หนังยอดเยี่ยมแห่งปี 2025




1.nazha 2
นี้คือหนัง animation จากจีนที่ดีเทียบเท่ากับฝั่งตะวันตกเลยครับ หนังมันให้ความยิ่งใหญ่ อลังการ เนื้อเรื่องก็น่าสนใจ ยิ่งซีนช่วงองก์สามตอนต่อสู้กับบอสนี้โห คาราวะเลย

2.lilo and stitch
กลับกันในช่วง summer ที่ผ่านมา มีภาพยนตร์หนึ่งเรื่องที่เรียกได้ว่าช่วยพยุงสถานการณ์ของ Disney เอาไว้ นั่นคือ Lilo and Stitch ซึ่งได้รับกระแสตอบรับในเชิงบวกอย่างมาก โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้ทุนในการถ่ายทำไม่สูง (ไม่รวมค่าโปรโมต) และยังคงยึดตามต้นฉบับเดิมเป็นหลัก มีการปรับเปลี่ยนเพียงเล็กน้อย ส่งผลให้ผู้ชมรู้สึกเชื่อมโยงกับเรื่องราวได้ดี และทำให้ Disney ประสบความสำเร็จกับภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างชัดเจน

3.Final ditination 6
การกลับมาของปฐมบทการโกงความตาย ภาคนี้เป็นภาคที่ทำให้เรา หวนคิดถึงบรรยากาศภาคแรกๆ หรือภาคที่ผ่านมา ทำให้บรรยากาศการระแวงสิ่งแวดล้อม ระแวงไประแวงมา กลับมาตื่นเต้นอีกครั้ง แต่ภาคนี้เป็นภาคที่ดีกว่าเดิมตรงที่ มันไม่ใช่แค่ภาคสักทำขึ้นมาเฉยๆ แต่เป็นภาคที่ตั้งใจทำเพื่อที่จะ expand law ของกฎการตายเกิดขึ้น และมี cameo ภายในหนัง โดยรวมเป็นหนังที่ดีมาก และน่าจะมีภาคต่อแน่นอน

4.M3GAN2.0
ใครไม่ชอบเรื่องนี้ไม่ว่าเลยครับ แต่ส่วนตัวชอบมาก เอาจริง concept การนำ AI มาเป็นฆาตกรประจำหนังนี้มันดีนะ สะท้อนเรื่องนวัตกรรมได้ดี และภาคแรกงานภาพก็ดีมากด้วย กล่าวคือฉากไล่เฉือดทำออกมาได้ดี แต่ภาคนี้แตกต่างออกไป คือ เปลี่ยนณองเลย จากหนัง slasher กลายเป็น action บู๊ terminator เฉยเลย เรียกได้ว่ามีความกาวขึ้นมาก โดยรวมบันเทิงสุดๆ

5.Superman 2025
Superman ของ james gun ทำออกมาได้กลมกล่อมดีมาก เป็น superman ในอุดมคติเลยครับ ตามฉบับแบบการ์ตูน แต่ด้วยความที่เป็นภาพยนตร์อาจจะมีการดัดแปลงบ้าง เลยทำให้หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างไม่ค่อยน่าประหลาดใจ เพราะคิดไว้อยู่แล้วว่าน่าจะรอด และปีหน้ามี supergirl หรือ woman of tomorrow อีก ของหนังของ dc แบบนี้เยอะๆนะครับ james gun

6.materialist
หนังรักที่ทำออกมาเพื่อตั้งคำถามกับสังคมว่า ”นิยามของคำว่าความรักในปัจจุบันนี้ มันคืออะไรกันแน่“ เพราะสมัยนี้ความรัก มันไม่สามารถแค่รักได้ มันขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัยมากๆ ไม่ว่าจะเป็น หน้าตา ฐานะ หน้าที่ การงาน การเงิน ลักษณะความสัมพันธ์ และอื่นๆอีกมากมาย แต่หนังเรื่องนี้เลือกที่จะตอบคำถามกับทุกคนโดยให้คำตอบผ่านตัวละครที่นางเอกเลือกที่ตะอยู่ด้วยในตอนท้าย ซึ่งส่วนตัวผม ผมซื้อนะไอเดียนี้ ต่อให้มันจะดู อุดมคติเกินไป แต่ส่วนตัวก็มองว่า “ความรัก” จริงๆ มันเป็นแบบนี้แหละครับ แค่มันอาจจะไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนเราเท่านั้นเอง

