จากการค้นหาตัวตน สู่ความปรารถนา
จนเหลือแค่คำถามว่า จะรักยังไงไม่ให้ใจพัง
===========
ไตรภาคความเหงาแห่งออสโล
จาก “ตัวตน” → “ความปรารถนา” → “ความรัก”
0./ มีหนังไม่กี่ชุดในชีวิต
ที่ดูจบแล้วไม่ได้แค่รู้สึกว่า “ดูหนังดี”
แต่รู้สึกเหมือนมีใครสักคน
มานั่งคุยกับเราช้า ๆ
ถามคำถามที่เราไม่ค่อยกล้าถามตัวเอง
.
1/ SEX – DREAMS – LOVE
คือหนังแบบนั้น
สิ่งที่ทำให้ทั้งสามเรื่อง
ไม่ใช่แค่ “หนังสามเรื่อง”
แต่เป็น ไตรภาคจริง ๆ
ไม่ใช่พล็อตต่อกันหรือตัวละครเดียวกัน
แต่เพราะมันกำลังพูดถึง
มนุษย์คนเดียวกัน
ในช่วงคำถามที่ต่างกันของชีวิต
.
1/ SEX — เราคือใครกันแน่
SEX ไม่ได้เล่าเรื่องเพศเพื่อความหวือหวา
แต่มันถามคำถามพื้นฐานที่สุดของมนุษย์ว่า
สิ่งที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้
ตรงกับสิ่งที่เรารู้สึกว่าเป็นจริงไหม
ตัวละครใน SEX
เริ่มจากความสับสนเล็ก ๆ
ความรู้สึกแปลกแยกที่อธิบายไม่ได้
ก่อนจะค่อย ๆ เข้าใจว่า
“ตัวตน” ที่ใช้ชีวิตอยู่ทุกวัน
อาจเป็นแค่บทบาทที่สังคมคาดหวัง
ไม่ใช่ตัวเราจริง ๆ
.
2/ นี่คือหนังเปรียบเหมือนช่วงชีวิตที่
เรายังไม่แน่ใจแม้กระทั่งจะตอบคำถามว่า
“ฉันเป็นใคร” “ฉันต้องการอะไร”
และการไม่รู้คำตอบ
ก็ทำให้การใช้ชีวิตมันอึดอัดกว่าที่คิด
.
3/ SEX คือจุดเริ่มต้นของการตื่นรู้
ว่าบางที
สิ่งที่ทำให้เราเหนื่อย
อาจไม่ใช่โลก
แต่เป็นการพยายามเป็นคนที่ไม่ใช่ตัวเอง
.
4/ DREAMS — เราต้องการอะไรกันแน่
เมื่อเริ่มตั้งคำถามกับตัวตน
คำถามถัดมาที่เลี่ยงไม่ได้คือ
ถ้าเราเป็นตัวเองได้มากขึ้น
เราอยากได้อะไรจากชีวิตกันแน่
.
5/ DREAMS พูดถึง “ความปรารถนา”
ทั้งความฝัน ความรัก
ความอยากเป็นที่มองเห็น
ความอยากถูกรักในแบบที่เราเป็น
หนังเล่าเรื่องผ่านเด็กสาววัยรุ่น
ที่แอบรักครู
แต่ความเจ็บปวดของหนัง
ไม่ได้อยู่ที่ “รักต้องห้าม”
มันอยู่ตรงที่ว่า
ความรักส่วนใหญ่ของเธอ
ไม่ได้เกิดขึ้นในความเป็นจริง
.
6/ แต่เกิดขึ้นในจินตนาการ
ในหัวใจที่กำลังเติบโต
และในความฝันที่ยังแยกไม่ออก
ว่าอะไรคือความจริง
อะไรคือสิ่งที่เราอยากให้มันเป็น
.
7/ DREAMS คือหนังของวัยที่
หัวใจเริ่มดัง
เริ่มเรียกร้อง
แต่ยังไม่รู้ว่าจะฟังมันแค่ไหน
ถึงจะไม่เจ็บ
มันคือช่วงชีวิตที่
เราเริ่มอยากได้อะไรบางอย่างมาก
แต่ยังไม่รู้ว่า
ราคาของมันคืออะไร
.
8/ LOVE — เรายังเชื่อในความรักอยู่ไหม
และเมื่อเรา
เริ่มรู้ว่าเราเป็นใคร (SEX)
เริ่มรู้ว่าเราอยากได้อะไร (DREAMS)
คำถามสุดท้ายที่หนีไม่พ้นคือ
แล้วเราจะรักยังไง
โดยไม่ทำร้ายตัวเองอีก
.
9/ LOVE ไม่ได้ถามเรื่องรักแบบโรแมนติก
แต่มันถามเรื่อง ความสัมพันธ์ในชีวิตจริง
ต้องผูกมัดแค่ไหนถึงเรียกว่ารัก
ต้องเสี่ยงแค่ไหนถึงเรียกว่าจริงใจ
และเราจะรักได้ไหม
ในแบบที่ยังรักษาชีวิตและหัวใจของตัวเองไว้ได้
.
