หวำจะไป…Prague 🇨🇿 เมืองเก่าที่สอนให้คนเมืองใหม่ (?) อย่างเราหายใจช้าลง

สวัสดีมิตรรักแฟนเพลงทุกท่านนนน ☺

          น้องหวำเองค่ะ แพทย์เวรฉุกเฉินที่คุ้นกับเสียง monitor มากกว่าเสียงเรียกขึ้นเครื่อง กลับมาอีกครั้ง เพื่อมาแชร์รูป และเล่าเรื่องการเดินทางให้ทุกคนได้สนุกไปด้วยกันค่า ทริปนี้เป็นช่วงที่หลังจากที่เรากับเพื่อนเสร็จภาระกิจ elective จากเวียนนา เลยหนีเวร หนีความเร่งรีบ แล้วเลือกไปเมืองที่ “ไม่เร่งเรา”
" กรุง Prague – สาธารณรัฐเช็ก "



          ทริปนี้หวำเดินทางมาจาก Vienna เลยอยากมาเล่าละเอียด ๆ เผื่อใครแพลนเส้นเดียวกัน

          จากเวียนนา เลือกนั่งรถไฟข้ามประเทศมาปราก ( มีหลายบริษัทเลยค่ะ ทั้ง ÖBB, RegioJet และ Railjet เพื่อนๆสามารถบุ๊คกิ้งจาก application ตามเวลาและราคาที่ชื่นชอบได้เลยค่ะ (ตอนที่เราไป คิดเป็นเงินไทยคนละประมาณ 1000 บาท) แนะนำจองล่วงหน้าจะได้ที่นั่งสบายๆ  มี Wi-Fi ให้บางขบวน การเดินทางใช้เวลาประมาณสี่ชั่วโมงกว่า ๆ ชิวๆเลยค่ะ รถไฟวิ่งตรง วิวสองข้างทางเป็นชนบทออสเตรียต่อด้วยเช็ก มองเพลินๆค่ะ พอถึงสถานี Praha hlavní nádraží การเข้าเมืองก็ง่ายมาก จะต่อรถไฟใต้ดินหรือเดินเข้าโซนเมืองเก่าได้เลย เหมาะกับคนไม่อยากลากกระเป๋าหนัก ๆ ขึ้นเครื่องบินค่ะ

          ปรากในเดือนมีนาคมเป็นช่วงปลายหนาวต้นใบไม้ผลิ อากาศยังเย็นอยู่ โดยเฉพาะตอนเช้าและตอนเย็น แต่กลางวันมีแดดอ่อน ๆ อุณหภูมิประมาณหลักตัวเลขเดียวถึงสิบกว่าองศา เมืองยังไม่วุ่นวายเท่าไหร่ ใส่แค่เสื้อกันหนาว โค้ทหนึ่งตัว ผ้าพันคอ และรองเท้าที่เดินสบายหน่อย ก็พร้อมลุยละค่าา (แอบกระซิบว่าเดินเยอะนิดนึงค่ะ) วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังว่าครึ่งวันบ่ายที่เรากับเพื่อนๆเดินทางไปถึงปราก เราทำอะไรกันไปบ้าง เผื่อเพื่อนๆที่ชอบเดินช้าๆ ดูเมือง ดูผู้คน จะได้สนุกไปด้วยกันนะคะ

          ภาพแรกของเมืองที่เห็นจากฝั่งแม่น้ำ Vltava คือปราสาท Prague Castle ที่ตั้งอยู่บนเนินสูง มองลงมาเห็นหลังคาสีส้มเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ เมืองนี้ไม่ได้พยายามจะโชว์อะไรหวือหวา แต่ความเก่า ความนิ่ง และสัดส่วนของอาคารทำให้รู้สึกว่าทุกอย่างอยู่ถูกที่ถูกทางมาก เราได้เดินเลียบแม่น้ำช่วงเย็น แสงสะท้อนบนผิวน้ำกับไฟจากตึกเก่า ๆ ฝนตกนิ๊ดๆ เข้าใจทันทีเลยค่ะว่าคำว่าสวยเหมือนเทพนิยายเป็นแบบไหน (อยากเป็นปลาที่ปรากสุดๆค่า)