7.together
ขอพูดถึงณอง body horror หน่อยนะครับ จริงๆแล้วณองนี้มันมีมานานมากๆ แล้วและมันก็หายไป เพราะเนื่องจากภาพยนตร์บางเรื่องมันน่ากลัวมากเกินไป หรือเกิน limit ของความรับได้ในเรื่องของความอี๋ ซึ่งในปีที่แล้วมันจะมีหนังอยู่เรื่องนึงที่ปลุกกระแส body horror ให้กลับมาอีกครั้งกับเรื่อง “the substance” หรือ สวยสยอง เรียกได้ว่าเป็นหนังแห่งปี พอมาปีนี้ กระแส body horror เริ่มกลับมา bloom อีกครั้งทำให้หนังแนวนี้กลับมาอีกครั้ง ซึ่งส่วนตัวผมมองว่า เยอะเกิน55555+ บางเรื่องมันก็ซ้ำ ไม่สนุกบ้าง เลยรู้สึกว่าถ้านานๆทีทำแล้วดี ก็ทำแบบนั้นดีกว่า แต่ก็อย่างว่าครับ การตลาดของมันมา ก็ต้องทำต่อไป

แต่สำหรับหนังเรื่องนี้ ถือเป็นหนังที่ดีมาก ต่อให้ความน่ากลัวมันจะไม่เทียบเท่า the substance แต่โดยรวมก็เป็นหนังที่ดีมาก ข้อดีของเรื่องนี้เลยคือ การใส่สัญญะในเรื่องของ ”การอิ่มตัว“ กับคู่รักของตัวเอง ไม่แย่เลยครับ สนุกมากๆ

8.nobody2
ในปีนี้ก็มีหนังแนว action ทำออกมาได้ดีมาก หลายเรื่อง แต่สำหรับเราเรื่องนี้คือเรื่องที่ดีที่สุดในปีนี้เลย บันเทิงมาก ภาคแรกสนุก ภาคสองก็สนุก มันส์บู๊ล้างผลาญ

9.F1
บอกตรงว่าหนังเรื่องนี้แอดไม่ได้ดูช่วงที่หนังมันเข้าโรงแรกๆ ด้วยซ้ำ แต่ฟังเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาทำให้เรายิ่งอยากดู พอไปดูก็รู้เลยว่านี้คือของดี การแสดงของ brad pitt คือแสดงได้ยียวนกวนประสาทมาก แต่ก็มีมิติ ในขณะที่ production ของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็โหดเอาเรื่อง เป็นหนังแนว sport ที่ทำออกมาได้ดีมากๆ

10.freakier friday
ภาคต่อจากภาคแรก เปลี่ยนยุคแทบไม่ทันอ่ะ 5555+ เป็นแนวใกล้เคียงกับ parent trap ซึ่งภาคนี้วุ่นวายกว่าเดิม สนุกมาก สนุกเกินคาด เราคิดว่ามันจะเป็นหนังดูเอาเพลินเฉยๆ แต่พอเข้าไปดูจริงๆ หนังมันดีมากๆ แบบสนุกบันเทิงเลยแหละ แค่คิด concept ก็วุ่นวายแล้ว แม่ สลับจิตกับลูก และลูกสลับจิตกับแม่ แล้วเพื่อนลูกสลับจิตกับยายและ ยายสลับจิตกับเพื่อนลูก

