พระกรุวัดเงินคลองเตย ประวัติการสร้างฉบับแก้คำผิดและเรียบเรียงใหม่แล้ว

เนื่องจากต้นฉบับคำผิดเพียบอ่านแล้วงง ผมเลยแก้ไขคำผิดแล้วก็เรียบเรียงใหม่ แล้วก็มาลงใน Pantip เพื่อเป็นประโยชน์แก่คนอื่นต่อไปครับ


ประวัติการสร้างพระกรุวัดเงินคลองเตย



                

        ชาวรามัญหรือมอญ เดิมเป็นชนชาติผู้มีอารยธรรมในประเทศพม่า มีประวัติความเป็นมานับพันปี มีความผูกพันกับชาวไทยมาอย่างยาวนาน ในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เมื่อ ๔๐๐ กว่าปีมาแล้ว มอญก็ได้เข้าร่วมรบกับกองทัพสยามของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชตีทัพพม่ามีความดีความชอบเป็นอันมาก พระมหาเถรคันฉ่องซึ่งเป็นพระภิกษุมอญและเป็นผู้ที่เคยช่วยชีวิตของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเอาไว้ที่เมืองแครงภายหลังก็ได้รับสถาปนาเป็นพระราชาคณะที่ “สมเด็จพระนพรัตน์” ครองวัดป่าแก้ว (วัดใหญ่ชัยมงคล)


     ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ ชาวมอญได้อพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารเป็นอันมาก รัชกาลที่๑ ท่านพระราชทานที่ดินให้เป็นชุมชนมอญทั้งในกรุงเทพฯ ปากเกร็ด ปทุมธานี ราชบุรี กาญจนบุรีและนครเขื่อนขันธ์(พระประแดง)
    
     ชาวมอญมีความชำนาญในด้านการค้าขาย,เครื่องดินเผา,การเกษตรและงานฝีมือต่าง ๆ ส่วนนักรบมอญเองก็มีฝีมือทางการรบ นักรบมอญได้เข้าอาสาร่วมรบในสงครามท่าดินแดงและสงคราม 9 ทัพอย่างกล้าหาญ
     
     ชุมชนมอญที่พระประแดงนับว่าใหญ่โตกว้างขวางเป็นปึกแผ่นแน่นหนาและเป็นชุมชนที่สามารถรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีของมอญไว้ได้อย่างงดงาม ประเพณีสงกรานต์มอญหรือที่เรียกว่า “งานสงกรานต์ปากลัด” ก็ยังคงสืบทอดและเป็นที่รู้จักของชาวไทยทั่วประเทศมาจนถึงทุกวันนี้
     
       ในพม่ารัฐบาลทหารจะถือว่ามอญเป็นชนกลุ่มน้อยแต่สำหรับในเมืองไทยนั้นชาวมอญหรือที่เรียกว่า “คนไทยเชื้อสายมอญ” คือ ชนชาติที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากเลยทีเดียว
    
       ต่อมา ประมาณ150ปีมาแล้ว ขุมชนที่ตำบลบางกอบัว มีเศรษฐีสองคนผัวเมียทำมาค้าขายจนมีฐานะดีแต่ไร้ทายาทสืบทอดสกุล จึงมาปรึกษากันว่า เมื่อเราทั้งสองไม่มีผู้สืบสกุลอายุก็มากแล้วควรจะนำทรัพย์สมบัติของเราฝากไว้ในพระพุทธศาสนาเผื่อว่าชาติหน้าจักได้ดำรงทรัพย์สมบัติพร้อมบริวารและทายาทสืบไป
     
      สองสามีภรรยาจึงแจวเรือข้ามมาฝั่งตรงข้ามอันเป็นเขตเรือกสวนอันสงบเพื่อติดต่อขอซื้อที่ดินเพื่อสร้างวัด เจ้าของที่ดินเห็นว่าดีมีประโยชน์จึงขายให้ สองสามีภรรยาจึงสร้างวัดขึ้นจนสำเร็จและให้นามว่า “วัดเงิน”
     
      ตามประเพณีของรามัญ เมื่อสร้างวัดและโบสถ์ตลอดจนขอพระราชทาน “วิสุงคามสีมา” แล้ว ต้องสร้างเจดีย์ทรงจอมแห (เจดีย์มอญแบบมัณฑะเลย์) เอาไว้ เมื่อสร้างเจดีย์แล้วตามคตินิยมก็ต้องสร้างพระไว้เพื่อสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา จึงมีการสร้างพระขึ้นเพื่อบรรจุไว้ในเจดีย์ จากนั้นก็เกิดวัดข้างเคียงเพิ่มอีกวัดนึงโดยคหบดีชาวไทย ชื่อ “วัดทอง” วัดทั้งสองจึงเป็นที่สักการะของชาวไทยและมอญตลอดมา
     
        ต่อมา ประมาณปีพ.ศ. ๒๔๖๐ เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง เรือบรรทุกข้าวเปลือกจะไปส่งโรงสีที่พระประแดงที่โยงกันมาเกิดอุบัติเหตุหลุดจากพวง กระแสลมและน้ำพัดเอาเรือบรรทุกข้าวเปลือกชนกระแทกกับพระเจดีย์ที่อยู่ริมน้ำจนเกิดรอยปริร้าวและชำรุดเป็นรูใหญ่ทำให้พระผงสีขาวหลุดทะลักออกมาเป็นจำนวนมาก เมื่อทางวัดเงินได้รับการชดใช้ค่าเสียหายแล้ว จึงซ่อมแซมเจดีย์ใหม่แล้วนำพระบรรจุกลับเข้าไปตามเดิม จากนั้นก็สร้างเขื่อนกันกระแทกเพิ่มขึ้นอีกชั้นนึงเรื่องจึงยุติลง
       
