น้องชายผมจะไปทำงานที่ญี่ปุ่นในนามฝึกงานวีซ้า3ปีไปในนามโครงการ
เรื่องเริ่มขึ้นช่วงต้นปีครับ
น้องชายผมและคุณแม่ก็เข้าไปทำเรื่องผ่อนผันตามปกติ
(คำถามที่1 สามารถผ่อนผันเพื่อเรียนใด้ใช่ไหมครับเพราะน้องผมไปฝึกงานและยังไม่จบการศึกษาชื่ออยู่ในระบบ)
สัสดีบอกทำไม่ได้เพราะเขามีกฏหมายใหม่มาแล้วแต่ถ้าให้ช่วย( ขอปีละ 5000 )ครอบครัวผมไม่มีเงินขนาดนั้นจึงแอบตกใจเล็กน้อยแม่จึงเดินออกจากห้องไปหาคนรู้จักที่เป็นปรัดที่เขาไม่อยู่แม่จึงกลับเข้าห้องแล้ว สัสดีถามว่า "ไปไหนมา" แม่ตอบ "จะไปคุยกับญาติ" สัสดีตอบ "ไม่ได้นะให้คนอื่รู้ไม่ได้ถ้าคนอื่นรู้จะซวยทั้ง2ฝ่าย" แล้วแม่และน้องชายก็ไม่ได้ดำเนินการทำเรื่องไดๆ
ต่อมาผมต้องเกณฑ์ทหารจึงไปเอา สด.35 ตอนไปเอามันแปลกมากมีสายตรวจอยู่ในห้อง 2 คนและสัสดีคุยโทรศัพกับสวยตรวจด้านนอกประมานว่า "คุมตัวมันใว้ค้นหาโทรศัพในตัวมันและเก็บโทรศัพเอามันเข้ามาอย่าให้ใครถาม" ผมหันมองไปดูนอกหน้าต่างตามที่สัสดีคนนั้นมองไปเจอสายตรวจ1คนกับเด็กแว่น 2 คนที่สถาพการแต่งตัวมองยังก็เด็กเดิน โดยรวมแล้วรู้สึกว่าคนพวกนี้ไม่ดีแน่นอน
แต่ผมก็ดำเนินการขอใบ สด.35และเสียค่าปลับที่รับช้าตามปกติละออกมาผมไม่คิดอะไร
วันต่อมาก็เล่าติดตลกให้แม่ฟังว่า สัสดีหน้าตาเหมือนจะเป็นคนขี้โกงจัด
แม่จึงพูดประมานว่า "ก็ไอ้เฮียนี้แหละมันเก็บเงินกับบ้านเราค่าผ่อนผันทหารน้องชาย" ผมเองก็ตกใจ(เรื่องที่แม่และน้องโดนค่าใต้โต๊ะแม่ไม่ได้เล่าให้ใครฟังเลย) แม่ผมไม่กล้าไปหาสัสดีเพราะไม่มีเงินเป็นก้อนขนาดนั้น และคุณก็กลัวว่าถ้าบอกคนอื่นน้องชายจะซวยเรื่องทหาร
แต่หลังจากที่ผมเกนฑ์หารผมก็มาทำงานกรุงเทพส่วนน้องชายมาค่ายสอนภาษาในกรุงเทพและเดินทางไปต่างประเทศช่วงสิงหาคมที่ผ่านมาและมีแม่คนเดียวที่ต้องดำเนินการแต่แม่ทำอะไรไม่ได้เพราะไม่มีเงิน
(คำถามที่2 สิ่งที่สัสดีทำถูกต้องตามกฏหมายใช่หรือไม่เพราะจากที่ฟังหลายๆคนบอกว่ามันผ่อนผันได้แต่ตนนี้มันเรียกเก็บเพราะเป็นตาสีตาสา)
(คำถามที่3 ผมจะไปทำเรื่องผ่อนผันให้น้องชายผมต้องเตรียมอะไรไปบ้างเพราะน้องอยู่ต่างประเทศแล้ว)
(คำถามที่4 ถ้าเขาเรียกเก็บเงินผมสามารถยกกฏหมายตัวไหนได้บ้างครับเพื่อไปเถียง)
