ขอเล่าถึงตัวเองและที่มาของที่พักก่อนนะคะ แล้วถึงจะลงรายละเอียดว่าเหตุใดที่พักเราถึงทำแบบบ้านๆ
เราเป็นลูกสาวเจ้าของที่พักแถวปากช่อง ส่วนตัวอาศัยอยู่กรุงเทพ มีครอบครัวมี ลูกๆ ต้องดูแล แต่ก็ยังเป็นลูกที่ต้องดูแลพ่อแม่เช่นกัน
เรื่องคือว่า พ่อแม่ซื้อที่ที่ปากช่องตั้งแต่ยุคที่ผู้ใหญ่นิยมซื้อที่เก็บ ทุกๆ เดือนๆ มีค่าใช้จ่ายในการจ้างคนมาเฝ้าที่และดูแลความเรียบร้อย เราเห็นว่ารายจ่ายตรงนี้มันเป็นรายจ่ายประจำ ควรหารายได้จากที่พักนี้เพื่อมาช่วยในการแบ่งเบารายจ่ายให้พ่อแม่ เราเลยเริ่มมองหาว่าตรงนี้จะสร้างรายได้อะไรได้บ้าง
ช่วงก่อนโควิดประมาณ 1 ปี เราเริ่มขึ้นไปดูสถานที่จริง และหาข้อมูลพบว่า ที่ปากช่อง อยู่ไม่ไกลจากเขาใหญ่ ซึ่งมีการจัดงานเทศกาลดนตรี จึงเริ่มต้นจากตรงนั้น
ปีแรกเริ่มปล่อยห้องพักถ้าจำไม่ผิดน่าจะประมาณปี 2018 (หาโพสต์ใน fb ไม่อยู่แล้ว เลยไม่แน่ใจปี)โดยการเข้าไปตามกลุ่มที่มีคนหาห้องพัก และก็เริ่มมีคนพื้นที่ติดต่อมา ขอเหมาห้องไปปล่อยต่อ ด้วยความใหม่ต่อธุรกิจประเภทนี้ (ปกติอยู่ กทม เป็นแม่บ้าน และ รับสอนภาษาจีนที่บ้าน มีงานหาลูกค้าเข้าพักอพาร์ทเมนท์ใน กทม บ้าง) และเราไม่คุ้นเคยพื้นที่ปากช่อง จึงให้นายหน้าที่ติดต่อมาช่วยขายให้ (ติดต่อมา 2 ราย) หลังจบงานเราไล่โทรหาลูกค้าเพื่อดู feedback ปรากฏว่าได้รับ feedback ไม่ดี หลักๆ คือ ที่พักแอดอัดไป ที่นี่เราทำห้องไว้สำหรับ 2 - 10 คน/ห้อง แต่ปรากฏว่านายหน้าเอาห้อง 2 คนไปปล่อย 4 คน เตียงก็ไม่ได้เสริม ลูกค้าเลยอึดอัด รู้สึกว่าที่พักไม่โอเค เก็ยค่าเสริมเตียงแต่ไม่เสริมให้ รู้สึกไม่คุ้มกับเงินที่ต้องจ่ายไป (นายหน้าเหมาแบบเตรียมห้อง 2 คน ลูกค้ามาเกิน 2 คนแจ้งวันงานเสริมไม่ทันบ้าง หรือเกินมาโดยไม่ได้แจ้งทางเราบ้าง)
ปีที่ 2 เลยตัดสินใจทำเอง ปีนั้น เป็นปีทองของเรา เริ่มหาลูกค้าใหม่ทั้งหมด และที่พักก็มีคนเข้าพักเต็ม เราเริ่มติดต่อคนพื้นที่มาขับรถรับส่งไปคอนให้ แต่ยังเป็นแบบให้ลูกค้าเลือก เอารถรับส่งก็จ่ายเพิ่ม ขับไปเองก็จ่ายแค่ค่าที่พัก
ส่วนใหญ่ลูกค้าถ้าไปงานฝั่งเขาใหญ่จะให้เราหารถให้ เพราะไว้ใจได้ ราคาถูก ไม่โดนฟันราคา แต่ถ้าไปฝั่งทองสมบูรณ์ (อยู่ฝั่งปากช่องเหมือนเรา) ลูกค้าจะขับไปกันเอง
เราเน้นขายที่พักอย่างเดียว รถรับส่งจึงจ้าง 2 ผัวเมียน่ารักมาบริการให้ โดยเราไม่บวกค่ารถ เพราะอยากให้ลูกค้าจ่ายถูก และน้องผัวเมียก็น่ารัก ราคาถูก บริการดี ถูกใจกัน จึงใช้มาเรื่อยๆ นอกจากรถแล้ว เราก็ให้น้องผัวเมียหาคนพื้นที่มาทำอาหารในพื้นที่ ขายได้เท่าไหร่เอาไปได้เลย เพราะเราไม่มีแม่ครัวประจำ จ้างไม่ไหว ที่พักเปิดแค่เทศกาลดนตรี เน้นมีงาน จ้างงานคนพื้นที่ดีกว่า ปีนี้เริ่มมีอาหาร ปรากฏว่า ไม่คุ้ม เพราะลูกค้างานคอนตื่นสาย ไม่ตื่นมากินข้าวต้มเหลือบาน ไม่ขาดทุนแต่ก็ไม่กำไร
