สวนดุสิตโพลเผยคนไทย 78% ตั้งใจเลือกตั้ง 69 ชู “ณัฐพงษ์” นายกฯ ในดวงใจ
https://www.dailynews.co.th/news/5449887/
.
.
สวนดุสิตโพลเปิดผลสำรวจส่งท้ายปี 68 ดัชนีการเมืองร่วงเหลือ 3.87 คะแนน พบประชาชนตื่นตัวโหมดเลือกตั้งพุ่งสูง แต่กังวลหนักปัญหาทุจริต-ปากท้อง เผย “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” นำโด่งบุคคลที่อยากให้เป็นนายกฯ มากที่สุด ขณะที่นักวิชาการห่วงคนเกือบ 40% ยังไม่รู้ สว. หมดอำนาจโหวตนายกฯ ชี้เลือกตั้ง 69 คือการ “โหวตเพื่อเอาตัวรอด” จากวิกฤติเศรษฐกิจ
.
เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนธันวาคม 2568” กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 2,151 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 22-26
.
ธันวาคม 2568 พบว่า กลุ่มตัวอย่างให้คะแนนภาพรวมดัชนีการเมืองไทยประจำเดือนธันวาคม 2568 เฉลี่ย 3.87 คะแนน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2568 ที่ได้ 3.90 คะแนน ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนสูงสุด คือ การมีส่วนร่วมของประชาชน เฉลี่ย 4.46 คะแนน ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนต่ำสุด คือ
.
การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ความโปร่งใส 3.39 คะแนน เมื่อถามถึงการเลือกตั้งในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 พบว่า กลุ่มตัวอย่าง ตั้งใจจะไปใช้สิทธิ ร้อยละ 78.38 และอยากให้รัฐบาลชุดใหม่ดำเนินนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจมากที่สุด ร้อยละ 34.11 ทั้งนี้บุคคลที่อยากให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป คือ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ร้อยละ 26.55
.
และเมื่อถามว่ารู้หรือไม่ว่าการเลือกตั้ง 69 สว.ไม่มีอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรี กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ตอบว่า รู้ ร้อยละ 62.72 และไม่รู้ ร้อยละ 37.28
.
ดร.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ดัชนีการเมืองไทยประจำเดือนธันวาคม 2568 ลดลงเล็กน้อยหลังการยุบสภา สะท้อนการเมืองที่กำลังเคลื่อนเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง โดยประชาชนส่งสัญญาณชัดว่าความหวังอยู่ที่
.
“เศรษฐกิจ” เพราะปัญหาปากท้องยังบีบคั้นชีวิตประจำวัน และพรรคใดเสนอทางออกที่จับต้องได้ แก้ได้จริง ไม่ใช่เพียงนโยบายเฉพาะหน้า ก็อาจได้เปรียบในสายตาผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
.
ดร.งามประวัณ เอ้สมนึก คณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า ดัชนีการเมืองไทยเดือนธันวาคม 2568 มีเพียงไม่กี่ตัวชี้วัดที่ขยับเพิ่มขึ้น คือ “การมีส่วนร่วมของประชาชน” และ“สิทธิ–เสรีภาพ” การขยับดังกล่าวมิได้สะท้อนความสำเร็จของรัฐบาลเดิม
.
หากสะท้อนการตื่นตัวของสังคมในช่วงหลังยุบสภาและก่อนเลือกตั้ง การเมืองกำลังกลับมาอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้คน ผ่านเวทีดีเบตและการถกเถียงสาธารณะ ขณะเดียวกัน ตัวชี้วัดเกือบทั้งระบบกลับปรับลดลงพร้อมกัน ภาพรวมจึงชี้ว่าประชาชนเริ่มรับรู้ว่า “รัฐบาลเดิมกำลังเอาไม่อยู่” ต่ออำนาจนอกระบบและความ ไม่แน่นอนเชิงโครงสร้าง นี่คือเหตุผลเชิงลึกที่ทำให้สังคมไทยกำลังมองหา “ผู้นำทางการเมืองชุดใหม่” ทั้งนี้ แม้ประชาชนกว่า 78% จะตั้งใจไปเลือกตั้ง แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ถูกมองเป็นเครื่องมือเพื่อเอาตัวรอดมากกว่าพิธีกรรมประชาธิปไตยเพราะความต้องการอันดับต้นล้วนเป็นเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง ความปลอดภัย และปัญหาชายแดน สะท้อนการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการโหวตจากความกังวล
.
