมป์เพิ่งประกาศ "การปิดล้อมทางทะเลโดยสมบูรณ์" (Total Blockade) ต่อเวเนซุเอลา และระบุว่าน้ำมันของเวเนซุเอลาควรถูกปฏิบัติเป็น "สินทรัพย์ของสหรัฐฯ" เพื่อชดเชยค่าเสียหายทางยุทธศาสตร์
เป้าหมาย เพื่อตัดแหล่งรายได้ของรัสเซียและจีน (ที่เข้ามาลงทุนในน้ำมันเวเนซุเอลา) และเพื่อควบคุมราคาน้ำมันโลกให้อยู่ในมือสหรัฐฯ
โอกาสเป็นไปได้= 80% (ในเชิงการควบคุมทางเศรษฐกิจและทรัพยากร) มากกว่าการส่งกองทัพเข้าไปยึดครองพื้นที่ถาวร
2. ยึดกรีนแลนด์เอาแรร์เอิร์ท สู้จีน
สถานการณ์ปัจจุบัน (ธ.ค. 2025) เมื่อวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา ทรัมป์ได้แต่งตั้ง "ผู้แทนพิเศษ" เพื่อเจรจาขอซื้อเกาะกรีนแลนด์จากเดนมาร์กอย่างเป็นทางการอีกครั้ง โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงจากการขยายตัวของจีนและรัสเซียในอาร์กติก
เป้าหมาย กรีนแลนด์มีแหล่งแรร์เอิร์ท (Rare Earths) ที่ยังไม่ได้ขุดเจาะขนาดใหญ่ที่สุดในโลก (โครงการ Tanbreez) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีและอาวุธสมัยใหม่ที่จีนผูกขาดอยู่
โอกาสเป็นไปได้= 70% (ในเชิงการเข้าครอบงำสิทธิการทำเหมือง) แม้เดนมาร์กจะปฏิเสธการขายเกาะ แต่สหรัฐฯ กำลังใช้แรงกดดันทางการค้าบีบให้ต้องยอมให้สหรัฐฯ เข้าคุมทรัพยากร
3. ยึดกัมพูชา เอาท่าเรือเรียมเป็นฐานทัพสู้จีน
สถานการณ์ปัจจุบัน (ธ.ค. 2025) สหรัฐฯ แสดงความกังวลอย่างหนักต่อการที่จีนเข้าใช้ ฐานทัพเรือเรียม (Ream Naval Base) แบบเอกซ์คลูซีฟ แต่ยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ในกัมพูชาเน้นไปที่การ "บีบให้เปลี่ยนข้าง" ผ่านการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและการกดดันรัฐบาลฮุน มาเนต
เป้าหมาย สกัดกั้นไม่ให้จีนมีฐานทัพเรือในอ่าวไทย ซึ่งจะคุกคามเส้นทางเดินเรือหลักและอิทธิพลของสหรัฐฯ ในอาเซียน
โอกาสเป็นไปได้= 20% (ในเชิงการใช้กำลังยึด) สหรัฐฯ มีแนวโน้มจะใช้ "สงครามตัวแทน" หรือการสนับสนุนฝ่ายค้านเพื่อเปลี่ยนรัฐบาลมากกว่าการเข้ายึดเอง
4. แผนต่อไปคือ แคนาดา: ขู่หรือเอาจริง?
สถานการณ์ปัจจุบัน (ธ.ค. 2025) เกิด "สงครามการค้าสหรัฐฯ-แคนาดา" อย่างรุนแรง ทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าจากแคนาดา 25% และขู่จะผนวกแคนาดาเป็นรัฐที่ 51 หากแคนาดาไม่ยอมจัดการปัญหาพรมแดนและการรั่วไหลของยาเสพติด (Fentanyl)
เป้าหมาย บีบให้แคนาดายอมสยบในเชิงนโยบายเศรษฐกิจและความมั่นคง เพื่อสร้าง "Fortress North America" (อเมริกาเหนือป้อมปราการ)
โอกาสเป็นไปได้= 90% (ในเชิงการบีบให้เป็นรัฐบริวารทางเศรษฐกิจ) แต่การยึดดินแดนจริงๆ ยังถูกมองว่าเป็นเครื่องมือในการเจรจา (Leverage) มากกว่าแผนการทหาร
📊 สรุปภาพรวม = ขู่หรือแผ่อำนาจ?
