ปี 2568 ที่กำลังจะผ่านไป นับเป็นอีกปีที่เต็มไปด้วยความท้าทาย และมีเหตุการณ์คาดไม่ถึงมากมาย ในแวดวงไอที และโทรคมนาคมไทยก็มี “บิ๊กเซอร์ไพรส์” หลายครั้งด้วยกัน
“ประชาชาติธุรกิจ” ส่งท้ายปี 2568 ด้วยรีแคป 7 เหตุการณ์ “ที่สุดแห่งปี” ที่อยู่ในความสนใจของผู้คน ดังนี้
ไอที-สื่อสาร “ผลัดใบ”
หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงใหญ่ ๆ ที่เกิดขึ้นในแวดวงไอที และโทรคมนาคมปีนี้ คือหลายบริษัทเข้าสู่ฤดูกาล “ผลัดใบ” ปรับโครงสร้าง และเปลี่ยนตัว “แม่ทัพ” ผู้กุมบังเหียนการขับเคลื่อนองค์กร
ในกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม การคัมแบ็กของ “ซิกเว่ เบรกเก้” อดีตซีอีโอเครือเทเลนอร์ และโคซีอีโอดีแทค นับเป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของหลายคน
“ซิกเว่” ตัดสินใจกลับมารับตำแหน่งประธานกรรมการบริหารกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม และดิจิทัล เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซี.พี. และประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น โดยมีภารกิจสำคัญในการทรานส์ฟอร์ม “ทรู” (หลังควบรวมกับดีแทค) จากบริษัทโทรคมนาคม สู่บริษัทเทคโนโลยีในระดับภูมิภาค หรือระดับโลก
ฝั่ง “เอไอเอส” (AIS) ก็เข้าสู่การเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญเช่นกัน เมื่อ “สมชัย เลิศสุทธิวงค์” ผู้ครองตำแหน่งซีอีโอกว่า 11 ปี ส่งไม้ต่อให้ “ปรัธนา ลีลพนัง” ผู้บริหารคนสำคัญที่อยู่กับ AIS มาหลายยุค รับหน้าที่ดำรงตำแหน่งซีอีโอคนใหม่ ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา
ในยุคของ “ปรัธนา” AIS เข้ามาสานต่อเป้าหมายในการปรับองค์กรเข้าสู่ “Cognitive Tech-Co” เต็มรูปแบบ ไม่ได้เป็นเพียงผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ แต่ยังมีธุรกิจอื่น ๆ ที่เกาะเกี่ยวกับชีวิตผู้คนทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นค้าปลีก (รีเทล) ความบันเทิง (AIS Play) และการเงินดิจิทัลที่ร่วมกับแบงก์กรุงไทย และ ปตท.โออาร์ จนได้ใบอนุญาตจัดตั้งธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
ในฝั่งของธุรกิจแพลตฟอร์ม “แกร็บ ประเทศไทย” (Grab) แต่งตั้งอีกหนึ่งลูกหม้อ ขึ้นมานำทัพในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ เช่นกัน นั่นคือ “จันต์สุดา ธนานิตยะอุดม” แทน “วรฉัตร ลักขณาโรจน์” ที่ตัดสินใจลาออกและไปร่วมงานกับ “แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล” ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีทางการเงินระดับโลกในตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร (Group CEO) ของ “2C2P” ส่งผลให้ปีที่ 12 ของแกร็บ ประเทศไทย มีเอ็มดี “ผู้หญิง” เป็นครั้งแรก
“ไลน์ ประเทศไทย” (LINE) แต่งตั้ง “นรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร” ที่ร่วมงานกับ LINE มาตั้งแต่ปี 2560 เป็นซีอีโอคนใหม่ เพื่อผลักดันธุรกิจของ LINE ให้ตอบโจทย์ชีวิตบนโลกดิจิทัลมากขึ้น หรือในฝั่งของธุรกิจสตรีมมิ่ง “เทนเซ็นต์” แต่งตั้ง “ณัฐพร รุ่งขจรกลิ่น” ที่เคยร่วมงานกับ BEC World เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการ WeTV ประจำประเทศไทย เพื่อดูแลเรื่องการวางแผนด้านกลยุทธ์โดยเฉพาะ
และเมื่อ 2 เดือนก่อน “กูเกิล ประเทศไทย” (Google) ก็ได้ “ราฟาเอล ซิสโลว์สกี” ผู้บริหารที่เชี่ยวชาญในสายงาน Marketing & Sales และเคยร่วมงานกับองค์กรชั้นนำมากมาย เช่น P&G, LEGO Group และ Grab มารับตำแหน่ง Country Manager คนใหม่ จึงน่าติดตามว่าการนำทัพของเขาจะพา Google เติบโตไปในทิศทางใด
ศึกชิง King of Sports
