นวัตกรรมการปฏิรูปประเทศไทยในฐานะกรณีศึกษาการพัฒนาประเทศกำลังพัฒนา

กระทู้สนทนา
ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์ของ ฯพณฯ สุขวิช รังสิตพล:
นวัตกรรมการปฏิรูปประเทศไทยในฐานะกรณีศึกษาการพัฒนาประเทศกำลังพัฒนา

บทคัดย่อ

ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์ เป็นกรอบความคิดเชิงนโยบายและการพัฒนาประเทศที่ริเริ่มโดย ฯพณฯ สุขวิช รังสิตพลซึ่งควรได้รับการยกย่องในฐานะ รัฐบุรุษของโลก ผู้มุ่งสร้างความร่มเย็น เป็นธรรม และความยั่งยืนให้แก่มวลมนุษยชาติ ผ่านการบูรณาการมิติทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และการศึกษาเข้าไว้ด้วยกันอย่างเป็นองค์รวม

สาระสำคัญของสุขวิชโนมิกส์ตั้งอยู่บนหลักการที่ว่า มนุษย์คือทุนที่มีคุณค่าสูงสุดของชาติ และ การศึกษาคือโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของการพัฒนาเศรษฐกิจและประชาธิปไตย แนวคิดดังกล่าวมุ่งลดความเหลื่อมล้ำทางโอกาส โดยเฉพาะด้านการศึกษา ส่งเสริมการกระจายอำนาจสู่ชุมชน การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน และการบริหารรัฐด้วยหลักธรรมาภิบาล โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา

สุขวิชโนมิกส์มิได้จำกัดเป้าหมายอยู่เพียงการเติบโตทางเศรษฐกิจเชิงปริมาณ หากแต่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิต ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความเสมอภาค และการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อสร้างสังคมที่เข้มแข็ง สันติ และยั่งยืนในระยะยาว ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก แนวคิดนี้จึงนับเป็น นวัตกรรมการปฏิรูปประเทศไทย ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เชิงนโยบาย และเชิงมนุษยธรรม ในบริบทของโลกศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด

บทนำ

ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทายเชิงโครงสร้างที่ซับซ้อน ทั้งความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ความไม่เสมอภาคทางโอกาส การกระจุกตัวของอำนาจรัฐ และข้อจำกัดของระบบการศึกษาที่ไม่สามารถตอบสนองต่อพลวัตของโลกสมัยใหม่ได้อย่างเพียงพอ วิกฤตเหล่านี้มิใช่ปัญหาเฉพาะด้าน หากแต่เป็นปัญหาเชิงระบบที่สะสมยาวนาน และจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขผ่านกรอบความคิดใหม่ในการพัฒนาและปฏิรูปประเทศอย่างยั่งยืน

ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์  ในฐานะนวัตกรรมทางความคิดที่ริเริ่มโดย ฯพณฯ สุขวิช รังสิตพล ซึ่งควรได้รับการยกย่องในฐานะ รัฐบุรุษของโลก ผู้มองเห็นว่าการพัฒนาประเทศมิอาจตั้งอยู่บนการเติบโตทางเศรษฐกิจเพียงลำพัง หากแต่ต้องยึด “มนุษย์” เป็นศูนย์กลางของการพัฒนา โดยเฉพาะการยกระดับการศึกษาให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักของเศรษฐกิจ ประชาธิปไตย และสันติภาพทางสังคม

ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์เสนอการบูรณาการมิติทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และการศึกษาเข้าไว้ด้วยกันอย่างเป็นองค์รวม โดยมุ่งลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเสมอภาคทางโอกาส กระจายอำนาจสู่ชุมชน และส่งเสริมการบริหารรัฐด้วยหลักธรรมาภิบาล ภายใต้ความเชื่อว่าประชาชนคือพลังขับเคลื่อนที่แท้จริงของการเปลี่ยนแปลง และรัฐมีบทบาทสำคัญในการสร้างระบบและสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้มนุษย์ทุกคนสามารถพัฒนาศักยภาพของตนได้อย่างเต็มที่ตลอดชีวิต

