
TITLE: ใครคิดถึงยุคฮอลลีวูดทองคำกับฝีมือควาติน ตารันติโน ต้องดู "Once Upon a Time in Hollywood" ครับ!
สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาวพันทิปทุกท่าน วันนี้ผมมีหนังดีหนังเด็ดมาแนะนำกันอีกแล้วครับ หลังจากที่ห่างหายจากการรีวิวหนังไปนาน วันนี้ผมขอหยิบเรื่องที่ดูแล้วประทับใจมากๆ มาเล่าสู่กันฟัง กับ "Once Upon a Time in Hollywood" ของผู้กำกับสุดแนว ควอ ติน ตารันติโน ครับ
บอกตรงๆ เลยว่าตอนแรกที่เห็นชื่อผู้กำกับก็เดาทางได้เลยว่าต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ เพราะแกขึ้นชื่อเรื่องการสร้างหนังที่มีสไตล์จัดจ้าน ตัวละครมีเอกลักษณ์ และบทสนทนาที่คมคาย แต่เรื่องนี้มันพิเศษกว่านั้นเยอะครับ มันไม่ใช่แค่หนังแอ็คชั่น หรือหนังอาชญากรรมตามสไตล์ถนัดของแก แต่มันคือการย้อนอดีตกลับไปสู่ยุคทองของฮอลลีวูดในช่วงปลายยุค 60s ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ความฝัน และความโหดร้ายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง
หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องราวของ ริค ดาลตัน (รับบทโดย ลีโอนาร์โด ดิแคพริโอ) นักแสดงดังแห่งยุคที่กำลังประสบปัญหาชีวิตการงาน อาชีพเริ่มขาลง เพื่อนซี้คู่ใจและสตันท์แมนส่วนตัวของเขา แครป แชปแมน (รับบทโดย แบรด พิตต์) ก็ต้องคอยประคับประคอง และพยายามหาทางกอบกู้ชื่อเสียงของริคให้กลับมาอีกครั้ง ควบคู่ไปกับเรื่องราวของ ชารอน เทต (รับบทโดย มาร์โก ร็อบบี้) นักแสดงสาวดาวรุ่งพุ่งแรง ที่เป็นเพื่อนบ้านของริค และกำลังมีความสุขกับชีวิตแต่งงานใหม่
สิ่งที่ผมชอบมากๆ ในหนังเรื่องนี้คือการสร้างบรรยากาศของยุคสมัยครับ ตารันติโนแกเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้สุดยอดจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเพลงประกอบที่เลือกมา เสื้อผ้า หน้าผม การตกแต่งฉาก หรือแม้กระทั่งรถยนต์ที่ใช้ มันทำให้เรารู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในฮอลลีวูดปี 1969 จริงๆ ครับ การได้เห็นรถคลาสสิกวิ่งไปตามถนน การได้เห็นป้ายโฆษณาหนังเก่าๆ หรือแม้กระทั่งการได้เห็นฉากการถ่ายทำหนังในยุคนั้น มันคือความสุขของคอหนังเก่าอย่างผมเลยครับ
การแสดงของนักแสดงนำทั้งสามคนก็ต้องยกนิ้วให้จริงๆ ครับ ลีโอนาร์โด ดิแคพริโอ รับบทเป็น ริค ดาลตัน ได้อย่างถึงแก่น แสดงให้เห็นถึงความเปราะบาง ความไม่มั่นคงในอาชีพ และความพยายามที่จะไขว่คว้าความสำเร็จที่กำลังจะหลุดมือไป การแสดงของเขาในบางฉากที่ต้องปะทะอารมณ์ หรือต้องปลดปล่อยความรู้สึกออกมา มันช่างน่าทึ่งจริงๆ ครับ
ส่วน แบรด พิตต์ ในบท แครป แชปแมน ก็เท่ระเบิดไปเลยครับ เป็นตัวละครที่ดูสุขุม นุ่มลึก แต่ก็มีความเป็นสุภาพบุรุษและพร้อมจะปกป้องเพื่อนเสมอ สไตล์การแสดงของเขาในเรื่องนี้มันมีความเป็นธรรมชาติสูงมากๆ ครับ การกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของแครปในแต่ละฉาก มันทำให้ตัวละครนี้ดูมีชีวิตชีวาและน่าเอาใจช่วยมากๆ
และที่ขาดไม่ได้เลยคือ มาร์โก ร็อบบี้ ในบท ชารอน เทต ครับ เธอถ่ายทอดความสดใส ความร่าเริง และความบริสุทธิ์ของชารอนออกมาได้อย่างน่ารักมากๆ ครับ แม้ว่าบทของเธออาจจะไม่ได้มีบทพูดเยอะเท่าสองนักแสดงนำชาย แต่ทุกครั้งที่เธอปรากฏตัวบนจอ มันก็ดึงดูดสายตาเราได้เสมอ การแสดงของเธอทำให้เราเห็นถึงเสน่ห์ของฮอลลีวูดในยุคนั้นจริงๆ ครับ
