จากกระทูก่อนหน้าของผม (
บำนาญชราภาพคุ้มค่าหรือไม่) ทำให้ผมอยากรู้ว่าประเทศอื่นมีระบบบำนาญแตกต่างจากไทยมากน้อยแค่ไหน ผมเลยไปค้นข้อมูลต่อ ทำให้พบตารางที่มีคนเปรียบเทียบระบบบำนาญนานาชาติเอาไว้แล้ว รู้สึกว่าน่าสนใจเลยอยากเอามาแชร์ครับ ดูตารางก่อนแล้วค่อยอธิบายครับ
Net Replacement Rates by Earnings ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดความสามารถของระบบบำนาญในการ "คงระดับคุณภาพชีวิต" ของคนคนหนึ่งหลังจากเกษียณอายุครับ สรุปง่าย ๆ คือ ตารางนี้บอกว่า
"เมื่อคุณเกษียณ คุณจะได้เงินบำนาญเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของรายได้ตอนที่คุณยังทำงานอยู่" โดยหักภาษีและเงินสมทบต่าง ๆ ออกแล้วครับ
วิธีอ่านข้อมูลในตาราง
ตารางแบ่งกลุ่มคนตามระดับรายได้ (Individual earnings) เป็น 3 กลุ่ม เปรียบเทียบกับรายได้เฉลี่ยของประเทศนั้น ๆ
- 50 (ครึ่งหนึ่งของค่าเฉลี่ย) แทนกลุ่มผู้มีรายได้น้อย
- 100 (เท่ากับค่าเฉลี่ย) แทนกลุ่มชนชั้นกลาง
- 200 (สองเท่าของค่าเฉลี่ย) แทนกลุ่มผู้มีรายได้สูง
วิเคราะห์ข้อมูลที่น่าสนใจ
- ประเทศไทย
สำหรับผู้ชายและผู้หญิงที่มีรายได้ระดับ 50% และ 100% ของค่าเฉลี่ย จะมีอัตราทดแทนอยู่ที่
52.6%
แต่ถ้าเป็นกลุ่มรายได้สูง (200%) อัตราทดแทนจะลดลงเหลือ
44.0%
ความหมาย หากคุณมีรายได้เฉลี่ย ระบบบำนาญจะช่วยประคองให้คุณมีเงินใช้หลังเกษียณประมาณครึ่งหนึ่งของที่เคยได้ตอนทำงานครับ
- ประเทศที่บำนาญสูงมาก
ฟิลิปปินส์ ให้สูงถึง
111.4% สำหรับผู้มีรายได้น้อย หมายความว่าหลังเกษียณอาจมีรายได้สุทธิมากกว่าตอนทำงานเสียอีก
เวียดนาม มีอัตราที่เสถียรมากในทุกกลุ่มรายได้ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ
70-77%
- ประเทศที่บำนาญต่ำ (ต้องพึ่งพาเงินออมตัวเองสูง)
สิงคโปร์ มีอัตราทดแทนต่ำมากเพียง
10.9% - 16.6% เนื่องจากระบบเน้นการออมส่วนบุคคล (CPF) มากกว่าบำนาญจากรัฐ
อินโดนีเซีย อยู่ที่ประมาณ
14-16% เท่านั้น
- กลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (OECD)
ฝรั่งเศส มีระบบสวัสดิการที่ดี โดยให้บำนาญสูงถึง
62.4% สำหรับรายได้เฉลี่ย
ญี่ปุ่น อยู่ที่
38.9% สำหรับรายได้เฉลี่ย ซึ่งน้อยกว่าไทยในเชิงสัดส่วนเปอร์เซ็นต์ครับ
บทสรุปสำหรับคนไทย
จากตารางนี้จะเห็นว่า ระบบบำนาญไทยในปัจจุบันพยายามรักษามาตรฐานไว้ที่ประมาณ
50% ของรายได้ ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับปานกลางเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน แต่สำหรับกลุ่มคนรายได้สูง (200%) สัดส่วนนี้จะลดน้อยลง ทำให้จำเป็นต้องมีการออมส่วนตัวเพิ่มเพื่อให้เพียงพอต่อไลฟ์สไตล์เดิมครับ
ข้อสังเกตเพิ่มเติม
ในตารางนี้กล่าวถึงรายได้เฉลี่ยของประเทศ ซึ่งในเอกสารไม่ได้กล่าวไว้ว่าของประเทศไทยคือเท่าไหร่ ผมเลยต้องไปค้นข้อมูลต่อของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ซึ่งรายได้เฉลี่ยของประเทศไทยในปี 2568 (2025) ตามข้อมูลล่าสุดจากสำนักงานสถิติแห่งชาติและรายงานเศรษฐกิจ มีตัวเลขที่น่าสนใจดังนี้ครับ
