ถ้าย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ถ้าใครพูดว่า “ทีวีจีนจะครองตลาดญี่ปุ่น” เชื่อว่าหลายคนคงส่ายหัวแน่นอน เพราะในตอนนั้น ตลาดทีวีญี่ปุ่น ถูกผูกขาดโดยแบรนด์ญี่ปุ่นแท้ ๆ อย่าง
Sharp, Sony และ Panasonic รวมกันเกือบ 90%
จากข้อมูลปี
2024 แบรนด์ที่ครองส่วนแบ่งตลาดทีวีในญี่ปุ่นมากที่สุด คือ
👉
Hisense จากจีน ครองตลาดถึง 41%
ขณะที่เจ้าถิ่นอย่าง
- Sony เหลือ 9.6%
- Panasonic เหลือ 8.8%
จุดเริ่มต้นที่ “ตามหลังญี่ปุ่นหลายก้าว”
Hisense ไม่ได้เกิดมาพร้อมความยิ่งใหญ่ แต่เริ่มจาก
โรงงานผลิตวิทยุเล็ก ๆ ในปี 1969 ที่เมืองชิงเต่า ประเทศจีน ปี 1979
Hisense เพิ่งเริ่มผลิตทีวีจริงจัง ในขณะที่ญี่ปุ่นนำหน้าไปไกลแล้ว
ลองเทียบกันดู
- ปี 1960 Sharp เปิดตัวทีวีสีเครื่องแรกของญี่ปุ่น
- ปี 1968 Sony เปิดตัว Trinitron ที่คมชัดที่สุดในยุคนั้น
- สินค้า “Made in Japan” คือของพรีเมียมของโลก
- ขณะที่จีน… ยังแทบไม่มีทีวีใช้กันด้วยซ้ำ
กลยุทธ์แรก : “เรียนรู้จากคู่แข่งแบบตรงไปตรงมา”
Hisense รู้ตัวดีว่า สู้ญี่ปุ่นด้านเทคโนโลยีไม่ได้ สิ่งที่บริษัททำคือ 👉
Reverse Engineering
- เอาทีวีญี่ปุ่นมารื้อ ศึกษา แยกชิ้นส่วน
- ดูว่าอะไรจำเป็น อะไรตัดได้
- เป้าหมายไม่ใช่ทีวีหรู
- แต่คือ
ทีวีที่ใช้งานได้ดี ราคาที่คนทั่วไปเอื้อมถึง
โตจากประเทศกำลังพัฒนา สู่ตลาดโลก
เมื่อแบรนด์เริ่มแข็งแรงในจีน ปี 1993 Hisense ขยายตลาดต่างประเทศ แต่ไม่ไปชนตรงกับตลาดพรีเมียม เลือกไปที่
แอฟริกาใต้ ซึ่งกำลังซื้อยังไม่สูง ผลคือ… Hisense โตเร็วมากและจนถึงวันนี้ก็ยังครองอันดับ 1 ในแอฟริกาใต้ ด้วยส่วนแบ่งราว 30%
กลยุทธ์สำคัญ : “ซื้อแบรนด์เจ้าถิ่นให้เป็นของตัวเอง”
พอเริ่มตัวใหญ่ Hisense ใช้กลยุทธ์ที่บริษัทจีนถนัด คือ
เข้าซื้อกิจการ
ปี 2017 👉 Hisense ซื้อหุ้น
95% ของธุรกิจทีวี Toshiba ผลที่ได้คือ
- ได้ชื่อแบรนด์ญี่ปุ่นที่คนเชื่อถือ
- ได้โรงงาน พนักงาน และช่องทางขายในญี่ปุ่นทันที
- ได้ฐานลูกค้าเดิมแบบไม่ต้องเริ่มจากศูนย์
ในส่วนแบ่ง 41% ของ Hisense มีส่วนของแบรนด์ Toshiba รวมอยู่ราว
24%
ภาพตลาดทีวีญี่ปุ่นวันนี้
- Hisense : 41%
- Sharp : 20.6% (ซึ่งปัจจุบันอยู่ใต้ Foxconn จากไต้หวัน)
- Sony : 9.6%
- Panasonic : 8.8%
ปิดเกมด้วย “การตลาดระดับโลก”
อีกหมัดเด็ดของ Hisense คือ