หลังจากปลายปีก่อน บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ JAS คว้าสิทธิในการถ่ายทอดสดภาพและเสียงรายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ อังกฤษ สำหรับฤดูกาล 2025/26 เป็นต้นไป เท่ากับจุดพลุการแข่งขันในสมรภูมิคอนเทนต์ที่จะดุเดือดมากขึ้นแน่
ชัดเจนขึ้นเมื่อ ในเดือน เม.ย. 2568 AIS ประกาศเป็น Strategic Partnership ในการถ่ายทอดสด ฟุตบอล พรีเมียร์ลีกกับ JAS เพื่อดึงหนึ่งในคอนเทนต์กีฬาที่มีฐานแฟนคลับมากสุดในโลก เข้าสู่พอร์ตของ AIS Play เปิดศึกชิงตำแหน่ง “King of Sports” จาก “ทรูวิชั่นส์” ในเครือทรู ที่ถือสิทธิมาตั้งแต่ฤดูกาล 2019/2020
ที่สำคัญ AIS ยังใจป้ำหั่นราคาแพ็กเกจแบบ “จับต้องได้” สุดแรง เพื่อมัดใจแฟนลูกหนัง ด้วยแพ็กเกจ “PLAY MONOMAX Standard” ราคา 199 บาท/เดือน (ปกติ 299 บาท) หรือ 1,999 บาท/ปี (ปกติ 2,999 บาท) จนถึงวันที่ 31 พ.ค. 2569
นั่นทำให้ “ทรูวิชั่นส์” หลังเสียหนึ่งในคอนเทนต์แม่เหล็ก ต้องลุกขึ้นมาปรับโฟกัสสู่การเป็น “King of Contents” ที่มีคอนเทนต์ครอบคลุมทุกประเภท ทั้งกีฬาและความบันเทิงรวมถึงเปิดตัวแพ็กเกจ “NOW” เริ่มต้นเดือนละ 99 บาท เพื่อทำให้คนไทยเข้าถึงการใช้งานบริการสตรีมมิ่งมากขึ้น
จุดพลุ Cell Broadcast
เหตุการณ์ “แผ่นดินไหว” ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือน มี.ค. 2568 ปลุกความสนใจของผู้คนเกี่ยวกับความคืบหน้าของระบบแจ้งเตือนภัย “Cell Broadcast” ที่ค้างท่อมานาน หลายคนตั้งคำถามว่า ทำไมระบบนี้ถึง “ไม่เกิด” ในไทยสักที เพราะถ้ามีการเตือนภัยให้รู้ล่วงหน้าก็จะสามารถลดความเสียหาย และรับมือได้อย่างทันท่วงที
หลังเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านพ้นไป ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือต่างเร่งทดสอบในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อให้ระบบใช้ได้จริง
จนในที่สุดประเทศไทยก็มีระบบแจ้งเตือนภัย “Cell Broadcast” ใช้แล้วอย่างเป็นทางการ ซึ่งที่ผ่านมามีการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการเกิดภัยพิบัติแล้ว เช่น แจ้งเตือนภัยน้ำท่วมฉับพลัน พื้นที่ อ.ภูกระดึง จ.เลย เมื่อเดือน พ.ค. 2568 เป็นต้น
“ฟู้ดแพนด้า” โบกมือลาไทย
สำหรับข่าวใหญ่ในแวดวง “ฟู้ด ดีลิเวอรี่” หนีไม่พ้นการปิดตัวของ “ฟู้ดแพนด้า” (foodpanda) แพลตฟอร์มในเครือ Delivery Hero ที่กรุยทางทำตลาดในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2557 แต่ไม่มีปีไหนทำกำไรเลย จนขาดทุนสะสมกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
“ยอด ชินสุภัคกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม “ไลน์แมน” (LINE MAN) มองว่า การถอนตัวของฟู้ดแพนด้า ทำให้อุตสาหกรรมฟู้ดดีลิเวอรี่ของไทยเข้าสู่การแข่งขันแบบ Duopoly (สถานการณ์ที่ในตลาดมีผู้ขายสินค้าประเภทเดียวกันเพียงสองราย) อย่างชัดเจน และอาจเป็นจุดเปลี่ยนจาก “สงครามราคา” สู่ “สงครามคุณภาพ” โดยผู้เล่นที่เหลือสามารถจัดสมดุลระหว่างคุณภาพบริการ และการบริหารต้นทุนได้ดีขึ้น เปิดโอกาสในการทำกำไรอย่างยั่งยืน และมีทรัพยากรเพียงพอในการลงทุนพัฒนาบริการใหม่
“ภาพการแข่งขันในปี 2569 ก็ไม่น่าต่างจากเดิม ถ้าไม่มีตัวแปรอื่น ๆ หรือผู้เล่นหน้าใหม่ในตลาด”
ปัจจุบันตลาดฟู้ดดีลิเวอรี่ในไทยเหลือผู้เล่นหลักเพียง 4 ราย ได้แก่ แกร็บ, ไลน์แมน, ช้อปปี้ฟู้ด (ShopeeFood) และโรบินฮู้ด (Robinhood) ซึ่งแต่ละรายพยายามงัดไม้เด็ด และใช้ลูกเล่นการตลาดมัดใจผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง ทำให้การแข่งขันของธุรกิจฟู้ดดีลิเวอรี่ยังคงดีกรีความร้อนแรง
สงครามส่งด่วน 4 ชม.