ปีที่ 3 ปีนี้เริ่มทำที่พักพร้อมรถรับส่งเต็มตัว ที่พักเต็มหมด และบริการรถรับส่งไปฝั่งเขาใหญ่ น้องผัวเมียหาทีมมาขับ ยังคงคุมราคาให้ถูกไว้ และปีนี้อากาศเย็นดี เย็นนาน เป็นปีแรกที่เริ่มขายห้องพักปีใหม่ และปล่อยได้ทั้งหมด
หลังจากปีที่ 4 เป็นต้นมา งานคอนฝั่งเขาใหญ่เริ่มเงียบๆ (ปกติเราจะเช็คกับพี่น่ารักที่เค้าดูที่พักและรถฝั่งเขาใหญ่ ถ้าโซนนั้นเต็ม แสดงว่าฝั่งปากช่องเริ่มมีโอกาสขายห้องได้ เราจะเริ่มขายตอนนั้น เพราะลูกค้าไม่มีที่ใกล้แล้ว เราจึงกลายมาเป็นตัวเลือกได้) ห้องพักงานคอนฝั่งเขาใหญ่ปล่อยได้เฉพาะห้อง 2 คน
ยังโชคดีว่าตอนหลังงานคอนจัดที่ปากช่องมากขึ้น เลยได้ลูกค้ามาบ้าง แต่ไม่เต็มทั้งหมดเหมือนปีก่อนๆ แล้ว ได้แค่ห้อง 2 คน แค่ครึ่งนึงของที่พักที่มีเอง
เล่ามาถึงตรงนี้ ก็อยากจะบอกว่า รายได้มันได้หวือหวาอะไร ไม่ได้กำไร แต่พอมาแบ่งเบาค่าใช้จ่ายคนงานได้ แต่ก็ไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งปี
ตอนแรกที่ขึ้นมาปรับปรุง บางห้องมีทีวี ตู้เย็น เราก็จัดหามาให้มีทั้งหมด แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าเช่นตู้เย็น พอไม่มีคนเข้าพักเลยทั้งปี มารอแค่ช่วงปลายปี ตู้เย็นก็ทยอยเสีย สุดท้ายเราเลยไม่ได้ซื้อตู้เย็น บริการเป็นถังน้ำแข็งแทน
ส่วนทีวี ที่นี่ใช้จาน ดูยังไงก็ไม่ชัดเหมือนดูที่ กทม ซื้อกล่องมาติดเพิ่ม เรียกช่างมาเดินสาย ฝนตก ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ไปๆ มาๆ ทีวีมีก็ดูได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เสียบ้าง
กระแสห้องพักเต็มก็สวนทาง ทั้งเทศกาลดนตรีและปีใหม่ไม่มีเต็มอีกต่อไป และเราก็ไม่อยากลงทุนซื้อทีวี ตู้เย็น มารอเสียอีกแล้ว (ที่ กทม พ่อแม่ก็ทำอพาร์ทเมนท์ รายเดือน เราช่วยดูหาลูกค้าอยู่ แรกๆ ก็มีทีวี ตู้เย็นให้เช่า แต่ลูกค้ารายเดือน รายปี มีของเค้ามาเอง สุดท้ายทีวี ตู้เย็น ก็เสียไปตามอายุโดยไม่ถูกเช่า)
มาถึงไวไฟ ค่าใช้จ่ายในการเดินสายแพงมาก เพราะที่พักเราเน้นทำกระจายๆ แยกกันเป็นโซนๆ และมีค่าบริการรายเดือน เราเลยไม่เคยให้บริการไวไฟตั้งแต่เปิดให้บริการ (เคยคิดว่าถ้ารายได้ดี มีกว่ารายจ่ายจะพัฒนา มีบริการไวไฟฟรีเพิ่มเติม แต่ไม่ได้ไปถึงจุดนั้น)
ปัจจุบัน เลยต้องมาคิดใหม่ว่า ถ้าปล่อยตามสภาพ ที่พักเราจะทำอะไรได้บ้าง และในโลกปัจจุบัน ถ้าไม่มีไวไฟ และทีวี จะมีใครสนใจเข้าพักไหม