มากกว่าการโหวตจากอุดมการณ์ ประชาชนเกือบหนึ่งในห้ายังลังเลต่อทางเลือกผู้นำ และที่น่ากังวลใจอย่างยิ่ง คือ กว่า 37% ยังไม่ทราบว่า สว. ไม่มีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรี แสดงว่าประชาชนยังไม่เข้าใจบทบาทที่แท้จริงของ สว. และ นี่คือภาพของประชาธิปไตยเชิงพิธีกรรมที่ประชาชนยังเข้าไม่ถึงโครงสร้างอำนาจ ดังนั้น การเลือกตั้ง 2569
.
จึงเป็นการทดสอบว่าระบบการเมืองยังพาประเทศไปสู่ความมั่นคงได้จริงหรือไม่.
.
.
นิด้าโพล ชี้ คนโคราช 40.58% ยังหาคนเหมาะนั่งนายกฯไม่ได้ อนุทิน-เท้ง คะแนนสูสี
https://www.matichon.co.th/politics/election69/news_5525404
.
นิด้าโพล ชี้ คนโคราช 40.58% ยังหาคนเหมาะนั่งนายกฯไม่ได้ อนุทิน-เท้ง คะแนนสูสี
.
เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจเรื่อง “
เลือกตั้ง 69 ของคนโคราช” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 18 – 22 ธันวาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในจังหวัดนครราชสีมา กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,067 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ปี 69 ของคนจังหวัดนครราชสีมา การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่าง โดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความคลาดเคลื่อนไม่เกิน 0.05 ที่ระดับความเชื่อมั่น ร้อยละ 95.0
.
จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่คนนครราชสีมาจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 40.58 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 2 ร้อยละ 13.59 ระบุว่าเป็น นาย
อนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) อันดับ 3 ร้อยละ 13.31 ระบุว่าเป็น นาย
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (พรรคประชาชน) อันดับ 4 ร้อยละ 5.81 ระบุว่าเป็น นาย
ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ (พรรคเพื่อไทย) อันดับ 5 ร้อยละ 5.72 ระบุว่าเป็น พลเอก
รังษี กิติญาณทรัพย์ (พรรคเศรษฐกิจ) อันดับ 6 ร้อยละ 4.88 ระบุว่าเป็น นาย
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พรรคประชาธิปัตย์) อันดับ 7 ร้อยละ 3.84 ระบุว่าเป็น นาย
จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ (พรรคเพื่อไทย) อันดับ 8 ร้อยละ 2.16 ระบุว่าเป็น พลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา อันดับ 9 ร้อยละ 2.06 ระบุว่าเป็น คุณหญิง
สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) อันดับ 10 ร้อยละ 1.31 ระบุว่าเป็น นาย
พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (พรรครวมไทยสร้างชาติ)
.
อันดับ 11 ร้อยละ 1.12 ระบุว่าเป็น นาย
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ (พรรคเพื่อไทย) อันดับ 12 ร้อยละ 1.03 ระบุว่าเป็น นางสาว
ศิริกัญญา ตันสกุล (พรรคประชาชน) และร้อยละ 3.84 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ นางสาว
ศุภจี สุธรรมพันธุ์ นาย
เทวัญ ลิปตพัลลภ (พรรคเพื่อไทย) พลเอก
ประวิตร วงษ์สุวรรณ (พรรคพลังประชารัฐ) ดร.
สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ (พรรคไทยก้าวใหม่) นายแพทย์
วรงค์ เดชกิจวิกรม (พรรคไทยภักดี) นาย
วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร (พรรคประชาชน) พลโท
บุญสิน พาดกลาง นาย
จตุพร บุรุษพัฒน์ (พรรคโอกาสใหม่) นาย
กัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ (กัน จอมพลัง) นาย
วราวุธ ศิลปอาชา (พรรคภูมิใจไทย) และไม่ประสงค์ลงคะแนน (Vote No) และร้อยละ 0.75 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
.
