📈ภาพชัด TSMC โครต Moat! หลังจากปี 2019 TSMC ทำกำไรต่อเวเฟอร์เพิ่มขึ้น 3 เท่า จากที่ 15ปีก่อนนี้แทบไม่ขยับเลย 👇
--
🟢ตลอดระยะเวลาเกือบ 15 ปีแรก (2005–2019) ราคาเฉลี่ยต่อเวเฟอร์ (Wafer ASP) ของ TSMC แทบไม่ขยับ
▫ ASP เพิ่มขึ้นเพียง 32 ดอลลาร์ต่อเวเฟอร์
▫ คิดเป็นอัตราเติบโตเพียง 0.1% CAGR กล่าวได้ว่าเป็นช่วงที่อุตสาหกรรมยังแข่งขันด้านราคาอย่างหนัก และ TSMC ยังไม่สามารถดึง “อำนาจต่อรองด้านราคา” ออกมาได้อย่างแท้จริง
.
🟢แต่ หลังปี 2019 ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
▫ Wafer ASP เพิ่มขึ้นรวม 133% ภายใน 6 ปี คิดเป็น 15.2% CAGR
▫ ในขณะที่ต้นทุนการผลิต (COGS) เพิ่มขึ้นเพียง 78%
▫ ผลลัพธ์คือ กำไรขั้นต้นต่อเวเฟอร์ (Gross profit per wafer) ขยายตัวถึง 3.3 เท่า
.
🟢ช่วงก่อนปี 2019
▫ ต้นทุนเพิ่มทุก 1 ดอลลาร์ → TSMC ขึ้นราคาได้เพียง 1.43 ดอลลาร์
▫ กำไรส่วนเพิ่มที่ได้จริง = 0.43 ดอลลาร์
🟢ช่วงหลังปี 2019
▫ ต้นทุนเพิ่มทุก 1 ดอลลาร์ → ASP เพิ่มได้ถึง 2.31 ดอลลาร์
▫ ความสามารถในการดึงกำไรส่วนเพิ่ม มากขึ้นเกือบ 3 เท่า เมื่อเทียบกับยุคก่อน
.
🟢ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ TSMC เปลี่ยนเกมได้
▫ Scarcity premium – กำลังการผลิต Leading-edge ขาดแคลนอย่างต่อเนื่อง
▫ EUV-based advanced nodes – เทคโนโลยีขั้นสูงที่คู่แข่งตามได้ยากและใช้เงินลงทุนมหาศาล
▫ สัดส่วน HPC/AI สูงขึ้น – ลูกค้ากลุ่มนี้ยอมจ่ายราคาแพงเพื่อ performance และ time-to-market
▫ Advanced Packaging (เช่น CoWoS) – เพิ่มทั้ง pricing power และ customer lock-in ในระดับระบบ
.
🟢ที่น่าสนใจคือ ต้นทุนเวเฟอร์ที่สูงขึ้นกลับกลายเป็นข้อได้เปรียบของ TSMC เพราะ:
▫ ทำให้คู่แข่งเข้าสู่ตลาดได้ยากขึ้น
▫ ขยาย moat ทางเทคโนโลยีและเงินทุน
▫ ลูกค้าจำเป็นต้องยอมรับราคา เพราะไม่มีทางเลือกที่เทียบเท่า
ภาพดีๆจาก Semianalysis
.
____________________
📌หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นจากรายงานและการอ้างอิงจากสื่อ/นักวิเคราะห์ เพื่อใช้ในการนำเสนอภาพรวมสถานการณ์ธุรกิจและอุตสาหกรรมเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาเพื่อชี้นำหรือแนะนำการลงทุน
#ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน #ลงทุน #ลงทุนอะไรดี #หุ้น #หุ้นอเมริกา #ดาวโจนส์
ภาพชัด TSMC โครต Moat! หลังจากปี 2019 TSMC ทำกำไรต่อเวเฟอร์เพิ่มขึ้น 3 เท่า จากที่ 15ปีก่อนนี้แทบไม่ขยับเลย 👇
--
🟢ตลอดระยะเวลาเกือบ 15 ปีแรก (2005–2019) ราคาเฉลี่ยต่อเวเฟอร์ (Wafer ASP) ของ TSMC แทบไม่ขยับ
▫ ASP เพิ่มขึ้นเพียง 32 ดอลลาร์ต่อเวเฟอร์
▫ คิดเป็นอัตราเติบโตเพียง 0.1% CAGR กล่าวได้ว่าเป็นช่วงที่อุตสาหกรรมยังแข่งขันด้านราคาอย่างหนัก และ TSMC ยังไม่สามารถดึง “อำนาจต่อรองด้านราคา” ออกมาได้อย่างแท้จริง
.
🟢แต่ หลังปี 2019 ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
▫ Wafer ASP เพิ่มขึ้นรวม 133% ภายใน 6 ปี คิดเป็น 15.2% CAGR
▫ ในขณะที่ต้นทุนการผลิต (COGS) เพิ่มขึ้นเพียง 78%
▫ ผลลัพธ์คือ กำไรขั้นต้นต่อเวเฟอร์ (Gross profit per wafer) ขยายตัวถึง 3.3 เท่า
.
🟢ช่วงก่อนปี 2019
▫ ต้นทุนเพิ่มทุก 1 ดอลลาร์ → TSMC ขึ้นราคาได้เพียง 1.43 ดอลลาร์
▫ กำไรส่วนเพิ่มที่ได้จริง = 0.43 ดอลลาร์
🟢ช่วงหลังปี 2019
▫ ต้นทุนเพิ่มทุก 1 ดอลลาร์ → ASP เพิ่มได้ถึง 2.31 ดอลลาร์
▫ ความสามารถในการดึงกำไรส่วนเพิ่ม มากขึ้นเกือบ 3 เท่า เมื่อเทียบกับยุคก่อน
.
🟢ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ TSMC เปลี่ยนเกมได้
▫ Scarcity premium – กำลังการผลิต Leading-edge ขาดแคลนอย่างต่อเนื่อง
▫ EUV-based advanced nodes – เทคโนโลยีขั้นสูงที่คู่แข่งตามได้ยากและใช้เงินลงทุนมหาศาล
▫ สัดส่วน HPC/AI สูงขึ้น – ลูกค้ากลุ่มนี้ยอมจ่ายราคาแพงเพื่อ performance และ time-to-market
▫ Advanced Packaging (เช่น CoWoS) – เพิ่มทั้ง pricing power และ customer lock-in ในระดับระบบ
.
🟢ที่น่าสนใจคือ ต้นทุนเวเฟอร์ที่สูงขึ้นกลับกลายเป็นข้อได้เปรียบของ TSMC เพราะ:
▫ ทำให้คู่แข่งเข้าสู่ตลาดได้ยากขึ้น
▫ ขยาย moat ทางเทคโนโลยีและเงินทุน
▫ ลูกค้าจำเป็นต้องยอมรับราคา เพราะไม่มีทางเลือกที่เทียบเท่า
ภาพดีๆจาก Semianalysis
.
____________________
📌หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นจากรายงานและการอ้างอิงจากสื่อ/นักวิเคราะห์ เพื่อใช้ในการนำเสนอภาพรวมสถานการณ์ธุรกิจและอุตสาหกรรมเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาเพื่อชี้นำหรือแนะนำการลงทุน
#ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน #ลงทุน #ลงทุนอะไรดี #หุ้น #หุ้นอเมริกา #ดาวโจนส์