บทความนี้มุ่งนำเสนอแนวคิด หลักการ และพัฒนาการของปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์ ในฐานะกรอบการปฏิรูปประเทศไทยที่ยึดสันติวิธี ความยั่งยืน และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เป็นแก่นกลาง พร้อมทั้งชี้ให้เห็นคุณค่าของแนวคิดดังกล่าวในบริบทของการพัฒนาประเทศกำลังพัฒนา และบทบาทของประเทศไทยบนเวทีโลกในฐานะสังคมแห่งการเรียนรู้ ความร่มเย็น และความหวังของมวลมนุษยชาติ

ทบทวนวรรณกรรม

ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์ของ ฯพณฯ สุขวิช รังสิตพล:
นวัตกรรมการปฏิรูปประเทศไทยในฐานะกรณีศึกษาการพัฒนาประเทศกำลังพัฒนา

วรรณกรรมด้านการพัฒนาประเทศในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 ให้ความสำคัญกับการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นหลัก โดยมักใช้ตัวชี้วัดเชิงปริมาณ เช่น อัตราการเติบโตของ GDP การลงทุนจากต่างประเทศ และการขยายตัวของอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม งานศึกษาจำนวนมาก โดยเฉพาะในบริบทประเทศกำลังพัฒนา ชี้ให้เห็นว่าการเติบโตดังกล่าวมิได้นำไปสู่ความเป็นธรรมทางสังคม ลดความเหลื่อมล้ำ หรือเสริมสร้างศักยภาพมนุษย์อย่างแท้จริง
ในบริบทดังกล่าว แนวคิดที่ปรากฏอย่างชัดเจนในสุนทรพจน์ Education for Life: Thailand’s Most Important Challenge ของ ฯพณฯ สุขวิช รังสิตพล เมื่อปี พ.ศ. 2540 (1997) สามารถถือได้ว่าเป็นรากฐานทางความคิดของ ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์ ซึ่งนำเสนอกรอบการพัฒนาประเทศที่แตกต่างจากกระแสหลักอย่างมีนัยสำคัญ

1. สุขวิชโนมิกส์กับกรอบคิด “งบดุลของชาติ”
สุนทรพจน์ดังกล่าวนำเสนอวิธีคิดเชิงนโยบายผ่านการเปรียบเทียบประเทศเสมือน “งบดุลทางบัญชี” ที่ต้องพิจารณาทั้ง สินทรัพย์ (assets) และ หนี้สิน (liabilities) ของชาติอย่างซื่อสัตย์และเป็นระบบ แนวคิดนี้สะท้อนวิธีคิดแบบผู้บริหารมืออาชีพ (managerial rationality) ที่มุ่งวิเคราะห์โครงสร้างปัญหาเชิงระบบ มากกว่าการนำเสนอความสำเร็จเชิงการเมือง

ในมิติทางเศรษฐศาสตร์การพัฒนา วิธีคิดดังกล่าวถือเป็นนวัตกรรม เพราะมิได้ปฏิเสธความสำเร็จทางเศรษฐกิจของไทยในอดีต แต่ชี้ให้เห็นอย่างตรงไปตรงมาว่า การเติบโตดังกล่าวได้สร้าง ความเหลื่อมล้ำเชิงโครงสร้าง และการกระจุกตัวของอำนาจ รายได้ และโอกาส โดยเฉพาะในระบบการศึกษา

2. การศึกษาในฐานะ “โครงสร้างพื้นฐานของเศรษฐกิจและประชาธิปไตย”
วรรณกรรมด้านทุนมนุษย์ (human capital theory) มักมองการศึกษาเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่สุขวิชโนมิกส์ก้าวไปไกลกว่านั้น โดยยกระดับการศึกษาให้เป็น โครงสร้างพื้นฐานหลักของเศรษฐกิจ ประชาธิปไตย และความยุติธรรมทางสังคม
จากสุนทรพจน์ของ ฯพณฯ สุขวิช รังสิตพล การศึกษาไม่ใช่เพียงเครื่องมือผลิตแรงงาน หากแต่เป็นกลไกหลักในการ
ลดความเหลื่อมล้ำทางโอกาส