แม้คำว่า “สงครามส่งด่วน” ที่เป็นกระแสในโลกโซเชียลจะมาจากซีรีส์ดังบนเน็ตฟลิกซ์ (Netflix) แต่ในธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ไทย ก็ดูจะเกิด “สงครามส่งด่วน” ระลอกใหม่แล้ว เมื่อช่วงกลางปี 2568 ที่ผ่านมา “ช้อปปี้” (Shopee) เปิดตัวบริการ “ส่งทันที” (Instant Delivery) ใช้เครือข่ายไรเดอร์ของช้อปปี้ฟู้ดในการส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าภายใน 4 ชั่วโมง
ยิ่งไปกว่านั้น ในงาน Shopee SUMMIT TOGETHER WE GROW เมื่อเร็ว ๆ นี้ ก็มีการประกาศแล้วว่า “ช้อปปี้” เตรียมให้บริการ “จัดส่งภายใน 1 ชั่วโมง” หลังบริการส่งทันทีได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ซื้อและผู้ขาย
มูฟเมนต์ใหญ่จาก “ช้อปปี้” ยิ่งตอกย้ำว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซและขนส่งในช่วงต่อจากนี้ จะมีปัจจัยจาก “ความเร็ว” เป็นศูนย์กลาง
“ดนันท์ สุภัทรพันธุ์” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด มองว่า “สงครามส่งด่วน” ไม่มีทางจบ และมีแต่จะท้าทายขึ้นโดยเฉพาะการส่งด่วนใน 4 ชั่วโมง ที่เปลี่ยนจากเกมของ Hub & Spoke เป็นเกมของ Warehouse Network วัดพลังกันด้วยคลังสินค้าที่กระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ
“ไม่ว่าในอุตสาหกรรมจะแข่งขันกันอย่างรุนแรงแค่ไหน สิ่งที่ไปรษณีย์ไทยให้ความสำคัญมากที่สุดคือ การส่งมอบการเติบโตอย่างยั่งยืน คิดจากหมวกของลูกค้าว่าต้องการอะไร แล้วพัฒนาบริการต่าง ๆ มาตอบโจทย์ความต้องการเหล่านั้น”
เชือด “World” สแกนม่านตา
อีกหนึ่งข่าวใหญ่ที่อยู่ในความสนใจของสังคม คือความเกี่ยวโยงระหว่างกระบวนการฟอกเงินดิจิทัลระดับโลก กับโปรเจ็กต์ “World” หรือการสแกนม่านตาเพื่อเก็บข้อมูลยืนยันความเป็นมนุษย์ ตามที่มีสื่อต่างชาติเผยแพร่เอกสารออกมา ซึ่งก่อนหน้านี้ World ก็มีประเด็นเกี่ยวกับที่มาที่ไป และความโปร่งใสในการเก็บข้อมูลอยู่แล้ว
“ไชยชนก ชิดชอบ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ระบุว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า Tools for Humanity ได้เข้ามาดำเนินการในประเทศไทยผ่านแซนด์บอกซ์ที่กระทรวงดีอีทำ MOU กับกองทุน Prime Opportunity Fund VCC เพื่อส่งเสริมการลงทุนทางด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและการเงิน และมีการตั้งศูนย์ธุรกิจและการเงินดิจิทัลนานาชาติประเทศไทย (TIDC) เป็นบริษัทโฮลดิ้ง
และจัดตั้ง TIDC Worldverse เพื่อเข้ามาขออนุญาตเก็บข้อมูลม่านตาในโครงการ Worldcoin กับสํานักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) และ PDPC ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานไม่ได้อนุญาต แต่ก็ยังมีการดำเนินการเก็บข้อมูลให้เห็นอย่างต่อเนื่อง
“การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อยืนยันความเป็นมนุษย์ไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่กระบวนการของ World และบริษัท Tools of Humanity ที่ดำเนินการในไทยนั้นไม่ถูกต้อง หากถามว่า ปล่อยให้เกิดกิจกรรมลักษณะนี้ขึ้นมาได้อย่างไร ต้องบอกว่า ไม่ได้เกิดในยุคของผม และเมื่อตรวจสอบก็ตกใจเหมือนกัน”