10/ ตัวละครอย่าง Marianne
คือภาพแทนของผู้ใหญ่จำนวนมาก
อยากรัก…แต่เห็นภาพอนาคต
เห็นภาระ
เห็นความเสี่ยง
และกลัวเจ็บซ้ำ
.
11/ ขณะที่ Tor
คือคนที่บอกว่าไม่ต้องการความสัมพันธ์
แต่กลับต้องการ “การเชื่อมต่อ”
อยากดูแลใครสักคน
อยากยู่ข้าง ๆ โดยไม่ต้องมีชื่อเรียก
.
12/ LOVE คือหนังของคนที่รู้แล้วว่า
ความรักมีราคา
และการรักโดยไม่คิด
อาจไม่ใช่ความกล้าหาญอีกต่อไป
.
13/ ภาพรวมของไตรภาค
ถ้าอธิบายไตรภาคนี้แบบสั้นที่สุด
SEX = ฉันเป็นใคร
DREAMS = ฉันอยากได้อะไร
LOVE = ฉันยังกล้าเสี่ยงกับความรักไหม
มันไม่ใช่ไตรภาคที่ต้องดูเรียง
แต่เป็นไตรภาคที่
คุณจะเข้าใจเรื่องไหนก่อน
ขึ้นอยู่กับช่วงชีวิตที่คุณกำลังอยู่
บางคนดู SEX แล้วสะเทือน
บางคนดู DREAMS แล้วเจ็บ
บางคนดู LOVE แล้วนิ่งเงียบ
.
14/ ไม่มีเรื่องไหน “สำคัญกว่า”
มีแค่เรื่องไหน
กำลังพูดกับหัวใจเราในตอนนี้
และนี่คือเหตุผลที่ LOVE เป็น “บทสรุป”
เพราะหลังจากผ่านทุกคำถาม
มนุษย์ไม่ได้ต้องการคำตอบที่สวยงามอีกแล้ว
เราไม่ต้องการนิยามความรักใหม่
ไม่ต้องการสูตรสำเร็จ
ไม่ต้องการคำอธิบายที่ถูกต้อง
เราแค่อยากรู้ว่า
เราจะใช้ชีวิตต่อไป
โดยไม่ทรยศหัวใจตัวเองได้ยังไง
[CR] SEX – DREAMS – LOVE จากการค้นหาตัวตน สู่ความปรารถนา จนเหลือแค่คำถามว่า จะรักยังไงไม่ให้ใจพัง
จนเหลือแค่คำถามว่า จะรักยังไงไม่ให้ใจพัง
===========
ไตรภาคความเหงาแห่งออสโล
จาก “ตัวตน” → “ความปรารถนา” → “ความรัก”
0./ มีหนังไม่กี่ชุดในชีวิต
ที่ดูจบแล้วไม่ได้แค่รู้สึกว่า “ดูหนังดี”
แต่รู้สึกเหมือนมีใครสักคน
มานั่งคุยกับเราช้า ๆ
ถามคำถามที่เราไม่ค่อยกล้าถามตัวเอง
.
1/ SEX – DREAMS – LOVE
คือหนังแบบนั้น
สิ่งที่ทำให้ทั้งสามเรื่อง
ไม่ใช่แค่ “หนังสามเรื่อง”
แต่เป็น ไตรภาคจริง ๆ
ไม่ใช่พล็อตต่อกันหรือตัวละครเดียวกัน
แต่เพราะมันกำลังพูดถึง
มนุษย์คนเดียวกัน
ในช่วงคำถามที่ต่างกันของชีวิต
.
1/ SEX — เราคือใครกันแน่
SEX ไม่ได้เล่าเรื่องเพศเพื่อความหวือหวา
แต่มันถามคำถามพื้นฐานที่สุดของมนุษย์ว่า
สิ่งที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้
ตรงกับสิ่งที่เรารู้สึกว่าเป็นจริงไหม
ตัวละครใน SEX
เริ่มจากความสับสนเล็ก ๆ
ความรู้สึกแปลกแยกที่อธิบายไม่ได้
ก่อนจะค่อย ๆ เข้าใจว่า
“ตัวตน” ที่ใช้ชีวิตอยู่ทุกวัน
อาจเป็นแค่บทบาทที่สังคมคาดหวัง
ไม่ใช่ตัวเราจริง ๆ
.
2/ นี่คือหนังเปรียบเหมือนช่วงชีวิตที่
เรายังไม่แน่ใจแม้กระทั่งจะตอบคำถามว่า
“ฉันเป็นใคร” “ฉันต้องการอะไร”
และการไม่รู้คำตอบ
ก็ทำให้การใช้ชีวิตมันอึดอัดกว่าที่คิด
.