ตอนนี้คิดไว้หลายๆ ทาง เช่น
1.ทำเป็นที่ปฏิบัติธรรมง่ายๆ ด้วยตนเอง (ไม่ใช่ศูนย์ปฏิบัติธรรม ที่ต้องมีผู้นำปฏิบัติ) ไม่เน้นพิธีการ คือ ผู้มาพัก หลีกหนีความวุ่นวายจากชีวิตเมือง ได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองสัก 1-7 วัน
ทางเราจัดเตรียมที่พักให้เท่านั้น ส่วนอาหารก็มีบริการสั่งอาหาร 3 มื้อเตรียมไว้ให้ค่ะ
2.ทำเป็นบ้านพักสำหรับ รับน้อง outing กลุ่มเล็ก ปิดรีสอร์ต ประมาณนั้น คิดราคาเป็นหัวเน้นให้บริการที่พัก
ส่วนบริการอื่นๆ จัดหาคนพื้นที่มาบริหารให้ตามงบ
(ตอนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเป็นเด็กสายกิจกรรม เรามองว่าที่พักเราเหมาะจัดกิจกรรมรับน้องมีพื้นที่ให้ทำ walk rally แต่ก็อีกนั่นแหละ ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันเด็กๆ รุ่นใหม่ยังมีรับน้อง ตจว กันไหมน้อ)
เพิ่งเป็นสมาชิก เขียนกระทู้ครั้งแรก อยากฟังความคิดเห็นชาวพันทิป คอมเมนท์ได้นะคะ แต่ขอสุภาพนิดหน่อย เพื่อต้อนรับสมาชิกใหม่ค่ะ
ท่านใดสนใจเข้าพัก หรือคิดว่าสามารถบริหารจัดการต่อได้ดี ทักมาได้นะคะ หรือมาทิ้งเบอร์ให้ติดต่อกลับก็ได้ค่ะ
จาก
คน กทม ที่ต้องดูแลที่พัก ปากช่อง
บริการที่พักบ้านๆ คือ มีคือแค่ที่พักและห้องน้ำในตัว ไม่มีไวไฟ ไม่มีทีวี จะมีใครสนใจไหมน้อ
เราเป็นลูกสาวเจ้าของที่พักแถวปากช่อง ส่วนตัวอาศัยอยู่กรุงเทพ มีครอบครัวมี ลูกๆ ต้องดูแล แต่ก็ยังเป็นลูกที่ต้องดูแลพ่อแม่เช่นกัน
เรื่องคือว่า พ่อแม่ซื้อที่ที่ปากช่องตั้งแต่ยุคที่ผู้ใหญ่นิยมซื้อที่เก็บ ทุกๆ เดือนๆ มีค่าใช้จ่ายในการจ้างคนมาเฝ้าที่และดูแลความเรียบร้อย เราเห็นว่ารายจ่ายตรงนี้มันเป็นรายจ่ายประจำ ควรหารายได้จากที่พักนี้เพื่อมาช่วยในการแบ่งเบารายจ่ายให้พ่อแม่ เราเลยเริ่มมองหาว่าตรงนี้จะสร้างรายได้อะไรได้บ้าง
ช่วงก่อนโควิดประมาณ 1 ปี เราเริ่มขึ้นไปดูสถานที่จริง และหาข้อมูลพบว่า ที่ปากช่อง อยู่ไม่ไกลจากเขาใหญ่ ซึ่งมีการจัดงานเทศกาลดนตรี จึงเริ่มต้นจากตรงนั้น
ปีแรกเริ่มปล่อยห้องพักถ้าจำไม่ผิดน่าจะประมาณปี 2018 (หาโพสต์ใน fb ไม่อยู่แล้ว เลยไม่แน่ใจปี)โดยการเข้าไปตามกลุ่มที่มีคนหาห้องพัก และก็เริ่มมีคนพื้นที่ติดต่อมา ขอเหมาห้องไปปล่อยต่อ ด้วยความใหม่ต่อธุรกิจประเภทนี้ (ปกติอยู่ กทม เป็นแม่บ้าน และ รับสอนภาษาจีนที่บ้าน มีงานหาลูกค้าเข้าพักอพาร์ทเมนท์ใน กทม บ้าง) และเราไม่คุ้นเคยพื้นที่ปากช่อง จึงให้นายหน้าที่ติดต่อมาช่วยขายให้ (ติดต่อมา 2 