         ทว่าชะตาวัดเงินยังไม่พ้นเคราะห์ รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้สั่งให้สำรวจสถานที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อจัดสร้างท่าเทียบเรือสินค้าและสำนักงานศุลกากรให้เป็นมาตรฐานสากล คณะสำรวจปักหมุดแดงลงบนพื้นที่ธรณีสงฆ์ของวัดเงินและวัดทองเป็นเขตเวนคืนที่ดิน

        พอถึงพ.ศ. ๒๔๙๐ พ.ร.บ. เวนคืนที่ดินประกาศบังคับใช้ กรรมการศาสนาได้ประสานงานถอนวิสุงคามสีมาให้หมดสภาพวัดและรื้อถอนสิ่งก่อสร้าง เพื่อมอบให้รัฐบาลดำเนินการสร้างท่าเรือ วัดเงินย้ายไปอยู่ซอยจันทน์ ๔๓ เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “วัดไผ่เงิน” ส่วนวัดทองย้ายไปอยู่ริมถนนสุขุมวิทปากซอยเอกมัย เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “วัดธาตุทอง”
       
         ในระหว่างการรื้อถอนสิ่งก่อสร้างในวัดเงิน เมื่อรื้อพระเจดีย์พบพระจำนวนมหาศาลบรรจุอยู่ด้านในมีหลายพิมพ์ ทางวัดได้นำออกมาให้บูชาเพื่อสมทบทุนโยกย้ายวัด จึงเป็นเหตุให้เริ่มมีพระวัดเงินคลองเตยหมุนเวียนในตลาดนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
จากประวัติที่ทางวัดได้พิมพ์เผยแพร่ปรากฏ ข้อความตอนหนึ่งว่า
“วัดเงิน เป็นวัดที่ผู้สร้างวัดเป็นเศรษฐีผู้ร่ำรวย เป็นชายไทยเชื้อสายมอญจากฝั่งบางกอบัว เจดีย์และพระที่พบในพระเจดีย์ จึงเป็นของตั้งแต่สร้างวัด”
        
       พระวัดเงิน คลองเตย เป็นพระเนื้อผงวิเศษผสมผงปูนเปลือกหอย ไม่มีมวลสารอื่นใดนอกจากตังอิ๊วและวัสดุโยงยึดบางอย่างที่นักเลงพระหลายท่านลงความเห็นว่า เป็นเม็ดขนุนนำมาต้มให้หนืดแล้วเอาแต่เนื้อมาโขลกผสมกับผงวิเศษให้เนื้อนุ่มและแกร่ง มีคราบหินปูนอันเกิดจากแคลเซียมกับความร้อนความเย็นและไอระเหยของกรดที่อยู่ในพระเจดีย์ที่นักเลงพระเรียกว่า “คราบฟองเต้าหู้” ลักษณะคราบฟองเต้าหู้ของวัดพระเงินคลองเตยคล้ายกับคราบฟองเต้าหู้ของพระสมเด็จบางขุนพรหมกรุใหม่ ที่เปิดกรุเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๐ จนถือเป็นทฤษฎีได้ว่า หากดูคราบกรุวัดเงินคลองเตยได้ ก็ดูคราบกรุบางขุนพรหมกรุใหม่ได้เช่นกัน
     
       พระวัดเงินคลองเตยมีพุทธคุณตามนามวัด คือ “เงิน” ผู้สวมใส่ติดตัวจะอุดมด้วยลาภผลและทรัพย์สินเงินทอง พ่อค้าแม่ค้าแถวตลาดคลองเตยนิยมแขวนกันมาก และยังช่วยให้แคล้วคลาดปลอดภัย ยกตัวอย่างเหตุการณ์หนึ่ง คือเหตุการณ์รถบรรทุกแม่ค้าผักย่านคลองเตยคว่ำเทกระจาด บาดเจ็บหลายคน แต่แม่ค้าที่แขวนพระวัดเงินคลองเตยกับมีแค่รอยฟกช้ำเท่านั้น
  ปัจจุบันวัดพระเงินคลองเตย ได้รับความนิยมสูงโดยเฉพาะพิมพ์พิเศษหรือพิมพ์
สังกัจจายน์ราคาเป็นแสน แต่บางพิมพ์ก็พอหาได้ในหลักพันกลางถึงปลายเท่านั้น
        
      พระกรุวัดเงินคลองเตย มีพิมพ์ดังนี้ สังกัจจายน์ไม่มีหู,สังกัจจายน์มีหู,หูบายศรีฐานสูง,ซุ้มกอฐานเตี้ย ( แขนกลม,แขนหักศอก),พระคง (หน้าใหญ่(หน้าซาลาเปา),หน้าเล็ก(หน้าเทวดา))พระคงหน้าฤๅษี(ฤๅษีหน้าวัว,ฤๅษีตาไฟ),สังฆาฏิ,เล็บมือ(ปางมารวิชัย,ปางสมาธิ),พิมพ์พิเศษ พระประจำวันทั้ง ๗ วัน และยังมีพิมพ์พิเศษอื่น ๆ อีกหลายพิมพ์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่