3/ SEX คือจุดเริ่มต้นของการตื่นรู้
ว่าบางที
สิ่งที่ทำให้เราเหนื่อย
อาจไม่ใช่โลก
แต่เป็นการพยายามเป็นคนที่ไม่ใช่ตัวเอง
.
4/ DREAMS — เราต้องการอะไรกันแน่
เมื่อเริ่มตั้งคำถามกับตัวตน
คำถามถัดมาที่เลี่ยงไม่ได้คือ
ถ้าเราเป็นตัวเองได้มากขึ้น
เราอยากได้อะไรจากชีวิตกันแน่
.
5/ DREAMS พูดถึง “ความปรารถนา”
ทั้งความฝัน ความรัก
ความอยากเป็นที่มองเห็น
ความอยากถูกรักในแบบที่เราเป็น
หนังเล่าเรื่องผ่านเด็กสาววัยรุ่น
ที่แอบรักครู
แต่ความเจ็บปวดของหนัง
ไม่ได้อยู่ที่ “รักต้องห้าม”
มันอยู่ตรงที่ว่า
ความรักส่วนใหญ่ของเธอ
ไม่ได้เกิดขึ้นในความเป็นจริง
.
6/ แต่เกิดขึ้นในจินตนาการ
ในหัวใจที่กำลังเติบโต
และในความฝันที่ยังแยกไม่ออก
ว่าอะไรคือความจริง
อะไรคือสิ่งที่เราอยากให้มันเป็น
.
7/ DREAMS คือหนังของวัยที่
หัวใจเริ่มดัง
เริ่มเรียกร้อง
แต่ยังไม่รู้ว่าจะฟังมันแค่ไหน
ถึงจะไม่เจ็บ
มันคือช่วงชีวิตที่
เราเริ่มอยากได้อะไรบางอย่างมาก
แต่ยังไม่รู้ว่า
ราคาของมันคืออะไร
.
8/ LOVE — เรายังเชื่อในความรักอยู่ไหม
และเมื่อเรา
เริ่มรู้ว่าเราเป็นใคร (SEX)
เริ่มรู้ว่าเราอยากได้อะไร (DREAMS)
คำถามสุดท้ายที่หนีไม่พ้นคือ
แล้วเราจะรักยังไง
โดยไม่ทำร้ายตัวเองอีก
.
9/ LOVE ไม่ได้ถามเรื่องรักแบบโรแมนติก
แต่มันถามเรื่อง ความสัมพันธ์ในชีวิตจริง
ต้องผูกมัดแค่ไหนถึงเรียกว่ารัก
ต้องเสี่ยงแค่ไหนถึงเรียกว่าจริงใจ
และเราจะรักได้ไหม
ในแบบที่ยังรักษาชีวิตและหัวใจของตัวเองไว้ได้
.
10/ ตัวละครอย่าง Marianne
คือภาพแทนของผู้ใหญ่จำนวนมาก
อยากรัก…แต่เห็นภาพอนาคต
เห็นภาระ
เห็นความเสี่ยง
และกลัวเจ็บซ้ำ
.
11/ ขณะที่ Tor
คือคนที่บอกว่าไม่ต้องการความสัมพันธ์
แต่กลับต้องการ “การเชื่อมต่อ”
อยากดูแลใครสักคน
อยากยู่ข้าง ๆ โดยไม่ต้องมีชื่อเรียก
.
12/ LOVE คือหนังของคนที่รู้แล้วว่า
ความรักมีราคา
และการรักโดยไม่คิด
อาจไม่ใช่ความกล้าหาญอีกต่อไป
.
13/ ภาพรวมของไตรภาค
ถ้าอธิบายไตรภาคนี้แบบสั้นที่สุด
SEX = ฉันเป็นใคร
DREAMS = ฉันอยากได้อะไร
LOVE = ฉันยังกล้าเสี่ยงกับความรักไหม
มันไม่ใช่ไตรภาคที่ต้องดูเรียง
แต่เป็นไตรภาคที่
คุณจะเข้าใจเรื่องไหนก่อน
ขึ้นอยู่กับช่วงชีวิตที่คุณกำลังอยู่
บางคนดู SEX แล้วสะเทือน
บางคนดู DREAMS แล้วเจ็บ
บางคนดู LOVE แล้วนิ่งเงียบ
.
14/ ไม่มีเรื่องไหน “สำคัญกว่า”
มีแค่เรื่องไหน
กำลังพูดกับหัวใจเราในตอนนี้
และนี่คือเหตุผลที่ LOVE เป็น “บทสรุป”
เพราะหลังจากผ่านทุกคำถาม
มนุษย์ไม่ได้ต้องการคำตอบที่สวยงามอีกแล้ว
เราไม่ต้องการนิยามความรักใหม่
ไม่ต้องการสูตรสำเร็จ
ไม่ต้องการคำอธิบายที่ถูกต้อง
เราแค่อยากรู้ว่า
เราจะใช้ชีวิตต่อไป
โดยไม่ทรยศหัวใจตัวเองได้ยังไง
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้