ราย) หลังจบงานเราไล่โทรหาลูกค้าเพื่อดู feedback ปรากฏว่าได้รับ feedback ไม่ดี หลักๆ คือ ที่พักแอดอัดไป ที่นี่เราทำห้องไว้สำหรับ 2 - 10 คน/ห้อง แต่ปรากฏว่านายหน้าเอาห้อง 2 คนไปปล่อย 4 คน เตียงก็ไม่ได้เสริม ลูกค้าเลยอึดอัด รู้สึกว่าที่พักไม่โอเค เก็ยค่าเสริมเตียงแต่ไม่เสริมให้ รู้สึกไม่คุ้มกับเงินที่ต้องจ่ายไป (นายหน้าเหมาแบบเตรียมห้อง 2 คน ลูกค้ามาเกิน 2 คนแจ้งวันงานเสริมไม่ทันบ้าง หรือเกินมาโดยไม่ได้แจ้งทางเราบ้าง)
ปีที่ 2 เลยตัดสินใจทำเอง ปีนั้น เป็นปีทองของเรา เริ่มหาลูกค้าใหม่ทั้งหมด และที่พักก็มีคนเข้าพักเต็ม เราเริ่มติดต่อคนพื้นที่มาขับรถรับส่งไปคอนให้ แต่ยังเป็นแบบให้ลูกค้าเลือก เอารถรับส่งก็จ่ายเพิ่ม ขับไปเองก็จ่ายแค่ค่าที่พัก
ส่วนใหญ่ลูกค้าถ้าไปงานฝั่งเขาใหญ่จะให้เราหารถให้ เพราะไว้ใจได้ ราคาถูก ไม่โดนฟันราคา แต่ถ้าไปฝั่งทองสมบูรณ์ (อยู่ฝั่งปากช่องเหมือนเรา) ลูกค้าจะขับไปกันเอง
เราเน้นขายที่พักอย่างเดียว รถรับส่งจึงจ้าง 2 ผัวเมียน่ารักมาบริการให้ โดยเราไม่บวกค่ารถ เพราะอยากให้ลูกค้าจ่ายถูก และน้องผัวเมียก็น่ารัก ราคาถูก บริการดี ถูกใจกัน จึงใช้มาเรื่อยๆ นอกจากรถแล้ว เราก็ให้น้องผัวเมียหาคนพื้นที่มาทำอาหารในพื้นที่ ขายได้เท่าไหร่เอาไปได้เลย เพราะเราไม่มีแม่ครัวประจำ จ้างไม่ไหว ที่พักเปิดแค่เทศกาลดนตรี เน้นมีงาน จ้างงานคนพื้นที่ดีกว่า ปีนี้เริ่มมีอาหาร ปรากฏว่า ไม่คุ้ม เพราะลูกค้างานคอนตื่นสาย ไม่ตื่นมากินข้าวต้มเหลือบาน ไม่ขาดทุนแต่ก็ไม่กำไร
ปีที่ 3 ปีนี้เริ่มทำที่พักพร้อมรถรับส่งเต็มตัว ที่พักเต็มหมด และบริการรถรับส่งไปฝั่งเขาใหญ่ น้องผัวเมียหาทีมมาขับ ยังคงคุมราคาให้ถูกไว้ และปีนี้อากาศเย็นดี เย็นนาน เป็นปีแรกที่เริ่มขายห้องพักปีใหม่ และปล่อยได้ทั้งหมด
หลังจากปีที่ 4 เป็นต้นมา งานคอนฝั่งเขาใหญ่เริ่มเงียบๆ (ปกติเราจะเช็คกับพี่น่ารักที่เค้าดูที่พักและรถฝั่งเขาใหญ่ ถ้าโซนนั้นเต็ม แสดงว่าฝั่งปากช่องเริ่มมีโอกาสขายห้องได้ เราจะเริ่มขายตอนนั้น เพราะลูกค้าไม่มีที่ใกล้แล้ว เราจึงกลายมาเป็นตัวเลือกได้) ห้องพักงานคอนฝั่งเขาใหญ่ปล่อยได้เฉพาะห้อง 2 คน
ยังโชคดีว่าตอนหลังงานคอนจัดที่ปากช่องมากขึ้น เลยได้ลูกค้ามาบ้าง แต่ไม่เต็มทั้งหมดเหมือนปีก่อนๆ แล้ว ได้แค่ห้อง 2 คน แค่ครึ่งนึงของที่พักที่มีเอง
เล่ามาถึงตรงนี้ ก็อยากจะบอกว่า รายได้มันได้หวือหวาอะไร ไม่ได้กำไร แต่พอมาแบ่งเบาค่าใช้จ่ายคนงานได้ แต่ก็ไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งปี
