ถ้าพูดถึงหนึ่งในสงครามที่ "อิหยังวะ" ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ต้องมีชื่อ "สงครามนกอีมู" (The Great Emu War) ติดโผอย่างแน่นอน เพราะนี่คือสงครามที่กองทัพออสเตรเลียพ่ายแพ้ให้กับ... นกที่บินไม่ได้!
เหตุเกิดในปี 1932 หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ทหารผ่านศึกชาวออสเตรเลียกลับบ้านมาทำไร่ข้าวสาลี แต่ดันซวยที่ปีนั้นเกิดภัยแล้งจัด นกอีมูฝูงมหึมากว่า 20,000 ตัว เลยอพยพลงมาหาแหล่งน้ำและอาหาร
แล้วมันไม่ได้แค่มากินนะ แต่มันมา..ถล่มยับ! นกอีมูพังรั้วกั้นจนราบ กินข้าวสาลีเกลี้ยง แถมยังทิ้งช่องว่างให้กระต่ายเข้ามาซ้ำเติมจนชาวนาแทบหมดตัว
ชาวนาทนไม่ไหว เลยไปขอให้รัฐบาลช่วย รัฐมนตรีกลาโหมในตอนนั้น (Sir George Pearce) ก็เลยจัดหนัก ส่งทหารหน่วยปืนกลพร้อมกับ ปืนกล Lewis 2 กระบอก และกระสุนอีก 10,000 นัด ลงพื้นที่เพื่อกวาดล้างนกอีมูให้สิ้นซาก ฝ่ายกองทัพมั่นใจมากว่า เดี๋ยวก็จบ...
เมื่อการปะทะเริ่มต้นขึ้น ทหารออสเตรเลียก็ต้องอึ้ง เพราะนกอีมูไม่ได้โง่ครับ!
ทหารบันทึกไว้ว่า... ฝูงอีมูมีการแบ่งกลุ่มย่อย และมี "ตัวหัวหน้า" คอยยืนเฝ้าระวัง พอทหารเริ่มตั้งปืน ตัวหัวหน้าจะส่งเสียงเตือน แล้วพรรคพวกก็กระจายตัวหนีไปคนละทิศละทาง ทำให้ปืนกลยิงไม่โดน พวกมันวิ่งเร็วมาก (เกือบ 50 กม./ชม.) แถมขนหนาจนกระสุนปืนกลบางทีก็ทำอะไรไม่ได้ถ้าไม่โดนจุดสำคัญจริงๆ (มีบันทึกว่านกตัวหนึ่งโดนยิงไปหลายนัด แต่มันยังวิ่งต่อได้เฉย)
หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน ผลลัพธ์คือ...
กระสุนที่ใช้: ประมาณ 2,500 นัด
นกที่ตาย: ประมาณ 200 - 500 ตัว (จาก 20,000 ตัว!)