- FIFA World Cup Qatar 2022
- UEFA EURO 2024
- UEFA Women’s EURO
ที่มา
BrandCase
กรณีศึกษา Hisense : บริษัททีวีจีน ที่บุกตลาดญี่ปุ่นจนชนะ Sony และ Panasonic ได้จริง
จากข้อมูลปี 2024 แบรนด์ที่ครองส่วนแบ่งตลาดทีวีในญี่ปุ่นมากที่สุด คือ
👉 Hisense จากจีน ครองตลาดถึง 41%
ขณะที่เจ้าถิ่นอย่าง
- Sony เหลือ 9.6%
- Panasonic เหลือ 8.8%
จุดเริ่มต้นที่ “ตามหลังญี่ปุ่นหลายก้าว”
Hisense ไม่ได้เกิดมาพร้อมความยิ่งใหญ่ แต่เริ่มจาก โรงงานผลิตวิทยุเล็ก ๆ ในปี 1969 ที่เมืองชิงเต่า ประเทศจีน ปี 1979
Hisense เพิ่งเริ่มผลิตทีวีจริงจัง ในขณะที่ญี่ปุ่นนำหน้าไปไกลแล้ว
ลองเทียบกันดู
- ปี 1960 Sharp เปิดตัวทีวีสีเครื่องแรกของญี่ปุ่น
- ปี 1968 Sony เปิดตัว Trinitron ที่คมชัดที่สุดในยุคนั้น
- สินค้า “Made in Japan” คือของพรีเมียมของโลก
- ขณะที่จีน… ยังแทบไม่มีทีวีใช้กันด้วยซ้ำ
กลยุทธ์แรก : “เรียนรู้จากคู่แข่งแบบตรงไปตรงมา”
Hisense รู้ตัวดีว่า สู้ญี่ปุ่นด้านเทคโนโลยีไม่ได้ สิ่งที่บริษัททำคือ 👉 Reverse Engineering
- เอาทีวีญี่ปุ่นมารื้อ ศึกษา แยกชิ้นส่วน
- ดูว่าอะไรจำเป็น อะไรตัดได้
- เป้าหมายไม่ใช่ทีวีหรู
- แต่คือ ทีวีที่ใช้งานได้ดี ราคาที่คนทั่วไปเอื้อมถึง
โตจากประเทศกำลังพัฒนา สู่ตลาดโลก
เมื่อแบรนด์เริ่มแข็งแรงในจีน ปี 1993 Hisense ขยายตลาดต่างประเทศ แต่ไม่ไปชนตรงกับตลาดพรีเมียม เลือกไปที่ แอฟริกาใต้ ซึ่งกำลังซื้อยังไม่สูง ผลคือ… Hisense โตเร็วมากและจนถึงวันนี้ก็ยังครองอันดับ 1 ในแอฟริกาใต้ ด้วยส่วนแบ่งราว 30%
กลยุทธ์สำคัญ : “ซื้อแบรนด์เจ้าถิ่นให้เป็นของตัวเอง”
พอเริ่มตัวใหญ่ Hisense ใช้กลยุทธ์ที่บริษัทจีนถนัด คือ เข้าซื้อกิจการ
ปี 2017 👉 Hisense ซื้อหุ้น 95% ของธุรกิจทีวี Toshiba ผลที่ได้คือ
- ได้ชื่อแบรนด์ญี่ปุ่นที่คนเชื่อถือ
- ได้โรงงาน พนักงาน และช่องทางขายในญี่ปุ่นทันที
- ได้ฐานลูกค้าเดิมแบบไม่ต้องเริ่มจากศูนย์
ในส่วนแบ่ง 41% ของ Hisense มีส่วนของแบรนด์ Toshiba รวมอยู่ราว 24%
ภาพตลาดทีวีญี่ปุ่นวันนี้
- Hisense : 41%
- Sharp : 20.6% (ซึ่งปัจจุบันอยู่ใต้ Foxconn จากไต้หวัน)
- Sony : 9.6%
- Panasonic : 8.8%
ปิดเกมด้วย “การตลาดระดับโลก”
อีกหมัดเด็ดของ Hisense คือ
- FIFA World Cup Qatar 2022
- UEFA EURO 2024
- UEFA Women’s EURO
ที่มา BrandCase