1. รายได้เฉลี่ยรายบุคคล (Monthly Wage/Salary)
หากมองที่ "เงินเดือน" หรือ "ค่าจ้าง" เฉลี่ยต่อคน ข้อมูลล่าสุดระบุไว้ดังนี้
- ค่าจ้างเฉลี่ยรวมทั่วประเทศ อยู่ที่ประมาณ
15,352 - 15,737 บาทต่อเดือน
- ค่าจ้างเฉลี่ยในกรุงเทพฯ จะสูงกว่าค่าเฉลี่ยรวม โดยอยู่ที่ประมาณ
20,000 - 23,000 บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับว่าเป็นภาคเอกชนหรือรัฐบาล
2. รายได้เฉลี่ยครัวเรือน (Household Income)
ครัวเรือนไทยมักมีคนทำงานมากกว่า 1 คน ดังนั้นรายได้รวมของบ้านจึงสูงกว่ารายบุคคล
รายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือน (2568) อยู่ที่ประมาณ
28,151 บาทต่อเดือน
3. การนำไปใช้กับตาราง Net Replacement Rate
เมื่อนำรายได้เฉลี่ยประมาณ
15,700 บาท ไปเทียบกับตาราง (ช่องรายได้ 100% ของค่าเฉลี่ยสำหรับประเทศไทย ซึ่งระบุไว้ที่
52.6%) จะคำนวณบำนาญได้ดังนี้คือสูตร รายได้เฉลี่ย x อัตราทดแทน = บำนาญคาดการณ์
15,700 x 52.6% = 8,258 บาทต่อเดือน
ตัวเลข
8,258 บาท นี้ ใกล้เคียงกับตัวเลข
9,137 บาท จากสูตร CARE ที่ผมเคยแสดงการคำนวณให้ดูในกระทู้ก่อนหน้านี้
สาเหตุที่สูตร CARE ให้ยอดสูงกว่าเล็กน้อย เพราะสูตร CARE มีการปรับฐานเพดานเงินเดือนขึ้นไปถึง 23,000 บาท ทำให้ค่าเฉลี่ยของคนที่มีรายได้สูงถูกดึงขึ้นมาได้มากกว่าระบบเดิมครับ
สรุปส่งท้าย
เอาเฉพาะอาเซียนมี 2 ประเทศที่มีระบบบำนาญดีกว่าไทย คือ เวียดนาม และ ฟิลิปปินส์
แต่กรณีของสิงคโปร์ที่เห็นว่าได้น้อยกว่าไทย ความจริงแล้วระบบ CPF ของเขาทำให้ได้บำนาญมากกว่าไทยหลายเท่า โดยที่สิงคโปร์มองว่าการออมเป็นเรื่องส่วนบุคคล รัฐจะไม่เสียงบประมาณส่วนกลางไปกับส่วนนี้มากเกินไป แต่ก็บังคับให้ประชาชนออมตามกฎหมาย เป็นระบบที่น่าสนใจมากครับ แต่ที่น่าเป็นห่วงที่สุดน่าจะเป็นอินโดนีเซียเพราะบำนาญต่ำมากและไม่มีระบบพิเศษรองรับแบบสิงคโปร์
อย่างไรก็ตามบำนาญชราภาพเป็นแค่ส่วนหนึ่งของสวัสดิการที่รัฐบาลมอบให้ยามเกษียณ คงไม่สามารถพึ่งพาเป็นหลักในการเลี้ยงชีพได้ ดังนั้นพยายามหาก๊อกที่ 2,3,.. เผื่อไว้ก่อนเกษียณไม่ว่าจะเป็นการลงทุนและการออมรูปแบบต่างๆ เป็นการวางแผนแต่เนิ่นๆ นะครับ
แหล่งข้อมูลครับ
1. รายงานการวิเคราะห์และดัชนีบำนาญโลก
Mercer CFA Institute Global Pension Index 2024: รายงานฉบับนี้จัดให้ระบบบำนาญของสิงคโปร์เป็นอันดับ 1 ในเอเชีย (เกรด B+) โดยวิเคราะห์ความแข็งแกร่งของระบบ CPF
https://www.mercer.com/insights/investments/market-outlook-and-trends/mercer-cfa-institute-global-pension-index/
OECD iLibrary - Pensions at a Glance: Asia/Pacific: เป็นที่มาของตาราง
Net Replacement Rate ที่คุณนำมาให้ดู ซึ่งจะอธิบายว่าทำไมตัวเลขของสิงคโปร์ถึงดูน้อยในเชิงสถิติเปรียบเทียบ
https://www.oecd-ilibrary.org/social-issues-migration-health/pensions-at-a-glance-asia-pacific-2022_d1502396-en