11.weapons
การสร้างปรากฏการณ์การอยากรู้อยากเห็นในหนังเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีมาก คือ การโปรโมทของหนังเรื่องนี้น้อยมาก แค่รู้ plot และ VDO นิดเดียวเอง ยิ่งทำให้อยากรู้ว่าตกลงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เด็กหายไปไหน แล้วครูเป็นคนทำมั้ย แล้วทำไมต้องเป็น ตีสองสิบเจ็ดนาที แล้วเด็กที่เหลือรอดคนเดียวทีเกี่ยวด้วยมั้ย แล้วทำไมมันถึงรอดอยู่คนเดียว แล้วยิ่งพอคะแนนรอบแรกของ rotten tomatoes จากนักวิจารณ์ให้ 100% เต็ม ยิ่งเพิ่มความอยากดูไปอีก คือ build up หนักมากอ่ะ และเนื้อเรื่องของหนังก็ทำออกมาได้ดีไม่แพ้กับการที่มัน build มาเลย ต้องบอกว่าหนังเรื่องนี้สำหรับประเทศไทยแล้วเสียงแตกนะครับแต่ส่วนตัวแล้ว อยู่ในฝั่งที่ชื่นชอบ มากๆ ไม่ควรพลาดเลยใครผิดพลาดไปแล้วก็ไปดูในออนไลน์ได้ครับ

12.chiainsaw man the movie reze arc
รอนานมากกับ the movie ภาคนี้ เพราะส่วนตัวก็อ่านอยู่แล้วด้วยกับมังงะเรื่องนี้ และชื่นชอบลานเซ้นของ อจ.ฟูจิโมโต้ มากๆ พอมาเป็นอนิเมชัน ก็ทำออกมาได้ดีมากใน ซีซันแรก และก็รอยาวอีก รอนานมาก จนสุดท้ายก็มากับภาคของเรเซ่หรือปีศาจระเบิด งานภาพทำออกมาได้ดี เล่าเรื่องสนุก ตัวละครน่าสนใจ น่าดึงดูด

13.sinners
อีกเรื่องที่ไม่ได้ดูในโรงภาพยนตร์แล้วรู้สึกพลาดอีกละ แต่มันสนุกจริง แต่มันมีความ slow burn นะคือกว่าจะเข้าเรื่อง กว่าจะเข้าพาร์ทสยองก็ปาไปองก์2 องก์3 แล้ว แต่องก์แรกที่ใช้ปูก็สำคัญเพราะเขาต้องการโชว์วัฒนธรรมของคนดำ และการนำคนขาวมาเป็นตัวโกงและช่วงชิงวัฒนธรรมของคนดำไป อีกอย่างที่ต้องชมเลยคือการแสดงของ micheal b. jordan โคตรชอบ โคตรถูกจริต

14.conjuring4
ภาคสุดท้ายจริงๆรึเปล่าก็ไม่ทราบ เพราะภาคนี้เสียงตอบรับจากคนดูทำออกมาได้ดี แต่ถามว่ามันดีมากขนาดมันไหมมันก็ไม่ได้ดีมากขนาดนั้นแต่มันจะมีความกลมกล่อมกว่าภาคที่ผ่านมา บรรยากาศของภาคแรกประมาณนั้นได้เลย ใช้คำว่า กลมกล่อม ได้เลย

15.regretting you
หนังที่คะแนนฝั่งนักวิจารณ์สวนกระแสกับคะแนนฝั่งคนดูอย่างเห็นได้ชัด แต่ส่วนตัวผมเข้าใจนะ เพราะว่าถ้าถามว่าหนังเรื่องนี้มันมีอะไรที่แปลกใหม่มั้ย คำตอบคือ ไม่ แต่ถ้าถามว่ามันสนุก กลมกล่อมทั้ย คำตอบคือ ใช่ ง่ายๆ ใครอยากหาหนังรักดีๆดูสักเรื่องและไม่คิดอะไรมาก แอดก็แนะนำเรื่องนี้เลยครับ สนุก ตลก ดราม่า ครบรส

16.companion
หนังสยองขวัญแนว AI ที่เคยกล่าวไปแล้วในหนังของ megan แต่เรื่องนี้ทำออกมาได้ดี และใส่สัญญะได้ดีมาก ทั้งประเด็นเรื่องของ สิทธิในตัวเอง สิทธิสตรี และภาวะชายเป็นใหญ่ในสังคม มันทำออกได้คม เฉียบ และดีเยี่ยมมากๆ

