ที่มา Gemini
คำถามนี้เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมานานครับ ความจริงคือ ททบ. 5 มีสถานะที่ค่อนข้างก้ำกึ่ง ทำให้คำตอบไม่ใช่แค่ "ใช่" หรือ "ไม่ใช่" เสียทีเดียว แต่สามารถอธิบายแยกตามประเภทของ "เงิน" ได้ดังนี้ครับ:
1. งบประมาณแผ่นดินรายปี (Direct Budget)
หากพูดถึง "งบประมาณรายจ่ายประจำปี" ที่ผ่านการพิจารณาจากสภาฯ โดยตรงเหมือนหน่วยงานราชการทั่วไป ททบ. 5 มักจะระบุว่าตนเองไม่ได้รับเงินส่วนนี้ เนื่องจากบริหารงานในรูปแบบ "พาณิชย์บริการสาธารณะ" คือหาจายได้เองจากการขายโฆษณาและค่าเช่าเวลา เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายภายในสถานี
2. เงินงบประมาณจาก "การจ้างงาน" ของหน่วยงานรัฐ
แม้จะไม่ได้รับงบโดยตรง แต่ ททบ. 5 และบริษัทในเครือ (เช่น บ.อาร์ทีเอฯ) มักได้รับ "งบประชาสัมพันธ์" จากหน่วยงานรัฐและกองทัพบก เช่น:
การรับจ้างผลิตรายการประชาสัมพันธ์ให้กองทัพ หรือ กอ.รมน.
งบประมาณสนับสนุนโครงการเฉพาะกิจต่างๆ ของภาครัฐ
เงินเหล่านี้คือ "เงินภาษีประชาชน" ที่ไหลเข้าสู่ช่อง 5 ผ่านรูปแบบการจ้างทำของหรือจ้างโฆษณาครับ
3. ทรัพยากรและบุคลากรที่เป็นของรัฐ
นี่คือจุดที่สำคัญที่สุดครับ เพราะ ททบ. 5 ใช้ทรัพยากรที่ตีค่าเป็นเงินมหาศาลซึ่งเป็นของรัฐ (กองทัพบก) เช่น:
ที่ดินและอาคาร: สถานที่ตั้งที่สนามเป้าเป็นที่ดินราชพัสดุ
บุคลากร: ผู้บริหารระดับสูงและเจ้าหน้าที่หลายส่วนเป็น "นายทหาร" ซึ่งรับเงินเดือนจากงบประมาณกองทัพบก (เงินภาษี)
คลื่นความถี่: ซึ่งเป็นทรัพยากรของชาติที่กองทัพครอบครองอยู่
4. ปัญหาเรื่อง "สถานะทางกฎหมาย"
จากการตรวจสอบของคณะกรรมาธิการฯ เมื่อไม่นานมานี้ (ช่วงปี 2567-2568) พบว่า ททบ. 5 ไม่มีสถานะเป็นนิติบุคคลชัดเจน และไม่ใช่ส่วนราชการ 100% ทำให้การตรวจสอบงบการเงินโดยสตง. ในอดีตทำได้ยาก จนเกิดคำถามว่าหากบริหารขาดทุน (ซึ่งมีรายงานว่าขาดทุนต่อเนื่องหลายปี) สุดท้ายแล้วภาระหนี้สินนั้นจะตกเป็นของกองทัพบกและงบประมาณแผ่นดินในอนาคตหรือไม่
สรุป: หากจะบอกว่า "ไม่เคยใช้งบประมาณรัฐเลย" คงไม่ถูกต้องนัก เพราะแม้จะไม่ได้งบรายปีโดยตรง แต่ก็ใช้ เงินเดือนข้าราชการ (ทหาร), ที่ดินรัฐ, คลื่นความถี่ของรัฐ และ งบจ้างผลิตรายการจากรัฐ ในการขับเคลื่อนสถานีครับ
คุณสนใจทราบข้อมูลเกี่ยวกับ "บริษัท อาร์ทีเอ (RTA)" ซึ่งเป็นตัวกลางในการบริหารรายได้ของช่อง 5 เพิ่มเติมไหมครับ? เพราะบริษัทนี้เป็นจุดเชื่อมสำคัญระหว่างงบกองทัพกับรายได้ของสถานีครับ