ตอนแรกที่ขึ้นมาปรับปรุง บางห้องมีทีวี ตู้เย็น เราก็จัดหามาให้มีทั้งหมด แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าเช่นตู้เย็น พอไม่มีคนเข้าพักเลยทั้งปี มารอแค่ช่วงปลายปี ตู้เย็นก็ทยอยเสีย สุดท้ายเราเลยไม่ได้ซื้อตู้เย็น บริการเป็นถังน้ำแข็งแทน
ส่วนทีวี ที่นี่ใช้จาน ดูยังไงก็ไม่ชัดเหมือนดูที่ กทม ซื้อกล่องมาติดเพิ่ม เรียกช่างมาเดินสาย ฝนตก ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ไปๆ มาๆ ทีวีมีก็ดูได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เสียบ้าง
กระแสห้องพักเต็มก็สวนทาง ทั้งเทศกาลดนตรีและปีใหม่ไม่มีเต็มอีกต่อไป และเราก็ไม่อยากลงทุนซื้อทีวี ตู้เย็น มารอเสียอีกแล้ว (ที่ กทม พ่อแม่ก็ทำอพาร์ทเมนท์ รายเดือน เราช่วยดูหาลูกค้าอยู่ แรกๆ ก็มีทีวี ตู้เย็นให้เช่า แต่ลูกค้ารายเดือน รายปี มีของเค้ามาเอง สุดท้ายทีวี ตู้เย็น ก็เสียไปตามอายุโดยไม่ถูกเช่า)
มาถึงไวไฟ ค่าใช้จ่ายในการเดินสายแพงมาก เพราะที่พักเราเน้นทำกระจายๆ แยกกันเป็นโซนๆ และมีค่าบริการรายเดือน เราเลยไม่เคยให้บริการไวไฟตั้งแต่เปิดให้บริการ (เคยคิดว่าถ้ารายได้ดี มีกว่ารายจ่ายจะพัฒนา มีบริการไวไฟฟรีเพิ่มเติม แต่ไม่ได้ไปถึงจุดนั้น)
ปัจจุบัน เลยต้องมาคิดใหม่ว่า ถ้าปล่อยตามสภาพ ที่พักเราจะทำอะไรได้บ้าง และในโลกปัจจุบัน ถ้าไม่มีไวไฟ และทีวี จะมีใครสนใจเข้าพักไหม
ตอนนี้คิดไว้หลายๆ ทาง เช่น
1.ทำเป็นที่ปฏิบัติธรรมง่ายๆ ด้วยตนเอง (ไม่ใช่ศูนย์ปฏิบัติธรรม ที่ต้องมีผู้นำปฏิบัติ) ไม่เน้นพิธีการ คือ ผู้มาพัก หลีกหนีความวุ่นวายจากชีวิตเมือง ได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองสัก 1-7 วัน
ทางเราจัดเตรียมที่พักให้เท่านั้น ส่วนอาหารก็มีบริการสั่งอาหาร 3 มื้อเตรียมไว้ให้ค่ะ
2.ทำเป็นบ้านพักสำหรับ รับน้อง outing กลุ่มเล็ก ปิดรีสอร์ต ประมาณนั้น คิดราคาเป็นหัวเน้นให้บริการที่พัก
ส่วนบริการอื่นๆ จัดหาคนพื้นที่มาบริหารให้ตามงบ
(ตอนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเป็นเด็กสายกิจกรรม เรามองว่าที่พักเราเหมาะจัดกิจกรรมรับน้องมีพื้นที่ให้ทำ walk rally แต่ก็อีกนั่นแหละ ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันเด็กๆ รุ่นใหม่ยังมีรับน้อง ตจว กันไหมน้อ)
เพิ่งเป็นสมาชิก เขียนกระทู้ครั้งแรก อยากฟังความคิดเห็นชาวพันทิป คอมเมนท์ได้นะคะ แต่ขอสุภาพนิดหน่อย เพื่อต้อนรับสมาชิกใหม่ค่ะ
ท่านใดสนใจเข้าพัก หรือคิดว่าสามารถบริหารจัดการต่อได้ดี ทักมาได้นะคะ หรือมาทิ้งเบอร์ให้ติดต่อกลับก็ได้ค่ะ
จาก
คน กทม ที่ต้องดูแลที่พัก ปากช่อง