อย่างไรก็ตาม กระทรวงดีอี และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) ได้สั่งระงับการเก็บรวบรวมข้อมูลม่านตา พร้อมให้ผู้ให้บริการและบุคคลที่เกี่ยวข้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับประชาชน 1.2 ล้านราย ตามคำสั่งทางปกครองแล้ว
เหตุการณ์นี้กลายเป็นอีกโจทย์ของรัฐบาลและหน่วยงานกำกับที่ต้องไล่ให้ทันกับเทคโนโลยีที่มาพร้อมความเสี่ยงภัย
“คนสตาร์ตอัพ” เข้าสู่สนามการเมือง
เรียกว่าเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ส่งท้ายปีกันเลยทีเดียว เมื่อ “พรรคประชาชน” เปิดรายชื่อผู้ประสงค์ลงสมัคร สส.บัญชีรายชื่อ 100 คน สำหรับการเลือกตั้งวันที่ 8 ก.พ. 2569 และปรากฏรายชื่อของคนในแวดวงเทคโนโลยี และสตาร์ตอัพหลายคน
โดย 2 รายชื่อที่สร้างเสียงฮือฮาเป็นอย่างมาก คือ “ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ” ผู้คร่ำหวอดในแวดวงธุรกิจดิจิทัล อีคอมเมิร์ซ และผู้ก่อตั้ง “ตลาดดอตคอม” เว็บไซต์ขายของออนไลน์เว็บแรก ๆ ของไทย และ “อิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์” ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ “บล็อกนัน” (Blognone) และผู้บริหารมืออาชีพจาก “ไลน์แมน-วงใน” (LINE MAN Wongnai)
“ภาวุธ” เปิดใจว่า ที่ผ่านมาผมพยายามส่งนโยบายด้านเทคโนโลยีให้กับพรรคต่าง ๆ เช่น การต่อสู้กับแพลตฟอร์มข้ามชาติ การแก้ปัญหาขาดดุลดิจิทัล และการนำเทคโนโลยีไปใช้ในทุกภาคส่วน เพื่อหวังให้เกิดการขับเคลื่อนในระดับชาติ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่เป็นไปตามความคาดหวัง
“เมื่อผลักดันจากภายนอกไม่ได้ ก็เลยตัดสินใจเข้าไปทำเองเลยดีกว่า ส่วนเหตุผลที่เลือกพรรคประชาชน เพราะพรรคมีความเข้าใจเรื่องนี้ และมีแนวความคิดคล้ายคลึงกัน ทำงานด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ”
“อิสริยะ” บอกว่า สาเหตุที่ตัดสินใจลาออกจาก LINE MAN Wongnai และเดินหน้าเข้าสู่สนามการเมืองในฐานะผู้ลงสมัคร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เพราะเห็นว่าประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาหนักขึ้นเรื่อย ๆ จึงต้องการผลักดันนโยบายด้านดิจิทัล เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโต โดยใช้ความรู้และประสบการณ์การทำงานในสายเทคโนโลยีมากกว่า 20 ปี
“จริง ๆ ได้รับการทาบทามมาตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งที่แล้ว แต่ยังไม่พร้อมจึงปฏิเสธไป ส่วนครั้งนี้คิดว่าเป็นจังหวะที่ใช่ หลายอย่างเริ่มลงตัว และการเข้าสู่สนามการเมือง เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ออกแบบนโยบาย น่าจะทำให้สิ่งที่ต้องการผลักดันเกิดขึ้นได้มากกว่าตอนทำงานในภาคเอกชน”
น่าติดตามว่า “การเมือง” ในแบบของคนที่โตมาจากวงการ “สตาร์ตอัพ” จะเป็นอย่างไร
Cr.