ยุทธศาสตร์ของทรัมป์ในปี 2025 ไม่ใช่แค่การ "ขู่" แต่คือ
"การทำธุรกิจแบบมาเฟียในระดับรัฐ" (Mercantilist Statecraft) ครับ
ประเด็น
ลักษณะของแผนงาน
การขู่ (Bluffing)
ใช้เพื่อสร้างความได้เปรียบในการเจรจา เช่น การขู่ยึดแคนาดา หรือซื้อกรีนแลนด์
การแผ่อำนาจ (Expansion)
ทำจริงในส่วนของ "ทรัพยากร" (น้ำมัน, แร่ธาตุ) โดยใช้กำแพงภาษีและการคว่ำบาตรเป็นอาวุธหลักแทนปืน
ข้อสรุป อเมริกาในตอนนี้กำลังดำเนินแผน "ยึดทรัพยากรโลกเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้ตนเอง"
โดยมองข้ามระเบียบโลกเดิม (Rules-based Order) และเน้นผลประโยชน์ที่จับต้องได้เป็นหลักครับ
"จักรวรรดินิยมทางทรัพยากร" (Resource Imperialism) อย่างเต็มตัวครับ
1. ยึดเวเนซุเอลา เอาน้ำมัน สู้รัสเซีย
สถานการณ์ปัจจุบัน (ธ.ค. 2025) ทรัมป์เพิ่งประกาศ "การปิดล้อมทางทะเลโดยสมบูรณ์" (Total Blockade) ต่อเวเนซุเอลา และระบุว่าน้ำมันของเวเนซุเอลาควรถูกปฏิบัติเป็น "สินทรัพย์ของสหรัฐฯ" เพื่อชดเชยค่าเสียหายทางยุทธศาสตร์
เป้าหมาย เพื่อตัดแหล่งรายได้ของรัสเซียและจีน (ที่เข้ามาลงทุนในน้ำมันเวเนซุเอลา) และเพื่อควบคุมราคาน้ำมันโลกให้อยู่ในมือสหรัฐฯ
โอกาสเป็นไปได้= 80% (ในเชิงการควบคุมทางเศรษฐกิจและทรัพยากร) มากกว่าการส่งกองทัพเข้าไปยึดครองพื้นที่ถาวร
2. ยึดกรีนแลนด์เอาแรร์เอิร์ท สู้จีน
สถานการณ์ปัจจุบัน (ธ.ค. 2025) เมื่อวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา ทรัมป์ได้แต่งตั้ง "ผู้แทนพิเศษ" เพื่อเจรจาขอซื้อเกาะกรีนแลนด์จากเดนมาร์กอย่างเป็นทางการอีกครั้ง โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงจากการขยายตัวของจีนและรัสเซียในอาร์กติก
เป้าหมาย กรีนแลนด์มีแหล่งแรร์เอิร์ท (Rare Earths) ที่ยังไม่ได้ขุดเจาะขนาดใหญ่ที่สุดในโลก (โครงการ Tanbreez) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีและอาวุธสมัยใหม่ที่จีนผูกขาดอยู่
โอกาสเป็นไปได้= 70% (ในเชิงการเข้าครอบงำสิทธิการทำเหมือง) แม้เดนมาร์กจะปฏิเสธการขายเกาะ แต่สหรัฐฯ กำลังใช้แรงกดดันทางการค้าบีบให้ต้องยอมให้สหรัฐฯ เข้าคุมทรัพยากร
3. ยึดกัมพูชา เอาท่าเรือเรียมเป็นฐานทัพสู้จีน
สถานการณ์ปัจจุบัน (ธ.ค. 2025) สหรัฐฯ แสดงความกังวลอย่างหนักต่อการที่จีนเข้าใช้ ฐานทัพเรือเรียม (Ream Naval Base) แบบเอกซ์คลูซีฟ แต่ยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ในกัมพูชาเน้นไปที่การ "บีบให้เปลี่ยนข้าง" ผ่านการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและการกดดันรัฐบาลฮุน มาเนต
เป้าหมาย สกัดกั้นไม่ให้จีนมีฐานทัพเรือในอ่าวไทย ซึ่งจะคุกคามเส้นทางเดินเรือหลักและอิทธิพลของสหรัฐฯ ในอาเซียน
โอกาสเป็นไปได้= 20% (ในเชิงการใช้กำลังยึด) สหรัฐฯ มีแนวโน้มจะใช้ "สงครามตัวแทน" หรือการสนับสนุนฝ่ายค้านเพื่อเปลี่ยนรัฐบาลมากกว่าการเข้ายึดเอง
4. แผนต่อไปคือ แคนาดา: ขู่หรือเอาจริง?
