ก่อนอื่นขอเท้าความกลับไปวันที่ 01 ธันวาคมที่ผ่านมาก่อน วันนั้นพ่อเราขับรถยนต์ไปทำงานตามปกติบนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ก็คือถนนเส้นใหญ่นี่แหละค่ะ แต่ว่าวันนั้นมีรถเก๋งไม่ทราบว่าหลับใน หรืออะไรมามั้ยเป็นคุณตากับคุณยายที่ขับมาเราไปถึงที่เกิดเหตุหลังจากการชน เราก็ถามทั้งพ่อเราและฝ่ายเขาว่าเป็นมายังไง คุณยายรถเก๋งซึ่งเป็นคนโดยสารมากับคุณตาที่เป็นคนขับบอกเราว่าคุณตาขับมาตามเลนซ้ายปกติแต่ตกใจรถบรรทุกขนาดใหญ่เลยหักหลบมาชนรถพ่อที่อยู่ทางเลนขวาทำให้พ่อที่ขับมาตามปกติเบรกไม่ทันแต่พยายามที่จะชลอความเร็วเพื่อให้เกิดความสูญเสียน้อยที่สุด แต่ว่ารถของเราที่พึ่งออกเต้นท์มาได้เพียงแค่หนึ่งเดือนด้านหน้าพังยับเยิน ล้อแม๊กแตก ส่วนรถคุณตาก็เสียหายไม่ต่างกันค่ะ
แต่วันนั้นที่เกิดเหตุเราไม่ได้แจ้งความนะคะ (หลังจากนี้เราจะเรียกฝ่ายนั้นว่าคู่กรณีนะคะ) ที่ไม่ได้แจ้งเพราะลูกชายกับลูกสาวของคู่กรณีที่ตามมาเขาบอกว่าเขารู้ว่าทางเขาผิดเต็ม ๆ เขามีประกันชั้นหนึ่ง ทางพ่อเราก็เห็นว่าคุยกันง่าย+กับทางนั้นแนะว่าไม่ต้องแจ้งก็ได้มีอะไรให้คุยกันเพราะยังไงเขาก็จะรับผิดชอบทุกอย่าง วันนั้นทุกอย่างก็เลยจบลงด้วยดี เป็นไปตามกระบวนการของทางประกันที่ส่งรถเราเข้าอู่ แต่หลังจากตอนนี้จะขอเล่าตามเหตุการณ์เป็นขั้นเลยนะคะ
การเจรจารอบแรก : เกิดขึ้นจากทางอู่ และทางประกันได้โทรมาว่าล้อรถกับแม๊กที่เสียหายไปประกันของเขาจะรับผิดชอบแค่ล้อ 50% ส่วนอีก 50% ทีเหลือให้เราเป็นคนออก พร้อมกับของเหลวอีกประมาณ 500- แต่ประเด็นตรงนี้คือแม๊กรถค่ะ ต้องบอกก่อนนะคะว่ารถคันนี้เราพึ่งถอยออกเต้นท์มาได้แค่หนึ่งเดือน พ่อเราเอาออกมาเพราะไม่อยากขับมอเตอร์ไซน์ไปทำงานในระยะไกลแม๊กทางเต้นท์ก็พึ่งเปลี่ยมาใหม่ค่ะ จุดนี้เราก็เลยโทรหาคู่กรณีว่าค่าใช่จ่ายส่วนต่างอยู่ประมาณ 6500- รวมล้อเเม๊กอีกข้าง ในตอนนั้นเราแจ้งเขาไปว่า
"มีค่าส่วนต่างคือ 6500- แต่ว่าล้อแม๊กตอนนี้ทางอู่แจ้งมาว่าต้องเปลี่ยนทั้งสองข้างซึ่งรวมอยู่ใน 6500- บาทแล้ว" ในตรงนี้เราก็บอกเราไปเผื่อว่าเราจะเป็นคนหาแม็กที่ลายเดียวกันมาจะพยายามหาก่อนถ้าไม่มีเราจะแจ้งไป สุดท้ายทั้งเราและอู่ไม่สามารถหาแม๊กรถมาได้ เราก็ต้องแจ้งเขาไปว่าไม่มีที่ไหนขายแม๊กให้ 2 ล้อ ส่วนที่หามาได้มันคนละสีคนแบบ เราแจ้งเขาไปแบบนี้