https://www.prachachat.net/ict/news-1942664
7 ที่สุดแห่งปี 2568 ‘ไอที-สื่อสาร’ ปรับ เปลี่ยน ไปต่อ ปี 2569
ปี 2568 ที่กำลังจะผ่านไป นับเป็นอีกปีที่เต็มไปด้วยความท้าทาย และมีเหตุการณ์คาดไม่ถึงมากมาย ในแวดวงไอที และโทรคมนาคมไทยก็มี “บิ๊กเซอร์ไพรส์” หลายครั้งด้วยกัน
“ประชาชาติธุรกิจ” ส่งท้ายปี 2568 ด้วยรีแคป 7 เหตุการณ์ “ที่สุดแห่งปี” ที่อยู่ในความสนใจของผู้คน ดังนี้
ไอที-สื่อสาร “ผลัดใบ”
หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงใหญ่ ๆ ที่เกิดขึ้นในแวดวงไอที และโทรคมนาคมปีนี้ คือหลายบริษัทเข้าสู่ฤดูกาล “ผลัดใบ” ปรับโครงสร้าง และเปลี่ยนตัว “แม่ทัพ” ผู้กุมบังเหียนการขับเคลื่อนองค์กร
ในกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม การคัมแบ็กของ “ซิกเว่ เบรกเก้” อดีตซีอีโอเครือเทเลนอร์ และโคซีอีโอดีแทค นับเป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของหลายคน
“ซิกเว่” ตัดสินใจกลับมารับตำแหน่งประธานกรรมการบริหารกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม และดิจิทัล เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซี.พี. และประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น โดยมีภารกิจสำคัญในการทรานส์ฟอร์ม “ทรู” (หลังควบรวมกับดีแทค) จากบริษัทโทรคมนาคม สู่บริษัทเทคโนโลยีในระดับภูมิภาค หรือระดับโลก
ฝั่ง “เอไอเอส” (AIS) ก็เข้าสู่การเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญเช่นกัน เมื่อ “สมชัย เลิศสุทธิวงค์” ผู้ครองตำแหน่งซีอีโอกว่า 11 ปี ส่งไม้ต่อให้ “ปรัธนา ลีลพนัง” ผู้บริหารคนสำคัญที่อยู่กับ AIS มาหลายยุค รับหน้าที่ดำรงตำแหน่งซีอีโอคนใหม่ ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา
ในยุคของ “ปรัธนา” AIS เข้ามาสานต่อเป้าหมายในการปรับองค์กรเข้าสู่ “Cognitive Tech-Co” เต็มรูปแบบ ไม่ได้เป็นเพียงผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ แต่ยังมีธุรกิจอื่น ๆ ที่เกาะเกี่ยวกับชีวิตผู้คนทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นค้าปลีก (รีเทล) ความบันเทิง (AIS Play) และการเงินดิจิทัลที่ร่วมกับแบงก์กรุงไทย และ ปตท.โออาร์ จนได้ใบอนุญาตจัดตั้งธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
ในฝั่งของธุรกิจแพลตฟอร์ม “แกร็บ ประเทศไทย” (Grab) แต่งตั้งอีกหนึ่งลูกหม้อ ขึ้นมานำทัพในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ เช่นกัน นั่นคือ “จันต์สุดา ธนานิตยะอุดม” แทน “วรฉัตร ลักขณาโรจน์” ที่ตัดสินใจลาออกและไปร่วมงานกับ “แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล” ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีทางการเงินระดับโลกในตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร (Group CEO) ของ “2C2P” ส่งผลให้ปีที่ 12 ของแกร็บ ประเทศไทย มีเอ็มดี “ผู้หญิง” เป็นครั้งแรก
“ไลน์ ประเทศไทย” (LINE) แต่งตั้ง “นรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร” ที่ร่วมงานกับ LINE มาตั้งแต่ปี 2560 เป็นซีอีโอคนใหม่ เพื่อผลักดันธุรกิจของ LINE ให้ตอบโจทย์ชีวิตบนโลกดิจิทัลมากขึ้น หรือในฝั่งของธุรกิจสตรีมมิ่ง “เทนเซ็นต์” แต่งตั้ง “ณัฐพร รุ่งขจรกลิ่น” ที่เคยร่วมงานกับ BEC World เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการ WeTV ประจำประเทศไทย เพื่อดูแลเรื่องการวางแผนด้านกลยุทธ์โดยเฉพาะ
และเมื่อ 2 เดือนก่อน “กูเกิล ประเทศไทย” (Google) ก็ได้ “ราฟาเอล ซิสโลว์สกี” ผู้บริหารที่เชี่ยวชาญในสายงาน Marketing & Sales และเคยร่วมงานกับองค์กรชั้นนำมากมาย เช่น P&G, LEGO Group และ Grab มารับตำแหน่ง Country Manager คนใหม่ จึงน่าติดตามว่าการนำทัพของเขาจะพา Google เติบโตไปในทิศทางใด