โดนสัสดีเรียกเก็บเงินเกี่ยวกับเกณฑ์ทหารแบบไม่เป็นธรรมใช่หรือไม่
เรื่องเริ่มขึ้นช่วงต้นปีครับ
น้องชายผมและคุณแม่ก็เข้าไปทำเรื่องผ่อนผันตามปกติ
(คำถามที่1 สามารถผ่อนผันเพื่อเรียนใด้ใช่ไหมครับเพราะน้องผมไปฝึกงานและยังไม่จบการศึกษาชื่ออยู่ในระบบ)
สัสดีบอกทำไม่ได้เพราะเขามีกฏหมายใหม่มาแล้วแต่ถ้าให้ช่วย( ขอปีละ 5000 )ครอบครัวผมไม่มีเงินขนาดนั้นจึงแอบตกใจเล็กน้อยแม่จึงเดินออกจากห้องไปหาคนรู้จักที่เป็นปรัดที่เขาไม่อยู่แม่จึงกลับเข้าห้องแล้ว สัสดีถามว่า "ไปไหนมา" แม่ตอบ "จะไปคุยกับญาติ" สัสดีตอบ "ไม่ได้นะให้คนอื่รู้ไม่ได้ถ้าคนอื่นรู้จะซวยทั้ง2ฝ่าย" แล้วแม่และน้องชายก็ไม่ได้ดำเนินการทำเรื่องไดๆ
ต่อมาผมต้องเกณฑ์ทหารจึงไปเอา สด.35 ตอนไปเอามันแปลกมากมีสายตรวจอยู่ในห้อง 2 คนและสัสดีคุยโทรศัพกับสวยตรวจด้านนอกประมานว่า "คุมตัวมันใว้ค้นหาโทรศัพในตัวมันและเก็บโทรศัพเอามันเข้ามาอย่าให้ใครถาม" ผมหันมองไปดูนอกหน้าต่างตามที่สัสดีคนนั้นมองไปเจอสายตรวจ1คนกับเด็กแว่น 2 คนที่สถาพการแต่งตัวมองยังก็เด็กเดิน โดยรวมแล้วรู้สึกว่าคนพวกนี้ไม่ดีแน่นอน
แต่ผมก็ดำเนินการขอใบ สด.35และเสียค่าปลับที่รับช้าตามปกติละออกมาผมไม่คิดอะไร
วันต่อมาก็เล่าติดตลกให้แม่ฟังว่า สัสดีหน้าตาเหมือนจะเป็นคนขี้โกงจัด
แม่จึงพูดประมานว่า "ก็ไอ้เฮียนี้แหละมันเก็บเงินกับบ้านเราค่าผ่อนผันทหารน้องชาย" ผมเองก็ตกใจ(เรื่องที่แม่และน้องโดนค่าใต้โต๊ะแม่ไม่ได้เล่าให้ใครฟังเลย) แม่ผมไม่กล้าไปหาสัสดีเพราะไม่มีเงินเป็นก้อนขนาดนั้น และคุณก็กลัวว่าถ้าบอกคนอื่นน้องชายจะซวยเรื่องทหาร
แต่หลังจากที่ผมเกนฑ์หารผมก็มาทำงานกรุงเทพส่วนน้องชายมาค่ายสอนภาษาในกรุงเทพและเดินทางไปต่างประเทศช่วงสิงหาคมที่ผ่านมาและมีแม่คนเดียวที่ต้องดำเนินการแต่แม่ทำอะไรไม่ได้เพราะไม่มีเงิน
(คำถามที่2 สิ่งที่สัสดีทำถูกต้องตามกฏหมายใช่หรือไม่เพราะจากที่ฟังหลายๆคนบอกว่ามันผ่อนผันได้แต่ตนนี้มันเรียกเก็บเพราะเป็นตาสีตาสา)
(คำถามที่3 ผมจะไปทำเรื่องผ่อนผันให้น้องชายผมต้องเตรียมอะไรไปบ้างเพราะน้องอยู่ต่างประเทศแล้ว)
(คำถามที่4 ถ้าเขาเรียกเก็บเงินผมสามารถยกกฏหมายตัวไหนได้บ้างครับเพื่อไปเถียง)