แต่พอแจ้งอะไรเสร็จเราก็เริ่มติดต่อคู่กรณีไม่ได้ตรงนี้เข้าใจนะคะว่าอาจจะติดงาน แล้วมาอีกวันพ่อเราเป็นคนโทรค่ะ(พ่อเป็นคนที่คุยเสียงดังมากอันนี้ยอมรับว่าการคุยของพ่อไม่ค่อยเข้าหูใคร) พ่อก็โทรคุยกับลูกผู้ชายของคู่กรณี ว่าจะสามารถรับผิดชอบให้ทั้งสี่ล้อเลยได้มั้ยเพราะตอนนี้เราพยายามหาแล้วแต่หาไม่ได้ เราเข้าใจนะคะว่ามันยากที่จะรับผิดชอบแม๊กหลังที่ไม่มีส่วนเสียหายอะไร แต่ว่าแม๊กกับรถเราซื้อมาแค่เดือนเดียวเองนะคะ เราก็ไม่อยากให้เสียหาย เราพยายามเจรจากับทางเขามาโดยตลอด เขาก็บอกว่าเดี๋ยวให้ภรรยาเขาเป็นคนพูด สุดท้ายไม่มีใครตือต่อมานะคะวันนั้น
เจรจาครั้งที่สอง: ประมาณวันที่ 20 กว่าพ่อเราตัดสินใจว่าช่างมันในเมื่อเขาปัดความรับผิดชอบตรงนี้เราก็จะออกกันเอง 7500- ซึ้งเรามองว่าเงินตรงนี้เราไม่ควรมาเสียเพราะเราขับของเรามาดี ๆ เข้าใจค่ะว่าไม่มีใครอยากให้เกิดอุบัติเหตุแต่ว่าวันที่เกิดคู่กรณีขอเจรจาไม่แจ้งความไม่อะไรทั้งนั้นเขายอมรับผิดชอบทุกอย่าง แต่พอเวลาผ่านก็อย่างที่บอกมาข้างต้น ในวันที่เราเตรียมไปจ่ายรับผิดชอบของเราเองเพราะเราเหนื่อยจะคุยกับเขา ทางอู่ก็แจ้งว่าคุ๋กรณีมาจ่ายไปเพียง 2000 กว่าบาทเฉพาะค่ายางกับของเหลว แล้วเขาฝากอู่บอกมาว่า "ไม่ต้องให้เราติดต่ออะไรทั้งนั้น เขาทำประกันชั้นหนึ่งอยากได้อะไรก็ไปถามที่ประกันชั้นหนึ่ง" ตรงนี้ประกันได้แจ้งไว้แล้วว่าเขาครอบคุมในส่วนที่เสียงหาย แต่ส่วนที่เป็นของเสียงหายต่อเนื่องคู่กรณีเขาต้องคุยกับเราแต่นอกจากเขาจะไม่คุยเขายังพูดกับทางอู่ว่า "เขายอมอ่อนให้ก็เรียกร้องเขา รู้อย่างงี้วันที่ชนน่าจะให้แจ้งประมาทร่วมในข้อหาใช้ถนนร่วมกัน"
*ถามผู้รู้กฎหมายได้มั้ยคะ ในกรณีพ่อเรามีส่วนผิดด้วยหรอคะ เรามาทางตรงทางของเราขับมาตามปกติแต่ทางเขาหลังใจ หรือไม่ก็เมาหลบจากเลนตัวเองมาชนรถเรา แบบนี้เราผิดหรอคะ***
เจรจาครั้งที่สาม: คิดว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายเราโทรไปหาทางลูกชายเขาบอกว่าค่าล้อแม๊กที่เกินมาสามารถช่วยกันคนละครึ่งได้มั้ย เขาตอบมาว่าเขาทำประกันไว้แล้วตรงนี้เขาไม่ออกให้ แล้วเขาพูดทำนองว่าเขาไม่ต้องให้เลยก็ได้ทั้งประกันชั้นหนึ่งของหรือส่วนต่างเพราะเราผิดร่วมกันต่างคนต่างซ่อม อีกอย่างเราได้ค่าชดเชยจากประกันเขาแล้วไม่ต้องมาเรียกร้องอะไร เราเลยบอกว่าตรงนั้นมันเป็นค่าเสียเวลาที่พ่อเราไม่ได้ไปทำงาน เขาก็บอกว่าปกติก็ใช้มอเตอร์ไซน์นิ (รู้สึกเหมือนโดนดูแคลนอยู่แฮ่) เขาทำงานธนาคาร ส่วนบ้านเราเป็นคนค้าขาย โดนเอาเปรียบหรือเปล่านะตรงนี้