ศึกชิง King of Sports
หลังจากปลายปีก่อน บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ JAS คว้าสิทธิในการถ่ายทอดสดภาพและเสียงรายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ อังกฤษ สำหรับฤดูกาล 2025/26 เป็นต้นไป เท่ากับจุดพลุการแข่งขันในสมรภูมิคอนเทนต์ที่จะดุเดือดมากขึ้นแน่
ชัดเจนขึ้นเมื่อ ในเดือน เม.ย. 2568 AIS ประกาศเป็น Strategic Partnership ในการถ่ายทอดสด ฟุตบอล พรีเมียร์ลีกกับ JAS เพื่อดึงหนึ่งในคอนเทนต์กีฬาที่มีฐานแฟนคลับมากสุดในโลก เข้าสู่พอร์ตของ AIS Play เปิดศึกชิงตำแหน่ง “King of Sports” จาก “ทรูวิชั่นส์” ในเครือทรู ที่ถือสิทธิมาตั้งแต่ฤดูกาล 2019/2020
ที่สำคัญ AIS ยังใจป้ำหั่นราคาแพ็กเกจแบบ “จับต้องได้” สุดแรง เพื่อมัดใจแฟนลูกหนัง ด้วยแพ็กเกจ “PLAY MONOMAX Standard” ราคา 199 บาท/เดือน (ปกติ 299 บาท) หรือ 1,999 บาท/ปี (ปกติ 2,999 บาท) จนถึงวันที่ 31 พ.ค. 2569
นั่นทำให้ “ทรูวิชั่นส์” หลังเสียหนึ่งในคอนเทนต์แม่เหล็ก ต้องลุกขึ้นมาปรับโฟกัสสู่การเป็น “King of Contents” ที่มีคอนเทนต์ครอบคลุมทุกประเภท ทั้งกีฬาและความบันเทิงรวมถึงเปิดตัวแพ็กเกจ “NOW” เริ่มต้นเดือนละ 99 บาท เพื่อทำให้คนไทยเข้าถึงการใช้งานบริการสตรีมมิ่งมากขึ้น
จุดพลุ Cell Broadcast
เหตุการณ์ “แผ่นดินไหว” ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือน มี.ค. 2568 ปลุกความสนใจของผู้คนเกี่ยวกับความคืบหน้าของระบบแจ้งเตือนภัย “Cell Broadcast” ที่ค้างท่อมานาน หลายคนตั้งคำถามว่า ทำไมระบบนี้ถึง “ไม่เกิด” ในไทยสักที เพราะถ้ามีการเตือนภัยให้รู้ล่วงหน้าก็จะสามารถลดความเสียหาย และรับมือได้อย่างทันท่วงที
หลังเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านพ้นไป ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือต่างเร่งทดสอบในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อให้ระบบใช้ได้จริง
จนในที่สุดประเทศไทยก็มีระบบแจ้งเตือนภัย “Cell Broadcast” ใช้แล้วอย่างเป็นทางการ ซึ่งที่ผ่านมามีการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการเกิดภัยพิบัติแล้ว เช่น แจ้งเตือนภัยน้ำท่วมฉับพลัน พื้นที่ อ.ภูกระดึง จ.เลย เมื่อเดือน พ.ค. 2568 เป็นต้น
“ฟู้ดแพนด้า” โบกมือลาไทย
สำหรับข่าวใหญ่ในแวดวง “ฟู้ด ดีลิเวอรี่” หนีไม่พ้นการปิดตัวของ “ฟู้ดแพนด้า” (foodpanda) แพลตฟอร์มในเครือ Delivery Hero ที่กรุยทางทำตลาดในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2557 แต่ไม่มีปีไหนทำกำไรเลย จนขาดทุนสะสมกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
“ยอด ชินสุภัคกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม “ไลน์แมน” (LINE MAN) มองว่า การถอนตัวของฟู้ดแพนด้า ทำให้อุตสาหกรรมฟู้ดดีลิเวอรี่ของไทยเข้าสู่การแข่งขันแบบ Duopoly (สถานการณ์ที่ในตลาดมีผู้ขายสินค้าประเภทเดียวกันเพียงสองราย) อย่างชัดเจน และอาจเป็นจุดเปลี่ยนจาก “สงครามราคา” สู่ “สงครามคุณภาพ” โดยผู้เล่นที่เหลือสามารถจัดสมดุลระหว่างคุณภาพบริการ และการบริหารต้นทุนได้ดีขึ้น เปิดโอกาสในการทำกำไรอย่างยั่งยืน และมีทรัพยากรเพียงพอในการลงทุนพัฒนาบริการใหม่
“ภาพการแข่งขันในปี 2569 ก็ไม่น่าต่างจากเดิม ถ้าไม่มีตัวแปรอื่น ๆ หรือผู้เล่นหน้าใหม่ในตลาด”
ปัจจุบันตลาดฟู้ดดีลิเวอรี่ในไทยเหลือผู้เล่นหลักเพียง 4 ราย ได้แก่ แกร็บ, ไลน์แมน, ช้อปปี้ฟู้ด (ShopeeFood) และโรบินฮู้ด (Robinhood) ซึ่งแต่ละรายพยายามงัดไม้เด็ด และใช้ลูกเล่นการตลาดมัดใจผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง ทำให้การแข่งขันของธุรกิจฟู้ดดีลิเวอรี่ยังคงดีกรีความร้อนแรง
สงครามส่งด่วน 4 ชม.