สำหรับพรรคการเมืองที่คนนครราชสีมามีแนวโน้มในการเลือก ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 31.01 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ อันดับ 2 ร้อยละ 20.06 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 3 ร้อยละ 17.43 ระบุว่าเป็น พรรคประชาชน อันดับ 4 ร้อยละ 14.34 ระบุว่าเป็น พรรคภูมิใจไทย อันดับ 5 ร้อยละ 5.44 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 6 ร้อยละ 4.69 ระบุว่าเป็น พรรคเศรษฐกิจ อันดับ 7 ร้อยละ 2.44 ระบุว่าเป็น พรรครวมไทยสร้างชาติ อันดับ 8 ร้อยละ 1.22 ระบุว่าเป็น พรรคไทยสร้างไทย และร้อยละ 3.37 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พรรคชาติพัฒนา พรรคพลังประชารัฐ พรรคไทยภักดี พรรคไทยก้าวใหม่ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคประชาชาติ พรรคไทรวมพลัง และไม่ประสงค์ลงคะแนน (Vote No)
.
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่คนนครราชสีมามีแนวโน้มในการเลือก สส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 34.86 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ อันดับ 2 ร้อยละ 22.40 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 3 ร้อยละ 16.40 ระบุว่าเป็น พรรคประชาชน อันดับ 4 ร้อยละ 12.09 ระบุว่าเป็น พรรคภูมิใจไทย อันดับ 5 ร้อยละ 4.22 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 6 ร้อยละ 3.66 ระบุว่าเป็น พรรคเศรษฐกิจ อันดับ 7 ร้อยละ 2.53 ระบุว่าเป็น พรรครวมไทยสร้างชาติ อันดับ 8 ร้อยละ 1.12 ระบุว่าเป็น พรรคชาติพัฒนา และร้อยละ 2.72 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พรรคพลังประชารัฐ พรรคไทยสร้างไทย พรรคไทยภักดี พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคไทยก้าวใหม่ พรรคไทรวมพลัง พรรครักชาติ และไม่ประสงค์ลงคะแนน (Vote No)
.
เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่างทั้งหมดมีภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านอยู่จังหวัดนครราชสีมา โดยตัวอย่าง ร้อยละ 48.45 เป็นเพศชาย และร้อยละ 51.55 เป็นเพศหญิง
.
ตัวอย่าง ร้อยละ 8.43 อายุ 18-25 ปี ร้อยละ 16.21 อายุ 26-35 ปี ร้อยละ 18.09 อายุ 36-45 ปี ร้อยละ 28.97 อายุ 46-59 ปี และร้อยละ 28.30 อายุ 60 ปีขึ้นไป โดยตัวอย่าง ร้อยละ 99.34 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 0.28 นับถือศาสนาอิสลาม และร้อยละ 0.38 นับถือศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่น ๆ
.
ตัวอย่าง ร้อยละ 30.83 สถานภาพโสด ร้อยละ 66.73 สมรส และร้อยละ 2.44 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ โดยตัวอย่าง ร้อยละ 0.66 ไม่ได้รับการศึกษา ร้อยละ 29.90 จบการศึกษาประถมศึกษา ร้อยละ 37.02 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 6.09 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 23.24 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 3.09 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี
.
ตัวอย่าง ร้อยละ 9.00 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 14.15 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 18.93 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 16.12 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 20.15 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 17.53 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน และร้อยละ 4.12 เป็นนักเรียน/นักศึกษา
.
ตัวอย่าง ร้อยละ 18.93 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 7.31 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 5,000 บาท ร้อยละ 17.90 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 5,001-10,000 บาท ร้อยละ 33.65 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 7.97 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 4.97 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 2.44 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001-50,000 บาท ร้อยละ 0.28 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 50,001-60,000 บาท ร้อยละ 0.08 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 60,001-70,000 บาท ร้อยละ 0.19 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 70,001-80,000 บาท ร้อยละ 0.47 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 80,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 5.81 ไม่ระบุรายได้
.