***สุดท้ายเขาบอกอยากได้ให้เราไปฟ้องเอา ฟ้องประกันเลยก็ได้ แล้วก็พูดทำนองขู่มาว่าเขามีทนาย แต่ตรงนี้ไม่รู้ว่าเอาทนายมาขู่ทางเรา หรือจะบอกว่าให้เราไปฟ้องประกันโดยใช้ทนายเขา ซึ่งมันก็ไม่มีที่ไหนอ่ะเนาะ****
เขาทิ้งท้ายว่าเราอยากได้แม๊กใหม่อยู่แล้วทั้งที่ประกันบอกให้รอใส่ยางอะไหล่ไปก่อน (ประกันไม่ได้พูดกับเราแบบนี้ ประกันบอกหาไม่ได้ อู่หาไม่ได้ พอจนมุมอ้างทนายจะให้ฟ้องประกัน)
สรุปคร่าวๆสำหรับคนที่ไม่ต้องอ่านยาวนะคะ🎀
🎀รถเราชนโดยคู่กรณีหักหลบแล้วมาชนตัดหน้ารถจนล้อแม๊กพัง ซึ่งไม่มีร้านที่ไหนขายแม๊กข้างละล้อ ยกเว้นมือสอง(ถ้ามีลายเดียวกันเราไม่ติดค่ะใส่มาโลด) แต่มันไม่มีต้องเอาทั้งสี่ (ใจ ๆ เลยคนครึ่งคู่กรณีไม่ยอม) อันนี้เรามองว่าถ้าไม่ชนวันนั้นวันนี้คงไม่ต้องมาเสีย 7500- เพื่อเปลี่ยนแม๊กใหม่ที่พึ่งเปลี่ยนมา
🎀 คู่กรณีฝากอู่ให้บอกเราไม่ให้ติดต่อเขา ให้ติดต่อแค่ประกัน( ประกันบอกให้ติดต่อเจรจากับคู่กรณี) แล้วยังบอกอีกรู้งี้ให้ประมาณร่วมให้ฐานะใช้ถนนร่วมกัน
🎀 ยกเอาทนายมาพูดว่าถ้าจะฟ้องก็ได้ผมมีทนาย เขาอ่ะมีแล้วพ่อเราละจะไปเอาที่เราทำมาหากินค้าขายหาเช้ากินค่ำเขาเป็นนายธนาคาร แบบนี้นอกจากจะเสียทรัพย์แล้วเรายังต้องมาเสียความรู้สึกอีกหรอค่ะ หลงคิดว่าอย่างน้อยก็โชคดีที่เจอคนมีความรับผิดชอบรักษาคำพูดพูดกันง่ายดูท่าตรงข้ามหมดเลย
สุดท้ายอยากถามค่ะ ว่าประมาณร่วมหรือเปล่า แค่นั้นเลย แล้วล้อแม๊กที่เราว่าเราต้องออกคนเดียวไปเลยใช่มั้ย 7500- คนอื่นอาจไม่มากแต่ของเราอาจจะทั้งเดือนค่ะกว่าจะหามาได้
ขอบคุณล่วงหน้านะคะ
สอบถามกฏหมายเรื่องรถเกิดอุบัติเหตุหน่อยค่ะ
แต่วันนั้นที่เกิดเหตุเราไม่ได้แจ้งความนะคะ (หลังจากนี้เราจะเรียกฝ่ายนั้นว่าคู่กรณีนะคะ) ที่ไม่ได้แจ้งเพราะลูกชายกับลูกสาวของคู่กรณีที่ตามมาเขาบอกว่าเขารู้ว่าทางเขาผิดเต็ม ๆ เขามีประกันชั้นหนึ่ง ทางพ่อเราก็เห็นว่าคุยกันง่าย+กับทางนั้นแนะว่าไม่ต้องแจ้งก็ได้มีอะไรให้คุยกันเพราะยังไงเขาก็จะรับผิดชอบทุกอย่าง วันนั้นทุกอย่างก็เลยจบลงด้วยดี เป็นไปตามกระบวนการของทางประกันที่ส่งรถเราเข้าอู่ แต่หลังจากตอนนี้จะขอเล่าตามเหตุการณ์เป็นขั้นเลยนะคะ