พลเอกรังษีบอกว่า ททบ 5 ไม่เคยใช้งบประมาณของรัฐมาดูกันว่าจริงหรือตอ
คำถามนี้เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมานานครับ ความจริงคือ ททบ. 5 มีสถานะที่ค่อนข้างก้ำกึ่ง ทำให้คำตอบไม่ใช่แค่ "ใช่" หรือ "ไม่ใช่" เสียทีเดียว แต่สามารถอธิบายแยกตามประเภทของ "เงิน" ได้ดังนี้ครับ:
1. งบประมาณแผ่นดินรายปี (Direct Budget)
หากพูดถึง "งบประมาณรายจ่ายประจำปี" ที่ผ่านการพิจารณาจากสภาฯ โดยตรงเหมือนหน่วยงานราชการทั่วไป ททบ. 5 มักจะระบุว่าตนเองไม่ได้รับเงินส่วนนี้ เนื่องจากบริหารงานในรูปแบบ "พาณิชย์บริการสาธารณะ" คือหาจายได้เองจากการขายโฆษณาและค่าเช่าเวลา เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายภายในสถานี
2. เงินงบประมาณจาก "การจ้างงาน" ของหน่วยงานรัฐ
แม้จะไม่ได้รับงบโดยตรง แต่ ททบ. 5 และบริษัทในเครือ (เช่น บ.อาร์ทีเอฯ) มักได้รับ "งบประชาสัมพันธ์" จากหน่วยงานรัฐและกองทัพบก เช่น:
การรับจ้างผลิตรายการประชาสัมพันธ์ให้กองทัพ หรือ กอ.รมน.
งบประมาณสนับสนุนโครงการเฉพาะกิจต่างๆ ของภาครัฐ
เงินเหล่านี้คือ "เงินภาษีประชาชน" ที่ไหลเข้าสู่ช่อง 5 ผ่านรูปแบบการจ้างทำของหรือจ้างโฆษณาครับ
3. ทรัพยากรและบุคลากรที่เป็นของรัฐ
นี่คือจุดที่สำคัญที่สุดครับ เพราะ ททบ. 5 ใช้ทรัพยากรที่ตีค่าเป็นเงินมหาศาลซึ่งเป็นของรัฐ (กองทัพบก) เช่น:
ที่ดินและอาคาร: สถานที่ตั้งที่สนามเป้าเป็นที่ดินราชพัสดุ
บุคลากร: ผู้บริหารระดับสูงและเจ้าหน้าที่หลายส่วนเป็น "นายทหาร" ซึ่งรับเงินเดือนจากงบประมาณกองทัพบก (เงินภาษี)
คลื่นความถี่: ซึ่งเป็นทรัพยากรของชาติที่กองทัพครอบครองอยู่
4. ปัญหาเรื่อง "สถานะทางกฎหมาย"
จากการตรวจสอบของคณะกรรมาธิการฯ เมื่อไม่นานมานี้ (ช่วงปี 2567-2568) พบว่า ททบ. 5 ไม่มีสถานะเป็นนิติบุคคลชัดเจน และไม่ใช่ส่วนราชการ 100% ทำให้การตรวจสอบงบการเงินโดยสตง. ในอดีตทำได้ยาก จนเกิดคำถามว่าหากบริหารขาดทุน (ซึ่งมีรายงานว่าขาดทุนต่อเนื่องหลายปี) สุดท้ายแล้วภาระหนี้สินนั้นจะตกเป็นของกองทัพบกและงบประมาณแผ่นดินในอนาคตหรือไม่
สรุป: หากจะบอกว่า "ไม่เคยใช้งบประมาณรัฐเลย" คงไม่ถูกต้องนัก เพราะแม้จะไม่ได้งบรายปีโดยตรง แต่ก็ใช้ เงินเดือนข้าราชการ (ทหาร), ที่ดินรัฐ, คลื่นความถี่ของรัฐ และ งบจ้างผลิตรายการจากรัฐ ในการขับเคลื่อนสถานีครับ
คุณสนใจทราบข้อมูลเกี่ยวกับ "บริษัท อาร์ทีเอ (RTA)" ซึ่งเป็นตัวกลางในการบริหารรายได้ของช่อง 5 เพิ่มเติมไหมครับ? เพราะบริษัทนี้เป็นจุดเชื่อมสำคัญระหว่างงบกองทัพกับรายได้ของสถานีครับ