.
เลือกตั้งพม่าเดือด กองกำลังไม่ทราบฝ่าย ใช้โดรนพลีชีพ ถล่มสนง.พรรคฝ่ายทหาร-หน่วยเลือกตั้ง
https://www.matichon.co.th/foreign/news_5525390
.
เลือกตั้งเมียนมาไม่ราบรื่น กองกำลังไม่ทราบฝ่ายใช้โดรนพลีชีพถล่มเมียวดี 3 ลูก 3 จุด บ้าน รถ สำนักงานพรรคการเมือง และหน่วยเลือกตั้งเสียหายยับเยิน
.
เมื่อเวลา 21.19 น. ตามเวลาท้องถิ่นประเทศเมียนมา คืนวันที่ 27 ธันวาคม ได้เกิดเหตุกองกำลังไม่ทราบฝ่ายใช้โดรนพลีชีพหรือ โดรนกามิกาเซ่ บินถล่มพื้นที่สำนักงานพรรคการเมืองของฝ่ายทหารเมียนมา ในพื้นที่หมู่ที่ 4 อ.เมืองเมียวดี จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา ตรงข้าม บ้านริมเมย ตำบลท่าสายลวด อ.แม่สอด จังหวัดตาก
.
ลูกที่ 2 บริเวณหน่วยเลือกตั้งใกล้โรงเรียนในเมืองเมียวดี หมู่ที่ 4 และจุดที่ 3 บริเวณหน่วยเลือกตั้ง ใกล้บ่อนกาสิโน เมียวดีคอมเพล็กซ์ ตรงข้ามบ้านท่าอาจ ตำบลท่าสายลวด การระเบิดด้วยโดรนพลีชีพครั้งนี้ ยังไม่มีฝ่ายใดออกมารับผิดชอบ ขณะที่ฝ่ายเมียนมาเชื่อว่า เป็นฝีมือของกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง(เคเอ็นยู.) ที่ต้องการสร้างความไม่สงบในช่วงการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 28 ธันวาคม
JJNY : ดุสิตโพลเผย 78% ชู “ณัฐพงษ์”│นิด้าโพลชี้โคราช 40.58% ยังหาไม่ได้│เลือกตั้งพม่าเดือด│เตือนฝนตกหนัก อากาศเย็น
https://www.dailynews.co.th/news/5449887/
.
สวนดุสิตโพลเปิดผลสำรวจส่งท้ายปี 68 ดัชนีการเมืองร่วงเหลือ 3.87 คะแนน พบประชาชนตื่นตัวโหมดเลือกตั้งพุ่งสูง แต่กังวลหนักปัญหาทุจริต-ปากท้อง เผย “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” นำโด่งบุคคลที่อยากให้เป็นนายกฯ มากที่สุด ขณะที่นักวิชาการห่วงคนเกือบ 40% ยังไม่รู้ สว. หมดอำนาจโหวตนายกฯ ชี้เลือกตั้ง 69 คือการ “โหวตเพื่อเอาตัวรอด” จากวิกฤติเศรษฐกิจ
.
เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนธันวาคม 2568” กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 2,151 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 22-26
.
ธันวาคม 2568 พบว่า กลุ่มตัวอย่างให้คะแนนภาพรวมดัชนีการเมืองไทยประจำเดือนธันวาคม 2568 เฉลี่ย 3.87 คะแนน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2568 ที่ได้ 3.90 คะแนน ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนสูงสุด คือ การมีส่วนร่วมของประชาชน เฉลี่ย 4.46 คะแนน ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนต่ำสุด คือ
.
การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ความโปร่งใส 3.39 คะแนน เมื่อถามถึงการเลือกตั้งในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 พบว่า กลุ่มตัวอย่าง ตั้งใจจะไปใช้สิทธิ ร้อยละ 78.38 และอยากให้รัฐบาลชุดใหม่ดำเนินนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจมากที่สุด ร้อยละ 34.11 ทั้งนี้บุคคลที่อยากให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป คือ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ร้อยละ 26.55
.