การเจรจารอบแรก : เกิดขึ้นจากทางอู่ และทางประกันได้โทรมาว่าล้อรถกับแม๊กที่เสียหายไปประกันของเขาจะรับผิดชอบแค่ล้อ 50% ส่วนอีก 50% ทีเหลือให้เราเป็นคนออก พร้อมกับของเหลวอีกประมาณ 500- แต่ประเด็นตรงนี้คือแม๊กรถค่ะ ต้องบอกก่อนนะคะว่ารถคันนี้เราพึ่งถอยออกเต้นท์มาได้แค่หนึ่งเดือน พ่อเราเอาออกมาเพราะไม่อยากขับมอเตอร์ไซน์ไปทำงานในระยะไกลแม๊กทางเต้นท์ก็พึ่งเปลี่ยมาใหม่ค่ะ จุดนี้เราก็เลยโทรหาคู่กรณีว่าค่าใช่จ่ายส่วนต่างอยู่ประมาณ 6500- รวมล้อเเม๊กอีกข้าง ในตอนนั้นเราแจ้งเขาไปว่า
"มีค่าส่วนต่างคือ 6500- แต่ว่าล้อแม๊กตอนนี้ทางอู่แจ้งมาว่าต้องเปลี่ยนทั้งสองข้างซึ่งรวมอยู่ใน 6500- บาทแล้ว" ในตรงนี้เราก็บอกเราไปเผื่อว่าเราจะเป็นคนหาแม็กที่ลายเดียวกันมาจะพยายามหาก่อนถ้าไม่มีเราจะแจ้งไป สุดท้ายทั้งเราและอู่ไม่สามารถหาแม๊กรถมาได้ เราก็ต้องแจ้งเขาไปว่าไม่มีที่ไหนขายแม๊กให้ 2 ล้อ ส่วนที่หามาได้มันคนละสีคนแบบ เราแจ้งเขาไปแบบนี้
แต่พอแจ้งอะไรเสร็จเราก็เริ่มติดต่อคู่กรณีไม่ได้ตรงนี้เข้าใจนะคะว่าอาจจะติดงาน แล้วมาอีกวันพ่อเราเป็นคนโทรค่ะ(พ่อเป็นคนที่คุยเสียงดังมากอันนี้ยอมรับว่าการคุยของพ่อไม่ค่อยเข้าหูใคร) พ่อก็โทรคุยกับลูกผู้ชายของคู่กรณี ว่าจะสามารถรับผิดชอบให้ทั้งสี่ล้อเลยได้มั้ยเพราะตอนนี้เราพยายามหาแล้วแต่หาไม่ได้ เราเข้าใจนะคะว่ามันยากที่จะรับผิดชอบแม๊กหลังที่ไม่มีส่วนเสียหายอะไร แต่ว่าแม๊กกับรถเราซื้อมาแค่เดือนเดียวเองนะคะ เราก็ไม่อยากให้เสียหาย เราพยายามเจรจากับทางเขามาโดยตลอด เขาก็บอกว่าเดี๋ยวให้ภรรยาเขาเป็นคนพูด สุดท้ายไม่มีใครตือต่อมานะคะวันนั้น
เจรจาครั้งที่สอง: ประมาณวันที่ 20 กว่าพ่อเราตัดสินใจว่าช่างมันในเมื่อเขาปัดความรับผิดชอบตรงนี้เราก็จะออกกันเอง 7500- ซึ้งเรามองว่าเงินตรงนี้เราไม่ควรมาเสียเพราะเราขับของเรามาดี ๆ เข้าใจค่ะว่าไม่มีใครอยากให้เกิดอุบัติเหตุแต่ว่าวันที่เกิดคู่กรณีขอเจรจาไม่แจ้งความไม่อะไรทั้งนั้นเขายอมรับผิดชอบทุกอย่าง แต่พอเวลาผ่านก็อย่างที่บอกมาข้างต้น ในวันที่เราเตรียมไปจ่ายรับผิดชอบของเราเองเพราะเราเหนื่อยจะคุยกับเขา ทางอู่ก็แจ้งว่าคุ๋กรณีมาจ่ายไปเพียง 2000 กว่าบาทเฉพาะค่ายางกับของเหลว แล้วเขาฝากอู่บอกมาว่า "ไม่ต้องให้เราติดต่ออะไรทั้งนั้น เขาทำประกันชั้นหนึ่งอยากได้อะไรก็ไปถามที่ประกันชั้นหนึ่ง" ตรงนี้ประกันได้แจ้งไว้แล้วว่าเขาครอบคุมในส่วนที่เสียงหาย แต่ส่วนที่เป็นของเสียงหายต่อเนื่องคู่กรณีเขาต้องคุยกับเราแต่นอกจากเขาจะไม่คุยเขายังพูดกับทางอู่ว่า "เขายอมอ่อนให้ก็เรียกร้องเขา รู้อย่างงี้วันที่ชนน่าจะให้แจ้งประมาทร่วมในข้อหาใช้ถนนร่วมกัน"
