จีน🇨🇳เจอวิกฤตขยะแบตเตอรี่ไฟฟ้า ผลพวงจากความสำเร็จของตลาด EV 🚗ปัญหาใหญ่ที่ไทยต้องป้องกัน เช่นกัน

# จีนเจอวิกฤตขยะแบตเตอรี่ไฟฟ้า ผลพวงจากความสำเร็จของตลาด EV ปัญหาใหญ่ที่ไทยต้องป้องกัน เช่นกัน

ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของจีนกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ในปีนี้ยานยนต์ใหม่เกินครึ่งเป็นรถพลังงานไฟฟ้าทั้งแบบแบตเตอรี่ล้วนและแบบผสมที่ชาร์จได้ แต่เบื้องหลังความก้าวหน้านี้ กลับมีปัญหาใหญ่ที่กำลังคุกคามอนาคต นั่นคือกองขยะแบตเตอรี่ใช้แล้วที่สะสมมากขึ้นทุกวัน

## ปริมาณขยะแบตที่พุ่งสูงอย่างน่าตกใจ

แบตเตอรี่จากรถ EV รุ่นแรกๆ ที่ขายในจีนเริ่มเข้าสู่วาระสิ้นสุดการใช้งาน เมื่อประสิทธิภาพตกต่ำกว่า 80% เจ้าของรถส่วนใหญ่มักเลือกจำหน่ายต่อแทนที่จะซ่อมแซม ส่งผลให้ในแต่ละปีมีซากแบตเตอรี่ถึง 820,000 ตัน และคาดว่าจะพุ่งทะลุหนึ่งล้านตันภายในห้าปีข้างหน้า

อันตรายที่ตามมาไม่ใช่เรื่องเล็ก หากไม่มีการจัดการที่เหมาะสม สารเคมีที่เป็นพิษอาจซึมลงดินและปนเปื้อนแหล่งน้ำ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากอัคคีภัยและการระเบิด รวมถึงมลภาวะที่จะส่งผลกระทบในระยะยาวและยากแก่การแก้ไข

## ระบบรีไซเคิลที่ยังอ่อนแอ

แม้จีนจะมีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการนำแบตเตอรี่กลับมาใช้ใหม่มากกว่าแสนแปดหมื่นแห่ง แต่ในความเป็นจริงกลับเกิดปัญหาตลาดมืด โรงงานผิดกฎหมายขนาดเล็กสามารถเสนอราคารับซื้อที่สูงกว่าผู้ประกอบการที่ถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากไม่ต้องลงทุนด้านมาตรฐานความปลอดภัย และสามารถทิ้งของเสียโดยไม่ผ่านกระบวนการบำบัดที่ถูกต้อง

## ทางออก ของจีน คือการจัดการตลอดวงจร

คำตอบไม่ได้อยู่ที่แค่การรีไซเคิล แต่ต้องมีการควบคุมตั้งแต่ต้นทางจนปลายทาง ผู้ผลิตชั้นนำอย่าง CATL และ BYD จึงเริ่มสร้างระบบการจัดการของตัวเองแบบครอบคลุมทุกขั้นตอน โดยนำแร่ธาตุที่มีมูลค่ากลับมาใช้ใหม่ และพัฒนาโครงสร้างแบบวงปิดที่เริ่มตั้งแต่กระบวนการผลิตไปจนถึงการรื้อถอนเมื่อหมดอายุ

## ปัญหาแบตเตอรี่ไร้เจ้าของ

ประเด็นใหญ่ที่ยังไม่มีคำตอบชัดเจนคือ เมื่อสตาร์ทอัพรถไฟฟ้ากว่าสี่ร้อยรายปิดกิจการไปเพราะแข่งขันด้านราคาไม่ได้ รถและแบตเตอรี่จำนวนมหาศาลเหล่านั้นก็กลายเป็นของไร้เจ้าของที่ไม่มีใครรับผิดชอบ

หากจีนไม่สามารถสร้างกลไกติดตามและบริหารจัดการแบตเตอรี่อย่างเป็นระบบ ความเป็นผู้นำตลาด EV ระดับโลกอาจต้องแลกมาด้วยวิกฤตสิ่งแวดล้อมที่มีราคาแพงเกินคาดการณ์