แม้คำว่า “สงครามส่งด่วน” ที่เป็นกระแสในโลกโซเชียลจะมาจากซีรีส์ดังบนเน็ตฟลิกซ์ (Netflix) แต่ในธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ไทย ก็ดูจะเกิด “สงครามส่งด่วน” ระลอกใหม่แล้ว เมื่อช่วงกลางปี 2568 ที่ผ่านมา “ช้อปปี้” (Shopee) เปิดตัวบริการ “ส่งทันที” (Instant Delivery) ใช้เครือข่ายไรเดอร์ของช้อปปี้ฟู้ดในการส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าภายใน 4 ชั่วโมง
ยิ่งไปกว่านั้น ในงาน Shopee SUMMIT TOGETHER WE GROW เมื่อเร็ว ๆ นี้ ก็มีการประกาศแล้วว่า “ช้อปปี้” เตรียมให้บริการ “จัดส่งภายใน 1 ชั่วโมง” หลังบริการส่งทันทีได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ซื้อและผู้ขาย
มูฟเมนต์ใหญ่จาก “ช้อปปี้” ยิ่งตอกย้ำว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซและขนส่งในช่วงต่อจากนี้ จะมีปัจจัยจาก “ความเร็ว” เป็นศูนย์กลาง
“ดนันท์ สุภัทรพันธุ์” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด มองว่า “สงครามส่งด่วน” ไม่มีทางจบ และมีแต่จะท้าทายขึ้นโดยเฉพาะการส่งด่วนใน 4 ชั่วโมง ที่เปลี่ยนจากเกมของ Hub & Spoke เป็นเกมของ Warehouse Network วัดพลังกันด้วยคลังสินค้าที่กระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ
“ไม่ว่าในอุตสาหกรรมจะแข่งขันกันอย่างรุนแรงแค่ไหน สิ่งที่ไปรษณีย์ไทยให้ความสำคัญมากที่สุดคือ การส่งมอบการเติบโตอย่างยั่งยืน คิดจากหมวกของลูกค้าว่าต้องการอะไร แล้วพัฒนาบริการต่าง ๆ มาตอบโจทย์ความต้องการเหล่านั้น”
เชือด “World” สแกนม่านตา
อีกหนึ่งข่าวใหญ่ที่อยู่ในความสนใจของสังคม คือความเกี่ยวโยงระหว่างกระบวนการฟอกเงินดิจิทัลระดับโลก กับโปรเจ็กต์ “World” หรือการสแกนม่านตาเพื่อเก็บข้อมูลยืนยันความเป็นมนุษย์ ตามที่มีสื่อต่างชาติเผยแพร่เอกสารออกมา ซึ่งก่อนหน้านี้ World ก็มีประเด็นเกี่ยวกับที่มาที่ไป และความโปร่งใสในการเก็บข้อมูลอยู่แล้ว
“ไชยชนก ชิดชอบ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ระบุว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า Tools for Humanity ได้เข้ามาดำเนินการในประเทศไทยผ่านแซนด์บอกซ์ที่กระทรวงดีอีทำ MOU กับกองทุน Prime Opportunity Fund VCC เพื่อส่งเสริมการลงทุนทางด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและการเงิน และมีการตั้งศูนย์ธุรกิจและการเงินดิจิทัลนานาชาติประเทศไทย (TIDC) เป็นบริษัทโฮลดิ้ง
และจัดตั้ง TIDC Worldverse เพื่อเข้ามาขออนุญาตเก็บข้อมูลม่านตาในโครงการ Worldcoin กับสํานักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) และ PDPC ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานไม่ได้อนุญาต แต่ก็ยังมีการดำเนินการเก็บข้อมูลให้เห็นอย่างต่อเนื่อง
“การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อยืนยันความเป็นมนุษย์ไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่กระบวนการของ World และบริษัท Tools of Humanity ที่ดำเนินการในไทยนั้นไม่ถูกต้อง หากถามว่า ปล่อยให้เกิดกิจกรรมลักษณะนี้ขึ้นมาได้อย่างไร ต้องบอกว่า ไม่ได้เกิดในยุคของผม และเมื่อตรวจสอบก็ตกใจเหมือนกัน”