*ถามผู้รู้กฎหมายได้มั้ยคะ ในกรณีพ่อเรามีส่วนผิดด้วยหรอคะ เรามาทางตรงทางของเราขับมาตามปกติแต่ทางเขาหลังใจ หรือไม่ก็เมาหลบจากเลนตัวเองมาชนรถเรา แบบนี้เราผิดหรอคะ***
เจรจาครั้งที่สาม: คิดว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายเราโทรไปหาทางลูกชายเขาบอกว่าค่าล้อแม๊กที่เกินมาสามารถช่วยกันคนละครึ่งได้มั้ย เขาตอบมาว่าเขาทำประกันไว้แล้วตรงนี้เขาไม่ออกให้ แล้วเขาพูดทำนองว่าเขาไม่ต้องให้เลยก็ได้ทั้งประกันชั้นหนึ่งของหรือส่วนต่างเพราะเราผิดร่วมกันต่างคนต่างซ่อม อีกอย่างเราได้ค่าชดเชยจากประกันเขาแล้วไม่ต้องมาเรียกร้องอะไร เราเลยบอกว่าตรงนั้นมันเป็นค่าเสียเวลาที่พ่อเราไม่ได้ไปทำงาน เขาก็บอกว่าปกติก็ใช้มอเตอร์ไซน์นิ (รู้สึกเหมือนโดนดูแคลนอยู่แฮ่) เขาทำงานธนาคาร ส่วนบ้านเราเป็นคนค้าขาย โดนเอาเปรียบหรือเปล่านะตรงนี้
***สุดท้ายเขาบอกอยากได้ให้เราไปฟ้องเอา ฟ้องประกันเลยก็ได้ แล้วก็พูดทำนองขู่มาว่าเขามีทนาย แต่ตรงนี้ไม่รู้ว่าเอาทนายมาขู่ทางเรา หรือจะบอกว่าให้เราไปฟ้องประกันโดยใช้ทนายเขา ซึ่งมันก็ไม่มีที่ไหนอ่ะเนาะ****
เขาทิ้งท้ายว่าเราอยากได้แม๊กใหม่อยู่แล้วทั้งที่ประกันบอกให้รอใส่ยางอะไหล่ไปก่อน (ประกันไม่ได้พูดกับเราแบบนี้ ประกันบอกหาไม่ได้ อู่หาไม่ได้ พอจนมุมอ้างทนายจะให้ฟ้องประกัน)
สรุปคร่าวๆสำหรับคนที่ไม่ต้องอ่านยาวนะคะ🎀
🎀รถเราชนโดยคู่กรณีหักหลบแล้วมาชนตัดหน้ารถจนล้อแม๊กพัง ซึ่งไม่มีร้านที่ไหนขายแม๊กข้างละล้อ ยกเว้นมือสอง(ถ้ามีลายเดียวกันเราไม่ติดค่ะใส่มาโลด) แต่มันไม่มีต้องเอาทั้งสี่ (ใจ ๆ เลยคนครึ่งคู่กรณีไม่ยอม) อันนี้เรามองว่าถ้าไม่ชนวันนั้นวันนี้คงไม่ต้องมาเสีย 7500- เพื่อเปลี่ยนแม๊กใหม่ที่พึ่งเปลี่ยนมา
🎀 คู่กรณีฝากอู่ให้บอกเราไม่ให้ติดต่อเขา ให้ติดต่อแค่ประกัน( ประกันบอกให้ติดต่อเจรจากับคู่กรณี) แล้วยังบอกอีกรู้งี้ให้ประมาณร่วมให้ฐานะใช้ถนนร่วมกัน
🎀 ยกเอาทนายมาพูดว่าถ้าจะฟ้องก็ได้ผมมีทนาย เขาอ่ะมีแล้วพ่อเราละจะไปเอาที่เราทำมาหากินค้าขายหาเช้ากินค่ำเขาเป็นนายธนาคาร แบบนี้นอกจากจะเสียทรัพย์แล้วเรายังต้องมาเสียความรู้สึกอีกหรอค่ะ หลงคิดว่าอย่างน้อยก็โชคดีที่เจอคนมีความรับผิดชอบรักษาคำพูดพูดกันง่ายดูท่าตรงข้ามหมดเลย
สุดท้ายอยากถามค่ะ ว่าประมาณร่วมหรือเปล่า แค่นั้นเลย แล้วล้อแม๊กที่เราว่าเราต้องออกคนเดียวไปเลยใช่มั้ย 7500- คนอื่นอาจไม่มากแต่ของเราอาจจะทั้งเดือนค่ะกว่าจะหามาได้
ขอบคุณล่วงหน้านะคะ