อีกสิ่งหนึ่งที่ผมประทับใจคือบทสนทนาครับ อย่างที่ทราบกันดีว่า ตารันติโน แกเก่งเรื่องการเขียนบทสนทนามากๆ ในเรื่องนี้ บทสนทนาอาจจะไม่ได้จัดจ้านหรือคมคายเท่าเรื่องอื่นๆ ของแก แต่ก็ยังคงมีความเป็นธรรมชาติ มีอารมณ์ขัน และช่วยเสริมให้ตัวละครดูมีมิติมากยิ่งขึ้นครับ
หนังเรื่องนี้มันไม่ใช่แค่การเล่าเรื่องราวของดาราฮอลลีวูด แต่เบื้องหลังมันมีความเป็น "หนังที่รักหนัง" ของตารันติโนสอดแทรกอยู่ครับ แกเหมือนกำลังบอกเล่าเรื่องราวความรักที่มีต่อวงการภาพยนตร์ ยุคสมัยที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรือง และการตั้งคำถามกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์
แน่นอนว่าหนังของตารันติโนก็ต้องมีฉากที่รุนแรงตามสไตล์ของแกครับ แต่ในเรื่องนี้มันมีความแตกต่างออกไป คือความรุนแรงที่เกิดขึ้น มันไม่ได้ดูโหดร้ายจนเกินไป แต่มันเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของการสะท้อนภาพความเป็นจริงของยุคนั้นที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง และความไม่แน่นอน
โดยรวมแล้ว "Once Upon a Time in Hollywood" เป็นหนังที่ดูสนุก เพลิดเพลิน และชวนให้คิดตามครับ มันคือการผสมผสานระหว่างความบันเทิง การย้อนรอยประวัติศาสตร์ และการแสดงอันยอดเยี่ยมของนักแสดงทุกคน ถ้าใครกำลังมองหาหนังที่เต็มไปด้วยสไตล์ มีเสน่ห์ และชวนให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจในขณะเดียวกัน ก็อยากจะแนะนำเรื่องนี้ให้ลองไปหาชมกันดูครับ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนครับผม
ใครคิดถึงยุคฮอลลีวูดทองคำกับฝีมือควาติน ตารันติโน ต้องดู "Once Upon a Time in Hollywood" ครับ!
TITLE: ใครคิดถึงยุคฮอลลีวูดทองคำกับฝีมือควาติน ตารันติโน ต้องดู "Once Upon a Time in Hollywood" ครับ!
สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาวพันทิปทุกท่าน วันนี้ผมมีหนังดีหนังเด็ดมาแนะนำกันอีกแล้วครับ หลังจากที่ห่างหายจากการรีวิวหนังไปนาน วันนี้ผมขอหยิบเรื่องที่ดูแล้วประทับใจมากๆ มาเล่าสู่กันฟัง กับ "Once Upon a Time in Hollywood" ของผู้กำกับสุดแนว ควอ ติน ตารันติโน ครับ
บอกตรงๆ เลยว่าตอนแรกที่เห็นชื่อผู้กำกับก็เดาทางได้เลยว่าต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ เพราะแกขึ้นชื่อเรื่องการสร้างหนังที่มีสไตล์จัดจ้าน ตัวละครมีเอกลักษณ์ และบทสนทนาที่คมคาย แต่เรื่องนี้มันพิเศษกว่านั้นเยอะครับ มันไม่ใช่แค่หนังแอ็คชั่น หรือหนังอาชญากรรมตามสไตล์ถนัดของแก แต่มันคือการย้อนอดีตกลับไปสู่ยุคทองของฮอลลีวูดในช่วงปลายยุค 60s ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ความฝัน และความโหดร้ายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง
หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องราวของ ริค ดาลตัน (รับบทโดย ลีโอนาร์โด ดิแคพริโอ) นักแสดงดังแห่งยุคที่กำลังประสบปัญหาชีวิตการงาน อาชีพเริ่มขาลง เพื่อนซี้คู่ใจและสตันท์แมนส่วนตัวของเขา แครป แชปแมน (รับบทโดย แบรด พิตต์) ก็ต้องคอยประคับประคอง และพยายามหาทางกอบกู้ชื่อเสียงของริคให้กลับมาอีกครั้ง ควบคู่ไปกับเรื่องราวของ ชารอน เทต (รับบทโดย มาร์โก ร็อบบี้) นักแสดงสาวดาวรุ่งพุ่งแรง ที่เป็นเพื่อนบ้านของริค และกำลังมีความสุขกับชีวิตแต่งงานใหม่
