ขอเล่าต่อจากเรื่องเดิม ในมุมผู้ชายออฟฟิศธรรมดา ๆ

สวัสดีครับชาวพันทิป
ขอเล่าต่อจากเรื่องเดิม ในมุมผู้ชายออฟฟิศธรรมดา ๆ ที่คิดว่าชีวิตมันคงวนอยู่แค่นี้
ผมทำงานย่านสุขุมวิท
ตึกสูง รถติด กาแฟแพง และเดดไลน์ที่ไล่กัดส้นเท้าทุกวัน
ออฟฟิศผมไม่ใหญ่
โต๊ะทำงานเรียงชิดกันจนบางทีได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นตอนโดนเรียกเข้าห้องประชุม
ผมเป็นผู้ชายประเภท
“ไหว” คือคำตอบทุกคำถาม
ไหวทั้งที่ไหล่แข็ง คอแทบหมุนไม่ได้
ไหวทั้งที่นั่งพิมพ์งานไป มือก็ชาไป
เพราะในหัวคิดอย่างเดียวว่า
เดี๋ยวก็เลิกงาน เดี๋ยวก็ได้พัก
จนมีเธอ…
ผู้หญิงโต๊ะข้าง ๆ
ไม่ใช่คนสวยสะดุดตา
แต่เป็นคนที่ “สังเกต” เก่งเกินไป
เธอรู้ว่าผมจะปวดช่วงบ่าย
รู้ว่าผมชอบขยับไหล่ตอนเครียด
รู้ว่าผมจะเงียบกว่าปกติในวันที่งานรุมเร้า
และทุกวันตอนบ่ายสาม
เธอจะถามเหมือนเดิม
“วันนี้ไหวไหม”
คำถามสั้น ๆ
แต่เหมือนมีใครเอานิ้วมาสะกิดใจผมทุกครั้ง
วันหนึ่ง เป็นวันที่งานพังทั้งแผน
ลูกค้าแก้ไม่จบ
หัวหน้าถามคำถามเดิมซ้ำไปซ้ำมา
ผมนั่งนิ่ง แต่เหงื่อออกเต็มหลัง
ไหล่ผมแข็งจนเหมือนมีอะไรมากดไว้
เธอเดินมาวางขวดน้ำบนโต๊ะผม
แล้วพูดเบา ๆ
“บางที คนที่เก่ง ไม่ใช่คนที่ทนเก่งนะ”
คืนนั้น ผมนอนไม่หลับ
ปวดคอจนต้องลุกขึ้นมานั่งพิงกำแพง
แล้วก็ยอมรับความจริงกับตัวเองเป็นครั้งแรก
ว่าผมไม่ได้ไหวอย่างที่พูด
เช้าวันถัดมา ผมลาหยุดครึ่งวัน
ไม่บอกใคร
แค่เดินเข้าไปในคลินิกดูแลสุขภาพแห่งหนึ่ง
บรรยากาศเงียบ สงบ ไม่เหมือนสถานพยาบาลที่ผมเคยรู้จัก
ไม่มีเสียงเร่ง
ไม่มีคำพูดขายของ
มีแต่คำถามง่าย ๆ
“ช่วงไหนที่คุณปวดมากที่สุด”
ผมไม่รู้ทำไมถึงเล่าออกมาหมด
ทั้งงาน ทั้งชีวิต
ทั้งความเหนื่อยที่สะสมมาหลายปี
การดูแลในวันนั้น
ไม่ใช่แค่การคลายกล้ามเนื้อ
แต่มันเหมือนมีใครค่อย ๆ แกะปมในตัวผมออกทีละจุด
ช้า ๆ แต่ตรงจุด
ตอนลุกขึ้น ผมรู้สึกแปลก
เหมือนได้ร่างกายคืนมา
หัวเบา
ไหล่โล่ง
และที่สำคัญ ใจมันนิ่งอย่างประหลาด
ผมเริ่มกลับมาดูแลตัวเองสม่ำเสมอ
คลินิกนั้นชื่อ Gwellness
ผมไม่เคยพูดชื่อมันในออฟฟิศ
แต่ผลลัพธ์มันฟ้องแทน
ผมนั่งทำงานได้นานขึ้น
ไม่หงุดหงิดง่าย
ไม่ต้องฝืนยิ้ม
เธอสังเกตเห็น
และเริ่มชวนผมคุยมากขึ้น
จากเรื่องงาน
กลายเป็นเรื่องชีวิต
จากกาแฟแก้วเดียว
เป็นมื้อเย็นเงียบ ๆ หลังเลิกงาน
มันเหมือนจะเป็นความรัก
แต่ยังไม่ทันได้ตั้งชื่อ
เพราะคืนหนึ่ง หลังจากผมกลับจาก Gwellness
ผมนั่งมองกระจก
แล้วถามตัวเองคำถามเดียวกับที่เธอเคยถาม
“ชีวิตแบบนี้… ไหวจริงไหม”
คำตอบชัดกว่าที่คิด
ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา
ผมยื่นใบลาออก
ไม่ใช่เพราะงาน
ไม่ใช่เพราะเธอ
แต่เพราะผมไม่อยากกลับไปเป็นคนที่
ต้องรอให้ใครสักคนถามว่า “ไหวไหม” อีกแล้ว
วันสุดท้าย ผมให้ของเล็ก ๆ เธอ
แล้วพูดว่า
“ขอบคุณนะ ที่ทำให้ผมเริ่มดูแลตัวเองจริง ๆ”
เธอยิ้ม
รอยยิ้มเดิม
แต่ผมรู้ว่ามันคือรอยยิ้มของการเข้าใจ
วันนี้เราไม่ได้ทำงานที่เดียวกัน
ไม่ได้คุยกันทุกวัน
แต่ทุกครั้งที่ผมเดินเข้า Gwellness
หรือยืดตัวแล้วรู้สึกเบา
ผมจะนึกถึงเธอเสมอ
บางความรักของผู้ชายออฟฟิศ
ไม่จำเป็นต้องลงเอยด้วยคำว่า “แฟน”
แค่ทำให้ใครสักคน
ไม่ลืมดูแลตัวเอง
…แค่นี้
ก็เปลี่ยนทั้งชีวิตแล้วครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่