สำหรับประเทศไทย

ตลาดรถไฟฟ้า (EV) ในไทยเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยปี 2023 โตถึง +684.4% และปี 2024 แม้ตลาดโดยรวมจะหดตัว แต่ EV ยังเติบโตได้ดี โดยยอดจดทะเบียน BEV (รถยนต์ไฟฟ้า 100%) เพิ่มขึ้น 14% (จากข้อมูลปี 2024) ขณะที่ PHEV เติบโต 17% ซึ่งแสดงถึงความต้องการที่แข็งแกร่งในตลาด แม้เศรษฐกิจชะลอตัว

แล้วเราควรทำอย่างไร?

ซึ่งควรทำตั้งแต่ บัดนี้เป็นต้นไป

ประชาคมแพทย์ มีข้อเสนอแนะดังนี้

ข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติในการจัดการแบตเตอรี่ EV

1️⃣ กระทรวงอุตสาหกรรม

บังคับใช้ Extended Producer Responsibility (EPR)
ผู้ผลิต–ผู้นำเข้า ต้องรับผิดชอบแบตเตอรี่รายก้อนจนถึงรีไซเคิล

กำหนดให้แบตเตอรี่ทุกก้อนต้องมี Battery Passport บน Blockchain
ตั้งแต่ผลิต → ใช้งาน → ส่งต่อ → recycle

โรงงานรีไซเคิลต้องเชื่อมข้อมูลบนระบบเดียวกัน
โรงงานนอกระบบ = ผิดกฎหมายทันที

---

2️⃣ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ใช้ Blockchain เป็นระบบติดตามของเสียอันตราย
แบตเตอรี่ EV ห้ามหายจากระบบ

ห้ามฝังกลบหรือทิ้งแบตเตอรี่เป็นขยะอุตสาหกรรมทั่วไป

ใช้ข้อมูลจาก blockchain ระบุพื้นที่เสี่ยง
เพื่อเฝ้าระวังการปนเปื้อนดิน–น้ำ

---

3️⃣ กระทรวงสาธารณสุข

จัดให้สารเคมีจากแบตเตอรี่เป็น ภัยสุขภาพที่ต้องเฝ้าระวัง

ใช้ข้อมูล Battery Passport ระบุแหล่งที่มา
ในการสอบสวนโรคจากโลหะหนัก

บรรจุผลกระทบสุขภาพจากแบตเตอรี่ใน HIA ทุกโครงการ EV ขนาดใหญ่

---

4️⃣ กระทรวงคมนาคม

ผูก ทะเบียนรถ EV เข้ากับแบตเตอรี่บน Blockchain

การเปลี่ยนแบต → ต้องบันทึกในระบบ

รถที่ไม่มีประวัติแบตเตอรี่ครบถ้วน
ห้ามโอน / ห้ามจำหน่าย

---

5️⃣ กระทรวงพาณิชย์

ควบคุมตลาดซื้อขายแบตเตอรี่ใช้แล้ว
ซื้อ–ขายได้เฉพาะแบตที่อยู่ในระบบ Blockchain

ปิดช่องตลาดมืดและการส่งออกซากแบตเตอรี่ผิดกฎหมาย

---

6️⃣ สำนักนายกรัฐมนตรี

ตั้ง คณะกรรมการบริหารจัดการแบตเตอรี่แห่งชาติ (ข้ามกระทรวง)

กำหนดนโยบายชัดเจนว่า
“ไม่มีแบตเตอรี่ EV ก้อนใด ไร้เจ้าของ”

วาง Blockchain เป็น โครงสร้างพื้นฐานของนโยบาย EV ประเทศ

สรุป

> EV จะเป็นพลังงานสะอาดได้จริง
ต่อเมื่อของเสียจากมัน ถูกติดตาม ควบคุม และมีผู้รับผิดชอบจนถึงปลายทาง

Blockchain เป็นข้อเสนอหนึ่งของประชาคมแพทย์เพื่อ เป็นเครื่องมือป้องกันวิกฤตสุขภาพและสิ่งแวดล้อมในอนาคต

แอดมิน ประชาคมแพทย์
21 ธค.2568
CR FB Page ประชาคมแพทย์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่