สถานการณ์ปัจจุบัน (ธ.ค. 2025) เกิด "สงครามการค้าสหรัฐฯ-แคนาดา" อย่างรุนแรง ทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าจากแคนาดา 25% และขู่จะผนวกแคนาดาเป็นรัฐที่ 51 หากแคนาดาไม่ยอมจัดการปัญหาพรมแดนและการรั่วไหลของยาเสพติด (Fentanyl)
เป้าหมาย บีบให้แคนาดายอมสยบในเชิงนโยบายเศรษฐกิจและความมั่นคง เพื่อสร้าง "Fortress North America" (อเมริกาเหนือป้อมปราการ)
โอกาสเป็นไปได้= 90% (ในเชิงการบีบให้เป็นรัฐบริวารทางเศรษฐกิจ) แต่การยึดดินแดนจริงๆ ยังถูกมองว่าเป็นเครื่องมือในการเจรจา (Leverage) มากกว่าแผนการทหาร
📊 สรุปภาพรวม = ขู่หรือแผ่อำนาจ?
ยุทธศาสตร์ของทรัมป์ในปี 2025 ไม่ใช่แค่การ "ขู่" แต่คือ
"การทำธุรกิจแบบมาเฟียในระดับรัฐ" (Mercantilist Statecraft) ครับ
ประเด็น
ลักษณะของแผนงาน
การขู่ (Bluffing)
ใช้เพื่อสร้างความได้เปรียบในการเจรจา เช่น การขู่ยึดแคนาดา หรือซื้อกรีนแลนด์
การแผ่อำนาจ (Expansion)
ทำจริงในส่วนของ "ทรัพยากร" (น้ำมัน, แร่ธาตุ) โดยใช้กำแพงภาษีและการคว่ำบาตรเป็นอาวุธหลักแทนปืน
ข้อสรุป อเมริกาในตอนนี้กำลังดำเนินแผน "ยึดทรัพยากรโลกเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้ตนเอง"
โดยมองข้ามระเบียบโลกเดิม (Rules-based Order) และเน้นผลประโยชน์ที่จับต้องได้เป็นหลักครับ
แสดงความคิดเห็น
วิเคราะห์แผนยุทธศาสตร์ของอเมริกาคืออะไร แค่ยึดเวเน เอาน้ำมัน ยึดกรีนแลนด์เอาแรร์เอิร์ท ยึดกัมพูชา เอาฐานทัพหรือไม่
1.แค่ยึดเวเนซุเอลา เอาน้ำมัน สู้รัสเซีย
2.ยึดกรีนแลนด์เอาแรร์เอิร์ท สู้จีน
3.ยึดกัมพูชา เอาท่าเรือเรียมเป็น ฐานทัพสู้จีน หรือไม่
แผนต่อไปของทรัมป์ คือ อิหร่าน หรือ แคนาดา