เรื่องเล่าจาก รพ. อาการ Stroke อีกแบบที่ตัวตนของคนๆนั้นได้ค่อยๆหายไป

ชาย 69 ปี รอดจากสมองขาดเลือดมาได้ แต่เริ่มระบุคนไม่ได้ กินจุ ใช้จ่ายเงินเยอะ ไม่อาบน้ำ และพฤติกรรมทางเพศมากขึ้น แบบไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน

“Stroke ครั้งเดียว แต่ตัวตนของคนคนหนึ่ง
ค่อย ๆ หายไป กลายเป็นใครก็ไม่รู้”

.

Stroke เป็นโรคที่คนส่วนใหญ่นึกถึง
อัมพาต พูดไม่ได้ เดินไม่ได้

แต่เคสนี้
ไม่ได้เริ่มจากการขยับไม่ได้
ไม่ได้เริ่มจากปากเบี้ยว

มันเริ่มจาก
“การเป็นคนละคน”

.

ชายอายุ 69 ปี คนธรรมดาวัยเกษียณ
ชีวิตปกติสุข ไม่มีปัญหาอะไร พฤติกรรมปกติ
เหมือนคนอายุในวัยนี้

ต่อมามีภาวะหลอดเลือดสมองตีบ
ที่สมองกลีบหน้า–ขมับซ้าย (left frontotemporal stroke)
ช่วงแรก รอดชีวิตมาได้ ไม่มีอัมพาตชัดเจน พูดคุยรู้เรื่อง

ทุกคนคิดว่า
“โชคดีแล้ว”

.

แต่ในช่วงไม่กี่เดือนหลังจากนั้น
ครอบครัวเริ่มสังเกตว่า
มีบางอย่าง “ไม่เหมือนเดิม”

เขาเริ่ม หลงทางง่าย
แม้เป็นเส้นทางใกล้บ้าน
เริ่ม จำชื่อคนไม่ได้
และที่แปลกคือ
มองหน้าคนใกล้ชิดแล้ว
เหมือนไม่รู้จัก

ไม่ใช่เพราะความจำหายไปทั้งหมด
แต่เหมือน “สมองไม่รู้ว่านี่คือใคร”

.

แพทย์เรียกสิ่งนี้ว่า
visual agnosia หรือ psychic blindness
ตาเห็น แต่สมองไม่รับรู้ความหมาย

.

เวลาผ่านไปหลายปี
ความเปลี่ยนแปลงไม่ได้หยุดแค่นั้น

ความจำ (declarative memory)
เริ่มแย่ลงเรื่อย ๆ

แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ
ทักษะด้านการใช้ชีวิตยังดีอยู่

เขายังสามารถ
นั่งรถสาธารณะ
เดินทางมาพบแพทย์คนเดียว
จำเส้นทางในเมืองได้ดี

สมองบางส่วนยังทำงาน
แต่สมองบางส่วน… ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

.

จากนั้น
พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนชัดเจนขึ้น

เขาเริ่ม กินแบบควบคุมตัวเองไม่ได้
ครั้งหนึ่งเคยกินชีสไปเกือบ 1 กิโลกรัมในครั้งเดียว

เริ่ม จัดการเงินไม่ได้
กู้เงินโดยไม่จำเป็น
ตัดสินใจทางการเงินแบบไม่มีเหตุผล

ครอบครัวเริ่มเหนื่อย
เริ่มกังวล
เริ่มไม่เข้าใจว่า
“ทำไมคนเดิม ถึงกลายเป็นแบบนี้”

.

และสิ่งที่ทำให้บ้านแทบแตก
คือพฤติกรรมทางเพศที่เปลี่ยนไป
สุดขั้วแบบไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน

เขาเริ่มหมกมุ่นกับสื่อลามกแบบเปลี่ยนไปคนละคน
แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมในที่สาธารณะ
เริ่มจีบคนในละแวกบ้านแบบเปิดเผยมากๆ

ทั้งหมดนี้ เพราะ
สมองที่เคยควบคุมความยับยั้งชั่งใจ
ไม่ทำงานเหมือนเดิมอีกแล้ว

.