2. ข้อมูลสรุปรายได้เฉลี่ยและการคำนวณของไทย
สำนักงานสถิติแห่งชาติ (National Statistical Office of Thailand): สำหรับข้อมูลรายได้เฉลี่ยครัวเรือนและรายบุคคลปี 2568
http://www.nso.go.th/
สำนักงานประกันสังคม (Social Security Office): รายละเอียดการปรับฐานเงินเดือนสู่ 23,000 บาท ภายใต้โครงสร้าง CARE
https://www.sso.go.th/
ระบบบำนาญชราภาพของไทยเมื่อเทียบกับของต่างประเทศแล้วแตกต่างกันอย่างไร
วิธีอ่านข้อมูลในตาราง
ตารางแบ่งกลุ่มคนตามระดับรายได้ (Individual earnings) เป็น 3 กลุ่ม เปรียบเทียบกับรายได้เฉลี่ยของประเทศนั้น ๆ
- 50 (ครึ่งหนึ่งของค่าเฉลี่ย) แทนกลุ่มผู้มีรายได้น้อย
- 100 (เท่ากับค่าเฉลี่ย) แทนกลุ่มชนชั้นกลาง
- 200 (สองเท่าของค่าเฉลี่ย) แทนกลุ่มผู้มีรายได้สูง
วิเคราะห์ข้อมูลที่น่าสนใจ
- ประเทศไทย
สำหรับผู้ชายและผู้หญิงที่มีรายได้ระดับ 50% และ 100% ของค่าเฉลี่ย จะมีอัตราทดแทนอยู่ที่ 52.6%
แต่ถ้าเป็นกลุ่มรายได้สูง (200%) อัตราทดแทนจะลดลงเหลือ 44.0%
ความหมาย หากคุณมีรายได้เฉลี่ย ระบบบำนาญจะช่วยประคองให้คุณมีเงินใช้หลังเกษียณประมาณครึ่งหนึ่งของที่เคยได้ตอนทำงานครับ
- ประเทศที่บำนาญสูงมาก
ฟิลิปปินส์ ให้สูงถึง 111.4% สำหรับผู้มีรายได้น้อย หมายความว่าหลังเกษียณอาจมีรายได้สุทธิมากกว่าตอนทำงานเสียอีก
เวียดนาม มีอัตราที่เสถียรมากในทุกกลุ่มรายได้ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 70-77%
- ประเทศที่บำนาญต่ำ (ต้องพึ่งพาเงินออมตัวเองสูง)
สิงคโปร์ มีอัตราทดแทนต่ำมากเพียง 10.9% - 16.6% เนื่องจากระบบเน้นการออมส่วนบุคคล (CPF) มากกว่าบำนาญจากรัฐ
อินโดนีเซีย อยู่ที่ประมาณ 14-16% เท่านั้น
- กลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (OECD)
ฝรั่งเศส มีระบบสวัสดิการที่ดี โดยให้บำนาญสูงถึง 62.4% สำหรับรายได้เฉลี่ย
ญี่ปุ่น อยู่ที่ 38.9% สำหรับรายได้เฉลี่ย ซึ่งน้อยกว่าไทยในเชิงสัดส่วนเปอร์เซ็นต์ครับ
บทสรุปสำหรับคนไทย
จากตารางนี้จะเห็นว่า ระบบบำนาญไทยในปัจจุบันพยายามรักษามาตรฐานไว้ที่ประมาณ 50% ของรายได้ ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับปานกลางเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน แต่สำหรับกลุ่มคนรายได้สูง (200%) สัดส่วนนี้จะลดน้อยลง ทำให้จำเป็นต้องมีการออมส่วนตัวเพิ่มเพื่อให้เพียงพอต่อไลฟ์สไตล์เดิมครับ
ข้อสังเกตเพิ่มเติม
ในตารางนี้กล่าวถึงรายได้เฉลี่ยของประเทศ ซึ่งในเอกสารไม่ได้กล่าวไว้ว่าของประเทศไทยคือเท่าไหร่ ผมเลยต้องไปค้นข้อมูลต่อของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ซึ่งรายได้เฉลี่ยของประเทศไทยในปี 2568 (2025) ตามข้อมูลล่าสุดจากสำนักงานสถิติแห่งชาติและรายงานเศรษฐกิจ มีตัวเลขที่น่าสนใจดังนี้ครับ
1. รายได้เฉลี่ยรายบุคคล (Monthly Wage/Salary)
หากมองที่ "เงินเดือน" หรือ "ค่าจ้าง" เฉลี่ยต่อคน ข้อมูลล่าสุดระบุไว้ดังนี้