         การเดินใน Old Town เป็นกิจกรรมที่ไม่ควรรีบค่ะ ทางเดินเป็นถนนหิน อาคารสีเหลืองๆอ่อนๆ และคลองเล็ก ๆ ที่น้ำไหลผ่านกลางเมือง ทำให้การหลงทางกลายเป็นเรื่องสวยงานไปเลยค่ะ คาเฟ่เล็ก ๆ ซ่อนอยู่ตามมุมตึก เดินไปเรื่อย ๆ เหนื่อยก็นั่ง ไม่มีความรู้สึกว่าต้องไปให้ครบทุกแลนด์มาร์ก เมืองนี้ให้รางวัลกับคนที่เดินช้าๆและ enjoy ไปกับบรรยากาศรอบๆจริงๆค่ะ


        
         Charles’ Bridge เป็นสะพานที่คนเยอะ แต่ไม่วุ่นวายอย่างที่คิด ถ้ามาตอนเช้า น่าจะเงียบ มีหมอกบาง ๆ ลอยเหนือแม่น้ำ ตอนเย็นฟ้าจะเป็นสีเทาอมฟ้า ไฟจากฝั่งเมืองสะท้อนน้ำสวยมาก รูปปั้นที่เรียงรายบนสะพานเหมือนยืนเฝ้าเมืองมานานจนเราเป็นแค่คนผ่านมา แค่ยืนเฉย ๆ มองวิว เวลาก็ผ่านไปเป็นชั่วโมงได้เลยค่ะ





          Lennon Wall เป็นอีกมุมที่เพื่อนเราชอบมาก เพราะตัดกับภาพเมืองเก่าทั้งหมด กำแพงเต็มไปด้วยสี ข้อความ และความคิดของคนหลายรุ่น เป็นพื้นที่ที่พูดถึงเสรีภาพโดยไม่ต้องอธิบายเยอะ เดินดูแต่ละมุมแล้วรู้สึกว่าเมืองที่เก่าแก่ก็ยังเปิดพื้นที่ให้เสียงใหม่ ๆ ได้เสมอ



         เรื่องอาหาร ปรากเป็นเมืองที่กินง่าย ขนมปังอร่อย เบียร์ดี ราคาไม่แรง อาหารส่วนใหญ่เป็นแนวอิ่ม อุ่น และซื่อสัตย์กับวัตถุดิบ ไม่ต้องเป็นร้านหรู แค่ร้านท้องถิ่นเล็ก ๆ ก็ได้รสชาติที่รู้สึกจริงใจ Trdelník อุ่น ๆ หลังเดินมาทั้งวัน เราแวะนั่งจิบเบียร์ที่ร้าน U Kunstatu เป็นรางวัลเล็ก ๆ ที่พอดีมาก (เพื่อนเราแนะนำร้านมาให้ ใครที่ได้ไปปราก สามารถไปตำตามได้ค่า)



         โดยรวมแล้ว ปรากไม่ใช่เมืองที่ทำให้ตื่นเต้นตั้งแต่นาทีแรก แต่เป็นเมืองที่ค่อย ๆ ซึมเข้ามาในความรู้สึก เหมาะกับคนที่เหนื่อยจากความเร็วของชีวิต เหมาะกับการเดินช้า ๆ นั่งมองน้ำ ฟังเสียงเมือง และปล่อยให้เวลาไหลไปเอง ถ้าใครกำลังแพลนยุโรปกลาง และอยากได้เมืองที่ไม่เร่ง ไม่อึกทึก แต่มีเสน่ห์ลึก ๆ ปรากเป็นตัวเลือกที่ดีมากจริง ๆ วันนี้ขอลาไปด้วยรูปจากกล้องฟิลม์ใบสุดท้ายในม้วนนี้ (รูปอื่นๆยังอยู่ม้วนที่ใส่กล้องอยู่เลยค่ะ อยากล้างรูปค่าา ฮือๆ)

ขออนุญาตฝากร้าน
Facebook page | หวำ
Instragram | Pwhaumusefilm
        ครั้งหน้า ถ้ามาพบกันใหม่ เราจะไปเจอกันที่ Prague castle นะคะทุกคน บั๊ยบายและสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าค่า ☺
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่