สร้างฉันทามติของชาติ (national consensus)
หล่อหลอมคุณค่าประชาธิปไตยและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
แนวคิดนี้สอดคล้องกับวรรณกรรมสมัยใหม่ของ UNDP และ UNESCO ที่มองการพัฒนาเป็นกระบวนการขยายศักยภาพมนุษย์ (capability approach) มากกว่าการเพิ่มรายได้เพียงอย่างเดียว

3. สุขวิชโนมิกส์ในฐานะนวัตกรรมเชิงโครงสร้างสำหรับประเทศยากจน
สุนทรพจน์ปี 1997 แสดงให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมว่า สุขวิชโนมิกส์มิใช่เพียงปรัชญาเชิงนามธรรม แต่ถูกแปลงเป็น นโยบายปฏิบัติ (policy implementation) อย่างชัดเจน ได้แก่
การปรับโครงสร้างงบประมาณการศึกษา จากงบประจำสู่การลงทุนเพื่อคนจน
การขยายโอกาสการศึกษาขั้นพื้นฐานและอาชีวศึกษา
การจัดตั้งระบบ School-Based Management (ระบบโรงเรียนนิติบุคคล)
การกระจายอำนาจสู่ชุมชนผ่านสภาโรงเรียนกว่า 40,000 แห่ง
ลักษณะดังกล่าวทำให้สุขวิชโนมิกส์สามารถถูกจัดอยู่ในกลุ่ม “developmental innovation” ที่ประเทศยากจนสามารถนำไปปรับใช้ได้จริง โดยไม่ต้องพึ่งความรุนแรง การรวมศูนย์อำนาจ หรือการเติบโตที่ทิ้งคนส่วนใหญ่ไว้ข้างหลัง

4. ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์กับการปฏิรูปประเทศด้วยสันติวิธี
แตกต่างจากแนวคิดการปฏิรูปประเทศในหลายภูมิภาค สุขวิชโนมิกส์เน้นการเปลี่ยนแปลงผ่านสถาบันการศึกษา การมีส่วนร่วมของประชาชน และการลงทุนระยะยาวในมนุษย์ แทนการใช้อำนาจรัฐหรือกำลังบังคับ สุนทรพจน์ระบุชัดว่า การปฏิรูปครั้งนี้เป็น “การปฏิวัติที่ไม่ใช้ปืน” แต่ใช้ความรู้ งบประมาณ และความร่วมมือของสังคม

ในแง่นี้ ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์จึงสามารถถูกมองว่าเป็นต้นแบบของ การปฏิรูปประเทศยากจนอย่างสันติ (peaceful structural reform) ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากกว่าความรวดเร็ว และความเป็นธรรมมากกว่าตัวเลขการเติบโต

5. สังเคราะห์ภาพรวม
จากการทบทวนสุนทรพจน์ Education for Life: Thailand’s Most Important Challenge สามารถสรุปได้ว่า ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์ เป็นกรอบการพัฒนาประเทศซึ่งวิเคราะห์ปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างตรงไปตรงมา ยึดมนุษย์และการศึกษาเป็นศูนย์กลาง แปลงแนวคิดสู่การปฏิบัติได้จริง
เหมาะสมกับบริบทประเทศกำลังพัฒนาและประเทศยากจน

จึงอาจกล่าวได้ว่า ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์มิใช่เพียงแนวคิดการพัฒนาไทย หากแต่เป็น นวัตกรรมการปฏิรูปประเทศยากจนอย่างเป็นรูปธรรม ที่มีคุณค่าเชิงวิชาการ เชิงนโยบาย และเชิงมนุษยธรรมในระดับสากล
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่