และเมื่อถามว่ารู้หรือไม่ว่าการเลือกตั้ง 69 สว.ไม่มีอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรี กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ตอบว่า รู้ ร้อยละ 62.72 และไม่รู้ ร้อยละ 37.28
.
ดร.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ดัชนีการเมืองไทยประจำเดือนธันวาคม 2568 ลดลงเล็กน้อยหลังการยุบสภา สะท้อนการเมืองที่กำลังเคลื่อนเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง โดยประชาชนส่งสัญญาณชัดว่าความหวังอยู่ที่
.
“เศรษฐกิจ” เพราะปัญหาปากท้องยังบีบคั้นชีวิตประจำวัน และพรรคใดเสนอทางออกที่จับต้องได้ แก้ได้จริง ไม่ใช่เพียงนโยบายเฉพาะหน้า ก็อาจได้เปรียบในสายตาผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
.
ดร.งามประวัณ เอ้สมนึก คณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า ดัชนีการเมืองไทยเดือนธันวาคม 2568 มีเพียงไม่กี่ตัวชี้วัดที่ขยับเพิ่มขึ้น คือ “การมีส่วนร่วมของประชาชน” และ“สิทธิ–เสรีภาพ” การขยับดังกล่าวมิได้สะท้อนความสำเร็จของรัฐบาลเดิม
.
หากสะท้อนการตื่นตัวของสังคมในช่วงหลังยุบสภาและก่อนเลือกตั้ง การเมืองกำลังกลับมาอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้คน ผ่านเวทีดีเบตและการถกเถียงสาธารณะ ขณะเดียวกัน ตัวชี้วัดเกือบทั้งระบบกลับปรับลดลงพร้อมกัน ภาพรวมจึงชี้ว่าประชาชนเริ่มรับรู้ว่า “รัฐบาลเดิมกำลังเอาไม่อยู่” ต่ออำนาจนอกระบบและความ ไม่แน่นอนเชิงโครงสร้าง นี่คือเหตุผลเชิงลึกที่ทำให้สังคมไทยกำลังมองหา “ผู้นำทางการเมืองชุดใหม่” ทั้งนี้ แม้ประชาชนกว่า 78% จะตั้งใจไปเลือกตั้ง แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ถูกมองเป็นเครื่องมือเพื่อเอาตัวรอดมากกว่าพิธีกรรมประชาธิปไตยเพราะความต้องการอันดับต้นล้วนเป็นเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง ความปลอดภัย และปัญหาชายแดน สะท้อนการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการโหวตจากความกังวล
.
มากกว่าการโหวตจากอุดมการณ์ ประชาชนเกือบหนึ่งในห้ายังลังเลต่อทางเลือกผู้นำ และที่น่ากังวลใจอย่างยิ่ง คือ กว่า 37% ยังไม่ทราบว่า สว. ไม่มีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรี แสดงว่าประชาชนยังไม่เข้าใจบทบาทที่แท้จริงของ สว. และ นี่คือภาพของประชาธิปไตยเชิงพิธีกรรมที่ประชาชนยังเข้าไม่ถึงโครงสร้างอำนาจ ดังนั้น การเลือกตั้ง 2569
.
จึงเป็นการทดสอบว่าระบบการเมืองยังพาประเทศไปสู่ความมั่นคงได้จริงหรือไม่.
.
.
นิด้าโพล ชี้ คนโคราช 40.58% ยังหาคนเหมาะนั่งนายกฯไม่ได้ อนุทิน-เท้ง คะแนนสูสี
https://www.matichon.co.th/politics/election69/news_5525404
.
นิด้าโพล ชี้ คนโคราช 40.58% ยังหาคนเหมาะนั่งนายกฯไม่ได้ อนุทิน-เท้ง คะแนนสูสี
.
เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจเรื่อง “เลือกตั้ง 69 ของคนโคราช” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 18 – 22 ธันวาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในจังหวัดนครราชสีมา กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,067 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ปี 69 ของคนจังหวัดนครราชสีมา การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่าง โดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความคลาดเคลื่อนไม่เกิน 0.05 ที่ระดับความเชื่อมั่น ร้อยละ 95.0
.
จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่คนนครราชสีมาจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 40.58 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 2 ร้อยละ 13.59 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) อันดับ 3 ร้อยละ 13.31 ระบุว่าเป็น นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (พรรคประชาชน) อันดับ 4 ร้อยละ 5.81 ระบุว่าเป็น นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ (พรรคเพื่อไทย) อันดับ 5 ร้อยละ 5.72 ระบุว่าเป็น พลเอกรังษี กิติญาณทรัพย์ (พรรคเศรษฐกิจ) อันดับ 6 ร้อยละ 4.88 ระบุว่าเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พรรคประชาธิปัตย์) อันดับ 7 ร้อยละ 3.84 ระบุว่าเป็น นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ (พรรคเพื่อไทย) อันดับ 8 ร้อยละ 2.16 ระบุว่าเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อันดับ 9 ร้อยละ 2.06 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) อันดับ 10 ร้อยละ 1.31 ระบุว่าเป็น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (พรรครวมไทยสร้างชาติ)
.
อันดับ 11 ร้อยละ 1.12 ระบุว่าเป็น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ (พรรคเพื่อไทย) อันดับ 12 ร้อยละ 1.03 ระบุว่าเป็น นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล (พรรคประชาชน) และร้อยละ 3.84 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ นางสาวศุภจี สุธรรมพันธุ์ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ (พรรคเพื่อไทย) พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ (พรรคพลังประชารัฐ) ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ (พรรคไทยก้าวใหม่) นายแพทย์ วรงค์ เดชกิจวิกรม (พรรคไทยภักดี) นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร (พรรคประชาชน) พลโทบุญสิน พาดกลาง นายจตุพร บุรุษพัฒน์ (พรรคโอกาสใหม่) นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ (กัน จอมพลัง) นายวราวุธ ศิลปอาชา (พรรคภูมิใจไทย) และไม่ประสงค์ลงคะแนน (Vote No) และร้อยละ 0.75 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
.
สำหรับพรรคการเมืองที่คนนครราชสีมามีแนวโน้มในการเลือก ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 31.01 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ อันดับ 2 ร้อยละ 20.06 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 3 ร้อยละ 17.43 ระบุว่าเป็น พรรคประชาชน อันดับ 4 ร้อยละ 14.34 ระบุว่าเป็น พรรคภูมิใจไทย อันดับ 5 ร้อยละ 5.44 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 6 ร้อยละ 4.69 ระบุว่าเป็น พรรคเศรษฐกิจ อันดับ 7 ร้อยละ 2.44 ระบุว่าเป็น พรรครวมไทยสร้างชาติ อันดับ 8 ร้อยละ 1.22 ระบุว่าเป็น พรรคไทยสร้างไทย และร้อยละ 3.37 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พรรคชาติพัฒนา พรรคพลังประชารัฐ พรรคไทยภักดี พรรคไทยก้าวใหม่ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคประชาชาติ พรรคไทรวมพลัง และไม่ประสงค์ลงคะแนน (Vote No)
.
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่คนนครราชสีมามีแนวโน้มในการเลือก สส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 34.86 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ อันดับ 2 ร้อยละ 22.40 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 3 ร้อยละ 16.40 ระบุว่าเป็น พรรคประชาชน อันดับ 4 ร้อยละ 12.09 ระบุว่าเป็น พรรคภูมิใจไทย อันดับ 5 ร้อยละ 4.22 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 6 ร้อยละ 3.66 ระบุว่าเป็น พรรคเศรษฐกิจ อันดับ 7 ร้อยละ 2.53 ระบุว่าเป็น พรรครวมไทยสร้างชาติ อันดับ 8 ร้อยละ 1.12 ระบุว่าเป็น พรรคชาติพัฒนา และร้อยละ 2.72 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พรรคพลังประชารัฐ พรรคไทยสร้างไทย พรรคไทยภักดี พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคไทยก้าวใหม่ พรรคไทรวมพลัง พรรครักชาติ และไม่ประสงค์ลงคะแนน (Vote No)
.
เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่างทั้งหมดมีภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านอยู่จังหวัดนครราชสีมา โดยตัวอย่าง ร้อยละ 48.45 เป็นเพศชาย และร้อยละ 51.55 เป็นเพศหญิง
.
ตัวอย่าง ร้อยละ 8.43 อายุ 18-25 ปี ร้อยละ 16.21 อายุ 26-35 ปี ร้อยละ 18.09 อายุ 36-45 ปี ร้อยละ 28.97 อายุ 46-59 ปี และร้อยละ 28.30 อายุ 60 ปีขึ้นไป โดยตัวอย่าง ร้อยละ 99.34 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 0.28 นับถือศาสนาอิสลาม และร้อยละ 0.38 นับถือศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่น ๆ
.
ตัวอย่าง ร้อยละ 30.83 สถานภาพโสด ร้อยละ 66.73 สมรส และร้อยละ 2.44 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ โดยตัวอย่าง ร้อยละ 0.66 ไม่ได้รับการศึกษา ร้อยละ 29.90 จบการศึกษาประถมศึกษา ร้อยละ 37.02 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 6.09 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 23.24 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 3.09 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี
.
ตัวอย่าง ร้อยละ 9.00 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 14.15 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 18.93 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 16.12 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 20.15 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 17.53 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน และร้อยละ 4.12 เป็นนักเรียน/นักศึกษา
.
ตัวอย่าง ร้อยละ 18.93 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 7.31 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 5,000 บาท ร้อยละ 17.90 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 5,001-10,000 บาท ร้อยละ 33.65 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 7.97 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 4.97 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 2.44 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001-50,000 บาท ร้อยละ 0.28 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 50,001-60,000 บาท ร้อยละ 0.08 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 60,001-70,000 บาท ร้อยละ 0.19 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 70,001-80,000 บาท ร้อยละ 0.47 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 80,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 5.81 ไม่ระบุรายได้
.
.
เลือกตั้งพม่าเดือด กองกำลังไม่ทราบฝ่าย ใช้โดรนพลีชีพ ถล่มสนง.พรรคฝ่ายทหาร-หน่วยเลือกตั้ง
https://www.matichon.co.th/foreign/news_5525390
.
เลือกตั้งเมียนมาไม่ราบรื่น กองกำลังไม่ทราบฝ่ายใช้โดรนพลีชีพถล่มเมียวดี 3 ลูก 3 จุด บ้าน รถ สำนักงานพรรคการเมือง และหน่วยเลือกตั้งเสียหายยับเยิน
.
เมื่อเวลา 21.19 น. ตามเวลาท้องถิ่นประเทศเมียนมา คืนวันที่ 27 ธันวาคม ได้เกิดเหตุกองกำลังไม่ทราบฝ่ายใช้โดรนพลีชีพหรือ โดรนกามิกาเซ่ บินถล่มพื้นที่สำนักงานพรรคการเมืองของฝ่ายทหารเมียนมา ในพื้นที่หมู่ที่ 4 อ.เมืองเมียวดี จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา ตรงข้าม บ้านริมเมย ตำบลท่าสายลวด อ.แม่สอด จังหวัดตาก
.
ลูกที่ 2 บริเวณหน่วยเลือกตั้งใกล้โรงเรียนในเมืองเมียวดี หมู่ที่ 4 และจุดที่ 3 บริเวณหน่วยเลือกตั้ง ใกล้บ่อนกาสิโน เมียวดีคอมเพล็กซ์ ตรงข้ามบ้านท่าอาจ ตำบลท่าสายลวด การระเบิดด้วยโดรนพลีชีพครั้งนี้ ยังไม่มีฝ่ายใดออกมารับผิดชอบ ขณะที่ฝ่ายเมียนมาเชื่อว่า เป็นฝีมือของกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง(เคเอ็นยู.) ที่ต้องการสร้างความไม่สงบในช่วงการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 28 ธันวาคม