ผู้บาดเจ็บ: ฝ่ายมนุษย์ไม่มีใครเจ็บ... ยกเว้น "ศักดิ์ศรี" ที่พังยับเยิน
สื่อในสมัยนั้นพาดหัวข่าวเยาะเย้ยกันสนุกสนาน จนสุดท้ายกองทัพต้องสั่งถอนกำลัง เพราะกระสุนแพงได้ไม่คุ้มเสีย และนกอีมูก็ยังคงครองพื้นที่ต่อไปอย่างผู้ชนะ
บทสรุป... สุดท้ายรัฐบาลออสเตรเลียเลิกใช้กำลังทหาร แล้วหันไปใช้วิธี "เงินรางวัลนำจับ" แทน ซึ่งได้ผลดีกว่ามาก
เกร็ดน่าขำ... หนึ่งในนายทหารออสเตรเลียเคยกล่าวไว้ว่า "ถ้าเรามีกองทัพที่มีความสามารถในการทนทานต่อกระสุนได้เหมือนนกอีมู เราจะสามารถเผชิญหน้ากับกองทัพไหนก็ได้"
#WTFเรื่องเด็ดรอบโลก
🦤 หนึ่งในสงครามที่ "อิหยังวะ" ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ต้องมีชื่อ "สงครามนกอีมู"
เหตุเกิดในปี 1932 หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ทหารผ่านศึกชาวออสเตรเลียกลับบ้านมาทำไร่ข้าวสาลี แต่ดันซวยที่ปีนั้นเกิดภัยแล้งจัด นกอีมูฝูงมหึมากว่า 20,000 ตัว เลยอพยพลงมาหาแหล่งน้ำและอาหาร
แล้วมันไม่ได้แค่มากินนะ แต่มันมา..ถล่มยับ! นกอีมูพังรั้วกั้นจนราบ กินข้าวสาลีเกลี้ยง แถมยังทิ้งช่องว่างให้กระต่ายเข้ามาซ้ำเติมจนชาวนาแทบหมดตัว
ชาวนาทนไม่ไหว เลยไปขอให้รัฐบาลช่วย รัฐมนตรีกลาโหมในตอนนั้น (Sir George Pearce) ก็เลยจัดหนัก ส่งทหารหน่วยปืนกลพร้อมกับ ปืนกล Lewis 2 กระบอก และกระสุนอีก 10,000 นัด ลงพื้นที่เพื่อกวาดล้างนกอีมูให้สิ้นซาก ฝ่ายกองทัพมั่นใจมากว่า เดี๋ยวก็จบ...
เมื่อการปะทะเริ่มต้นขึ้น ทหารออสเตรเลียก็ต้องอึ้ง เพราะนกอีมูไม่ได้โง่ครับ!
ทหารบันทึกไว้ว่า... ฝูงอีมูมีการแบ่งกลุ่มย่อย และมี "ตัวหัวหน้า" คอยยืนเฝ้าระวัง พอทหารเริ่มตั้งปืน ตัวหัวหน้าจะส่งเสียงเตือน แล้วพรรคพวกก็กระจายตัวหนีไปคนละทิศละทาง ทำให้ปืนกลยิงไม่โดน พวกมันวิ่งเร็วมาก (เกือบ 50 กม./ชม.) แถมขนหนาจนกระสุนปืนกลบางทีก็ทำอะไรไม่ได้ถ้าไม่โดนจุดสำคัญจริงๆ (มีบันทึกว่านกตัวหนึ่งโดนยิงไปหลายนัด แต่มันยังวิ่งต่อได้เฉย)
หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน ผลลัพธ์คือ...
กระสุนที่ใช้: ประมาณ 2,500 นัด
นกที่ตาย: ประมาณ 200 - 500 ตัว (จาก 20,000 ตัว!)
ผู้บาดเจ็บ: ฝ่ายมนุษย์ไม่มีใครเจ็บ... ยกเว้น "ศักดิ์ศรี" ที่พังยับเยิน
สื่อในสมัยนั้นพาดหัวข่าวเยาะเย้ยกันสนุกสนาน จนสุดท้ายกองทัพต้องสั่งถอนกำลัง เพราะกระสุนแพงได้ไม่คุ้มเสีย และนกอีมูก็ยังคงครองพื้นที่ต่อไปอย่างผู้ชนะ
บทสรุป... สุดท้ายรัฐบาลออสเตรเลียเลิกใช้กำลังทหาร แล้วหันไปใช้วิธี "เงินรางวัลนำจับ" แทน ซึ่งได้ผลดีกว่ามาก
เกร็ดน่าขำ... หนึ่งในนายทหารออสเตรเลียเคยกล่าวไว้ว่า "ถ้าเรามีกองทัพที่มีความสามารถในการทนทานต่อกระสุนได้เหมือนนกอีมู เราจะสามารถเผชิญหน้ากับกองทัพไหนก็ได้"
#WTFเรื่องเด็ดรอบโลก