อย่างไรก็ตาม กระทรวงดีอี และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) ได้สั่งระงับการเก็บรวบรวมข้อมูลม่านตา พร้อมให้ผู้ให้บริการและบุคคลที่เกี่ยวข้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับประชาชน 1.2 ล้านราย ตามคำสั่งทางปกครองแล้ว
เหตุการณ์นี้กลายเป็นอีกโจทย์ของรัฐบาลและหน่วยงานกำกับที่ต้องไล่ให้ทันกับเทคโนโลยีที่มาพร้อมความเสี่ยงภัย
“คนสตาร์ตอัพ” เข้าสู่สนามการเมือง
เรียกว่าเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ส่งท้ายปีกันเลยทีเดียว เมื่อ “พรรคประชาชน” เปิดรายชื่อผู้ประสงค์ลงสมัคร สส.บัญชีรายชื่อ 100 คน สำหรับการเลือกตั้งวันที่ 8 ก.พ. 2569 และปรากฏรายชื่อของคนในแวดวงเทคโนโลยี และสตาร์ตอัพหลายคน
โดย 2 รายชื่อที่สร้างเสียงฮือฮาเป็นอย่างมาก คือ “ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ” ผู้คร่ำหวอดในแวดวงธุรกิจดิจิทัล อีคอมเมิร์ซ และผู้ก่อตั้ง “ตลาดดอตคอม” เว็บไซต์ขายของออนไลน์เว็บแรก ๆ ของไทย และ “อิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์” ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ “บล็อกนัน” (Blognone) และผู้บริหารมืออาชีพจาก “ไลน์แมน-วงใน” (LINE MAN Wongnai)
“ภาวุธ” เปิดใจว่า ที่ผ่านมาผมพยายามส่งนโยบายด้านเทคโนโลยีให้กับพรรคต่าง ๆ เช่น การต่อสู้กับแพลตฟอร์มข้ามชาติ การแก้ปัญหาขาดดุลดิจิทัล และการนำเทคโนโลยีไปใช้ในทุกภาคส่วน เพื่อหวังให้เกิดการขับเคลื่อนในระดับชาติ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่เป็นไปตามความคาดหวัง
“เมื่อผลักดันจากภายนอกไม่ได้ ก็เลยตัดสินใจเข้าไปทำเองเลยดีกว่า ส่วนเหตุผลที่เลือกพรรคประชาชน เพราะพรรคมีความเข้าใจเรื่องนี้ และมีแนวความคิดคล้ายคลึงกัน ทำงานด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ”
“อิสริยะ” บอกว่า สาเหตุที่ตัดสินใจลาออกจาก LINE MAN Wongnai และเดินหน้าเข้าสู่สนามการเมืองในฐานะผู้ลงสมัคร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เพราะเห็นว่าประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาหนักขึ้นเรื่อย ๆ จึงต้องการผลักดันนโยบายด้านดิจิทัล เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโต โดยใช้ความรู้และประสบการณ์การทำงานในสายเทคโนโลยีมากกว่า 20 ปี
“จริง ๆ ได้รับการทาบทามมาตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งที่แล้ว แต่ยังไม่พร้อมจึงปฏิเสธไป ส่วนครั้งนี้คิดว่าเป็นจังหวะที่ใช่ หลายอย่างเริ่มลงตัว และการเข้าสู่สนามการเมือง เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ออกแบบนโยบาย น่าจะทำให้สิ่งที่ต้องการผลักดันเกิดขึ้นได้มากกว่าตอนทำงานในภาคเอกชน”
น่าติดตามว่า “การเมือง” ในแบบของคนที่โตมาจากวงการ “สตาร์ตอัพ” จะเป็นอย่างไร
Cr. https://www.prachachat.net/ict/news-1942664