แม้เวลาจะผ่านไปหลายปี
เขายัง ปฏิเสธการอาบน้ำ
ไม่ยอมเปลี่ยนเสื้อผ้า
ไม่รู้สึกว่าอะไร “ไม่เหมาะสม”

คนรอบตัวต้องคอยดูแล
เหมือนดูแลเด็กคนหนึ่ง
ทั้งที่ร่างกายยังแข็งแรงดี

.

เมื่อแพทย์ตรวจ MRI สมอง
พบความเสียหายเด่นชัดที่
temporal pole ด้านซ้าย

และพบว่าเส้นใยประสาทที่เชื่อม
ระหว่าง สมองกลีบขมับ (temporal lobe)
กับ สมองกลีบหน้าส่วนควบคุมพฤติกรรม (orbitofrontal cortex)
โดยเฉพาะเส้นทางที่เรียกว่า uncinate fasciculus
ขาดหายไป

.
ตรงนี้เองที่อธิบายทุกอย่างได้
เขาไม่ได้สูญเสียแค่เนื้อสมอง
แต่สูญเสีย “การเชื่อมต่อ”
ของเครือข่ายอารมณ์และการยับยั้ง

แพทย์วินิจฉัยว่าเป็น Klüver–Bucy syndrome
แบบบางส่วน(partial KBS)
.

อาการที่เกิดขึ้น
ประกอบด้วย
▪️ การกินแบบควบคุมไม่ได้
▪️ การรับรู้ใบหน้าผิดปกติ
▪️ ความจำเสื่อมบางส่วน
▪️ พฤติกรรมทางเพศผิดบริบท
▪️ การขาดความยับยั้งทางอารมณ์

ทั้งหมดนี้
มาจากการที่ amygdala และเครือข่าย limbic
ไม่สามารถสื่อสารกับสมองส่วนควบคุมได้อีกแล้ว


สิ่งที่โหดร้ายที่สุดของเคสนี้ ไม่ใช่ผล stroke ณ ขณะเป็น

แต่คือคนที่ยังมีชีวิต
แต่ “ไม่ใช่คนเดิม” อีกต่อไป



🧠 สิ่งที่อยากฝากจากเคสนี้

1️⃣ Stroke ไม่ได้ทำลายแค่การเคลื่อนไหว
แต่อาจทำลาย บุคลิก และตัวตน
เปลี่ยนพฤติกรรมไปเป็นคนละคน

2️⃣ พฤติกรรมแปลก ๆ หลัง stroke
ไม่ใช่ความตั้งใจ แต่คือผลจากวงจรสมองที่ขาดการเชื่อมต่อ

3️⃣ Klüver-Bucy syndrome
เป็นภาวะที่ค่อนข้างหายาก เกิดรอยโรคที่
บริเวณ temporal lobe และเส้นใยเชื่อมกับ orbitofrontal cortex

4️⃣ และถามว่าจุดเริ่มต้นของ Stroke คืออะไร
ก็คือสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเรามากๆ คือการละทิ้งการดูแลสุขภาพพื้นฐาน
ไม่ออกกำลังกาย, พฤติกรรมเนือยนิ่ง, ไม่คุมการกิน
เครียดเรื้อรัง, นอนหลับแย่, และไม่ตรวจสุขภาพ


สมองไม่ได้กำหนดแค่การเคลื่อนไหว
แต่มันกำหนดว่า
เราจะเป็น “มนุษย์แบบไหน”

และบางครั้ง
แผลเล็ก ๆ ในสมอง
อาจเปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิต

เริ่มดูแลสุขภาพกันได้แล้วค่ะ

CR https://www.facebook.com/share/1Bpcc4FE6w/?mibextid=wwXIfr
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่