- ค่าจ้างเฉลี่ยรวมทั่วประเทศ อยู่ที่ประมาณ 15,352 - 15,737 บาทต่อเดือน
- ค่าจ้างเฉลี่ยในกรุงเทพฯ จะสูงกว่าค่าเฉลี่ยรวม โดยอยู่ที่ประมาณ 20,000 - 23,000 บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับว่าเป็นภาคเอกชนหรือรัฐบาล
2. รายได้เฉลี่ยครัวเรือน (Household Income)
ครัวเรือนไทยมักมีคนทำงานมากกว่า 1 คน ดังนั้นรายได้รวมของบ้านจึงสูงกว่ารายบุคคล
รายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือน (2568) อยู่ที่ประมาณ 28,151 บาทต่อเดือน
3. การนำไปใช้กับตาราง Net Replacement Rate
เมื่อนำรายได้เฉลี่ยประมาณ 15,700 บาท ไปเทียบกับตาราง (ช่องรายได้ 100% ของค่าเฉลี่ยสำหรับประเทศไทย ซึ่งระบุไว้ที่ 52.6%) จะคำนวณบำนาญได้ดังนี้คือสูตร รายได้เฉลี่ย x อัตราทดแทน = บำนาญคาดการณ์
สาเหตุที่สูตร CARE ให้ยอดสูงกว่าเล็กน้อย เพราะสูตร CARE มีการปรับฐานเพดานเงินเดือนขึ้นไปถึง 23,000 บาท ทำให้ค่าเฉลี่ยของคนที่มีรายได้สูงถูกดึงขึ้นมาได้มากกว่าระบบเดิมครับ
สรุปส่งท้าย
เอาเฉพาะอาเซียนมี 2 ประเทศที่มีระบบบำนาญดีกว่าไทย คือ เวียดนาม และ ฟิลิปปินส์
แต่กรณีของสิงคโปร์ที่เห็นว่าได้น้อยกว่าไทย ความจริงแล้วระบบ CPF ของเขาทำให้ได้บำนาญมากกว่าไทยหลายเท่า โดยที่สิงคโปร์มองว่าการออมเป็นเรื่องส่วนบุคคล รัฐจะไม่เสียงบประมาณส่วนกลางไปกับส่วนนี้มากเกินไป แต่ก็บังคับให้ประชาชนออมตามกฎหมาย เป็นระบบที่น่าสนใจมากครับ แต่ที่น่าเป็นห่วงที่สุดน่าจะเป็นอินโดนีเซียเพราะบำนาญต่ำมากและไม่มีระบบพิเศษรองรับแบบสิงคโปร์
อย่างไรก็ตามบำนาญชราภาพเป็นแค่ส่วนหนึ่งของสวัสดิการที่รัฐบาลมอบให้ยามเกษียณ คงไม่สามารถพึ่งพาเป็นหลักในการเลี้ยงชีพได้ ดังนั้นพยายามหาก๊อกที่ 2,3,.. เผื่อไว้ก่อนเกษียณไม่ว่าจะเป็นการลงทุนและการออมรูปแบบต่างๆ เป็นการวางแผนแต่เนิ่นๆ นะครับ
แหล่งข้อมูลครับ
1. รายงานการวิเคราะห์และดัชนีบำนาญโลก
Mercer CFA Institute Global Pension Index 2024: รายงานฉบับนี้จัดให้ระบบบำนาญของสิงคโปร์เป็นอันดับ 1 ในเอเชีย (เกรด B+) โดยวิเคราะห์ความแข็งแกร่งของระบบ CPF
https://www.mercer.com/insights/investments/market-outlook-and-trends/mercer-cfa-institute-global-pension-index/
OECD iLibrary - Pensions at a Glance: Asia/Pacific: เป็นที่มาของตาราง Net Replacement Rate ที่คุณนำมาให้ดู ซึ่งจะอธิบายว่าทำไมตัวเลขของสิงคโปร์ถึงดูน้อยในเชิงสถิติเปรียบเทียบ
https://www.oecd-ilibrary.org/social-issues-migration-health/pensions-at-a-glance-asia-pacific-2022_d1502396-en
2. ข้อมูลสรุปรายได้เฉลี่ยและการคำนวณของไทย
สำนักงานสถิติแห่งชาติ (National Statistical Office of Thailand): สำหรับข้อมูลรายได้เฉลี่ยครัวเรือนและรายบุคคลปี 2568
http://www.nso.go.th/
สำนักงานประกันสังคม (Social Security Office): รายละเอียดการปรับฐานเงินเดือนสู่ 23,000 บาท ภายใต้โครงสร้าง CARE
https://www.sso.go.th/