17.anniversary
สารภาพตามตรง ตอนออกมาจากโรงหนังเรื่องนี้ทำผมปวดหัวตุบๆเลย โหดมาก หนังสะท้อนประเด็นการเมือง ทำออกมาได้โคตรระทึก เฉียบคม อย่างไรก็ตาม นี่มันก็คือหนังที่สะท้อนเรื่องของระบบการเมืองการปกครองก็เพียงแค่นั้น ให้แง่คิดอะไรกับเราเราก็เก็บเอาไว้ ดีที่สุดครับ

18.zootopia2
การกลับมาในรอบเกือบทศวรรษหลังจากภาคแรก สิ่งที่ดีของหนังเรื่องนี้เลยก็คืองานภาพ และสัญญะที่สั่งมาไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ สังคมในอุดมคติ อคติ อำนาจเงา อำนาจที่มองไม่เห็น การเมือง และอีกมากมายซึ่งเป็นสิ่งที่พิเศษมากสำหรับหนังการ์ตูนเด็กที่ขนาดนี้ แต่สะท้อนเรื่องที่ใหญ่ขนาดนี้ออกมาทำให้เด็กดูแล้วโตขึ้นเค้าจะเข้าใจได้ไม่ยาก โดยรวมและเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่ดีมากจริงๆ

19.หมู่บ้านโคกะโหลก
ตามสไตล์ของพี่พจน์ อานนท์ เป็นหนังเบาสมองดูง่ายๆ เป็นมุกที่คนไทยส่วนใหญ่จะชอบกันอยู่แล้ว เป็นการยำหนังจี้ของหนังผีหลายเรื่องมารวมกันในหนังเรื่องนี้ เส้นเลือดอาจจะไม่ได้เน้นมากเท่าไหร่แต่ความฮาได้กลับไปแน่นอน

20.bugonia
สำหรับผมนี่คือหนังที่ดีที่สุดแห่งปีและขอยกหนังเรื่องนี้ให้เป็นหนังที่ดีที่สุดแห่งปี 2025 การแสดงของ emma stone ทำออกมาได้ดีมากๆ ไม่ผิดหวังแน่นอนและตัวของ emma ยอมลงทุนตัดผม โกนหัวตัวเองจนเกลี้ยงเพื่อให้ได้เล่นเรื่องนั หนังมี concept ที่ดี มีการเล่าเรื่องที่ดี การแสดงที่ดี ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมหนังเรื่องนี้ถึงเป็นหนังที่ดีแห่งปี

21.หอแต๋วแตกแหกหลีหู
เป็นภาคแรกเลยที่เน้นเนื้อเรื่องมากกว่าเน้นความตลกโป๊กฮา ส่วนตัวมองว่าเนื้อเรื่องของภาพนี้มันแน่นกว่าเนื้อเรื่องจากภาคอื่นจริงๆ มีเส้นใหญ่ที่ชัดเจนและมีเส้นเรื่องย่ออีกมากมาย แต่โดยรวมมันก็เป็นหนังที่ความเป็นสไตล์พจน์ อานนท์อยู่ดังนั้น ใครที่อยากจะดูหนังอานนท์ที่เป็นแบบฉบับเดิมๆก็สามารถดูได้เช่นเดิม ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแค่การล้อเลียนเหตุการณ์บ้านเมืองอาจจะลดลง แต่ว่าความตลกก็ยังอยู่ โดยเฉพาะนักแสดงอย่างจตุรงค์ ม๊กจ๊ก และโก๊ะตี๋อารามบอย ที่แบกหนังเรื่องนี้สุดๆ ยังไม่ได้พูดถึงนักแสดงคนอื่นอย่างเช่นคนที่เล่นเป็นอาโคยนะ คนนั้นก็แบกเช่นกันแต่รู้สึกได้เลยว่าลุง จตุรงค์ในภาพนี้ แกแบกหนังมากจริงๆ โดยรวมหนังที่ดีครับดูง่ายๆ ผ่อนคลายสบายๆ