สิ่งที่ผมชอบมากๆ ในหนังเรื่องนี้คือการสร้างบรรยากาศของยุคสมัยครับ ตารันติโนแกเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้สุดยอดจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเพลงประกอบที่เลือกมา เสื้อผ้า หน้าผม การตกแต่งฉาก หรือแม้กระทั่งรถยนต์ที่ใช้ มันทำให้เรารู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในฮอลลีวูดปี 1969 จริงๆ ครับ การได้เห็นรถคลาสสิกวิ่งไปตามถนน การได้เห็นป้ายโฆษณาหนังเก่าๆ หรือแม้กระทั่งการได้เห็นฉากการถ่ายทำหนังในยุคนั้น มันคือความสุขของคอหนังเก่าอย่างผมเลยครับ
การแสดงของนักแสดงนำทั้งสามคนก็ต้องยกนิ้วให้จริงๆ ครับ ลีโอนาร์โด ดิแคพริโอ รับบทเป็น ริค ดาลตัน ได้อย่างถึงแก่น แสดงให้เห็นถึงความเปราะบาง ความไม่มั่นคงในอาชีพ และความพยายามที่จะไขว่คว้าความสำเร็จที่กำลังจะหลุดมือไป การแสดงของเขาในบางฉากที่ต้องปะทะอารมณ์ หรือต้องปลดปล่อยความรู้สึกออกมา มันช่างน่าทึ่งจริงๆ ครับ
ส่วน แบรด พิตต์ ในบท แครป แชปแมน ก็เท่ระเบิดไปเลยครับ เป็นตัวละครที่ดูสุขุม นุ่มลึก แต่ก็มีความเป็นสุภาพบุรุษและพร้อมจะปกป้องเพื่อนเสมอ สไตล์การแสดงของเขาในเรื่องนี้มันมีความเป็นธรรมชาติสูงมากๆ ครับ การกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของแครปในแต่ละฉาก มันทำให้ตัวละครนี้ดูมีชีวิตชีวาและน่าเอาใจช่วยมากๆ
และที่ขาดไม่ได้เลยคือ มาร์โก ร็อบบี้ ในบท ชารอน เทต ครับ เธอถ่ายทอดความสดใส ความร่าเริง และความบริสุทธิ์ของชารอนออกมาได้อย่างน่ารักมากๆ ครับ แม้ว่าบทของเธออาจจะไม่ได้มีบทพูดเยอะเท่าสองนักแสดงนำชาย แต่ทุกครั้งที่เธอปรากฏตัวบนจอ มันก็ดึงดูดสายตาเราได้เสมอ การแสดงของเธอทำให้เราเห็นถึงเสน่ห์ของฮอลลีวูดในยุคนั้นจริงๆ ครับ
อีกสิ่งหนึ่งที่ผมประทับใจคือบทสนทนาครับ อย่างที่ทราบกันดีว่า ตารันติโน แกเก่งเรื่องการเขียนบทสนทนามากๆ ในเรื่องนี้ บทสนทนาอาจจะไม่ได้จัดจ้านหรือคมคายเท่าเรื่องอื่นๆ ของแก แต่ก็ยังคงมีความเป็นธรรมชาติ มีอารมณ์ขัน และช่วยเสริมให้ตัวละครดูมีมิติมากยิ่งขึ้นครับ
หนังเรื่องนี้มันไม่ใช่แค่การเล่าเรื่องราวของดาราฮอลลีวูด แต่เบื้องหลังมันมีความเป็น "หนังที่รักหนัง" ของตารันติโนสอดแทรกอยู่ครับ แกเหมือนกำลังบอกเล่าเรื่องราวความรักที่มีต่อวงการภาพยนตร์ ยุคสมัยที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรือง และการตั้งคำถามกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์
แน่นอนว่าหนังของตารันติโนก็ต้องมีฉากที่รุนแรงตามสไตล์ของแกครับ แต่ในเรื่องนี้มันมีความแตกต่างออกไป คือความรุนแรงที่เกิดขึ้น มันไม่ได้ดูโหดร้ายจนเกินไป แต่มันเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของการสะท้อนภาพความเป็นจริงของยุคนั้นที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง และความไม่แน่นอน
โดยรวมแล้ว "Once Upon a Time in Hollywood" เป็นหนังที่ดูสนุก เพลิดเพลิน และชวนให้คิดตามครับ มันคือการผสมผสานระหว่างความบันเทิง การย้อนรอยประวัติศาสตร์ และการแสดงอันยอดเยี่ยมของนักแสดงทุกคน ถ้าใครกำลังมองหาหนังที่เต็มไปด้วยสไตล์ มีเสน่ห์ และชวนให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจในขณะเดียวกัน ก็อยากจะแนะนำเรื่องนี้ให้ลองไปหาชมกันดูครับ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนครับผม