"ผมมีคำถามที่กรีดลึกในใจ และอยากให้พี่น้องชาวไทยช่วยกันหาคำตอบครับ
ในขณะที่เด็กไทยในชนบทห่างไกลยังต้องเดินเท้าเปล่าไปเรียน สมุดสักเล่มยังหาซื้อยาก และโต๊ะเรียนยังผุพัง แต่ทำไมรัฐบาลไทยกลับมีงบประมาณ 'มหาศาล' ประเคนเป็นทุนเรียนฟรี (Full Scholarship) ทั้งระดับ ปริญญาตรี-โท-เอก ให้กับคนนอกที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับหยาดเหงื่อของคนเสียภาษี?
สิ่งที่น่าสมเพชและเจ็บปวดที่สุดคืออะไร รู้ไหมครับ?
เรากำลังอุปถัมภ์ 'คนรวย' ในประเทศที่ด้อยกว่า: นักศึกษาต่างชาติจำนวนมากที่มาขอทุนไทย แท้จริงแล้วคือคนมีฐานะในบ้านเขา มีปัญญาจ่ายค่าเทอมและค่ากินอยู่ได้สบายๆ แต่กลับมาใช้ช่องว่างของระบบ สวมสิทธิ์แย่งเงินงบประมาณที่ควรจะเป็นของเด็กไทยไปใช้ 'กิน-เที่ยว-เสพสุข' โดยไร้สำนึก และส่งต่อเทคนิคการขอทุนฟรีๆ นี้ให้รุ่นน้องสืบทอดต่อไปไม่จบสิ้น
เรากำลังสร้าง 'ศัตรูที่มีความรู้': เราส่งเสียเขาจนจบ แต่สิ่งที่เราได้รับกลับมาไม่ใช่ 'มิตรภาพ' แต่คือการ 'ถ่มน้ำลายรดชามข้าว' เมื่อเขากลับประเทศไป เขากลับเรียกเราว่า 'เสียม' ด้วยความเหยียดหยาม โพสต์ด่าทอ ด้อยค่าประเทศไทยในทุกช่องทาง ทั้งที่ปริญญาที่เขาถืออยู่... คือเงินภาษีจากคนไทยที่เขากำลังด่านั่นแหละ!
คำถามที่สังคมไทยต้องกล้าถามออกมาให้ดังที่สุด:
1.เรากำลัง 'เอ็นดูเขา เอ็นเราขาด' จนโง่เขลาใช่หรือไม่? ทรัพยากรเรามีจำกัด แต่เรากลับเลือกปรนเปรอคนนอกที่จ้องจะแว้งกัด ในขณะที่ลูกหลานไทยแท้ๆ ต้องลาออกจากโรงเรียนเพราะความยากจน
2.ยุทธศาสตร์ Soft Power หรือแค่การ 'ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ'? รัฐบาลภูมิใจกับตัวเลขจำนวนนักศึกษาต่างชาติ แต่เคยหันมามองความจริงไหมว่า เราได้ 'พันธมิตร' หรือได้ 'คนเนรคุณ' กลับมา?
3.ถึงเวลา 'ปิดสวิตช์' ทุนกินเปล่าเหล่านี้หรือยัง? เพื่อนำเงินทุกบาททุกสตางค์กลับมาซ่อมแซมอนาคตให้เด็กไทย ก่อนที่บ้านเราจะพังทลายเพราะความใจดีที่ผิดที่ผิดทาง
เราจะทนเห็น 'หยาดเหงื่อคนไทย' กลายเป็น 'ใบเบิกทางให้คนนอกกลับมาทำร้ายเรา' แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน?"
ภาษีของคนไทยหรือแค่ใบเบิกทางให้คนนอกกลับมาทำร้ายเรา? ทุนการศึกษาที่กลายเป็นอาวุธกลับมาทิ่มแทงไทย
ในขณะที่เด็กไทยในชนบทห่างไกลยังต้องเดินเท้าเปล่าไปเรียน สมุดสักเล่มยังหาซื้อยาก และโต๊ะเรียนยังผุพัง แต่ทำไมรัฐบาลไทยกลับมีงบประมาณ 'มหาศาล' ประเคนเป็นทุนเรียนฟรี (Full Scholarship) ทั้งระดับ ปริญญาตรี-โท-เอก ให้กับคนนอกที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับหยาดเหงื่อของคนเสียภาษี?
สิ่งที่น่าสมเพชและเจ็บปวดที่สุดคืออะไร รู้ไหมครับ?
เรากำลังอุปถัมภ์ 'คนรวย' ในประเทศที่ด้อยกว่า: นักศึกษาต่างชาติจำนวนมากที่มาขอทุนไทย แท้จริงแล้วคือคนมีฐานะในบ้านเขา มีปัญญาจ่ายค่าเทอมและค่ากินอยู่ได้สบายๆ แต่กลับมาใช้ช่องว่างของระบบ สวมสิทธิ์แย่งเงินงบประมาณที่ควรจะเป็นของเด็กไทยไปใช้ 'กิน-เที่ยว-เสพสุข' โดยไร้สำนึก และส่งต่อเทคนิคการขอทุนฟรีๆ นี้ให้รุ่นน้องสืบทอดต่อไปไม่จบสิ้น
เรากำลังสร้าง 'ศัตรูที่มีความรู้': เราส่งเสียเขาจนจบ แต่สิ่งที่เราได้รับกลับมาไม่ใช่ 'มิตรภาพ' แต่คือการ 'ถ่มน้ำลายรดชามข้าว' เมื่อเขากลับประเทศไป เขากลับเรียกเราว่า 'เสียม' ด้วยความเหยียดหยาม โพสต์ด่าทอ ด้อยค่าประเทศไทยในทุกช่องทาง ทั้งที่ปริญญาที่เขาถืออยู่... คือเงินภาษีจากคนไทยที่เขากำลังด่านั่นแหละ!
คำถามที่สังคมไทยต้องกล้าถามออกมาให้ดังที่สุด:
1.เรากำลัง 'เอ็นดูเขา เอ็นเราขาด' จนโง่เขลาใช่หรือไม่? ทรัพยากรเรามีจำกัด แต่เรากลับเลือกปรนเปรอคนนอกที่จ้องจะแว้งกัด ในขณะที่ลูกหลานไทยแท้ๆ ต้องลาออกจากโรงเรียนเพราะความยากจน
2.ยุทธศาสตร์ Soft Power หรือแค่การ 'ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ'? รัฐบาลภูมิใจกับตัวเลขจำนวนนักศึกษาต่างชาติ แต่เคยหันมามองความจริงไหมว่า เราได้ 'พันธมิตร' หรือได้ 'คนเนรคุณ' กลับมา?
3.ถึงเวลา 'ปิดสวิตช์' ทุนกินเปล่าเหล่านี้หรือยัง? เพื่อนำเงินทุกบาททุกสตางค์กลับมาซ่อมแซมอนาคตให้เด็กไทย ก่อนที่บ้านเราจะพังทลายเพราะความใจดีที่ผิดที่ผิดทาง
เราจะทนเห็น 'หยาดเหงื่อคนไทย' กลายเป็น 'ใบเบิกทางให้คนนอกกลับมาทำร้ายเรา' แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน?"