22.avatar fire and ash
รู้สึกโชคดีมากที่ได้รู้จักกับแฟนชายมาตั้งแต่ตอนที่เป็นเด็กจนตอนนี้โตแล้วแล้วก็กลับมาดูด้วยตัวเองรู้สึกว่าภาพนี้ก็ความยิ่งใหญ่อลังการไม่แพ้ภาคอื่นเลย ชอบในส่วนของต่อสู้ของตัวละคร รู้สึกว่า james cameron แกออกแบบฉากต่อสู้ออกมาได้คมมากๆ คือดูแล้วไม่เบื่อเลย ดูเพลินๆสนุกๆ แต่ถามว่ามันมีข้อเสียไหมมันก็สามารถมองข้ามได้ อันนี้ไม่นำเนื้อเรื่องนะ ก็คือความยาวของหนังนั่นเอง รู้สึกว่ามันยาวเกินไปจริงๆ คือนั่งจนเมื่อยเลย

23.bring her back
ถ้าถามถึงความน่ากลัวแห่งปีก็ต้องยกให้เรื่องนี้เลย การออกแบบฉาก plot เรื่องที่น่าสนใจ ต่อให้จะมีความซ้ำบ้างแต่ก็ยังคงความน่าสนใจ การออกแบบตัวละคร ที่เข้ากับบรรยากาศแห่งการถูกลอกทำร้ายได้ง่ายสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นการใส่ตัวละครอย่างป้าโรคจิต หนูน้อยตาบอด พี่ชายที่เปราะบาง รวมถึงตัวภาชนะที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะอีกตัวภาชนะหรือโอลิเวอร์เนี่ย โคตรน่ากลัวเลย ขอยกให้ซีนเคี้ยว ผลไม้เป็นซีน MVP แห่งปี

24.eternity
ถ้าเทียบกับ materilaist แล้ว หนังเรื่องนี้จะมีความย่อยง่ายกว่า และมี concept ที่ค่อนข้างที่จะแตกต่างและเด่นอย่างชัดเจน การตัดสินใจของตัวละครทำออกมาได้ดีรู้สึกซื้อกับการตัดสินใจของตัวละครมากๆ การเลือกระหว่างอดีตสามีและสามีคนปัจจุบันนั้นมันช่างยากซะเหลือเกิน แต่ส่วนตัวก็อย่างที่บอกและเคยพิมพ์ไปในกระทู้แล้วว่า หนังแนวนี้ส่วนใหญ่มันก็อยู่ที่บทว่าบทจะอวยใครมากกว่า แต่อย่างไรก็ตามก็เคารพการตัดสินใจของคนเขียนบทแล้วก็เคารพการตัดสินใจของการเลือกของตัวนางเอกเช่นกัน

25.frankenstein 2025
อลังการ ยิ่งใหญ่ และรู้สึกเสียดายในเวลาเดียวกัน เสียดายที่หนังเรื่องนี้ไม่ได้ฉายในโรง imax ในประเทศไทย จะรู้สึกว่าภาพยนตร์แบบนี้ควรได้ฉายในโรง imax แล้วควรได้รับชมในโรง imax สุดสุด แต่มันก็ต้องแล้วแต่ taste ของคนด้วย บางคนอาจจะชอบแนวนี้หรือบางคนอาจจะไม่ชอบเลยก็ได้ซึ่งคนไม่ชอบอาจจะดูแล้วง่วงไปเลยก็ได้แต่ส่วนตัวเราก็ดูได้ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ต้องยอมรับว่าโปรดักชั่นในเรื่องของงานภาพมันสวยและอลังการมากจริงๆ การออกแบบดีไซน์ตัวละคร รวมถึงบทบาทของตัวละครการแสดงของตัวละครทำออกมาได้ดีเช่นกัน เพราะฉะนั้นหนังเรื่องนี้นี่ใช้คำว่า absolute cinema ได้เลย

แล้วในปีนี้ทุกคนคิดว่าหนังเรื่องไหนเป็นที่สุดแห่งปี ของตัวเอง บ้าง ลองมาแชร์ความคิดเห็นได้เลยครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่