TITLE: 1917 (2019) - หนังสงครามที่ทำให้หัวใจเต้นระรัว จนอยากตะโกนบอกว่า "สุดยอด!"
สวัสดีครับชาว Pantip ทุกท่าน วันนี้ผมมีหนังดีที่อยากมาแนะนำให้ดูกัน ชื่อว่า "1917" ครับ หนังเรื่องนี้เข้าฉายในปี 2019 แต่ผมเพิ่งมีโอกาสได้ดูเมื่อไม่นานมานี้เอง แล้วต้องบอกเลยว่าประทับใจมากจริงๆ ครับ ตั้งแต่ต้นจนจบเลย
ก่อนอื่นต้องบอกว่า "1917" ไม่ใช่หนังสงครามธรรมดาทั่วไปนะครับ มันไม่ใช่หนังที่เน้นฉากแอ็คชั่นตูมตาม หรือการวางแผนการรบที่ซับซ้อนอะไรขนาดนั้น แต่สิ่งที่หนังเรื่องนี้ทำได้ดีมากๆ คือการพาเราดำดิ่งไปสู่ประสบการณ์ของทหารจริงๆ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การถ่ายทำแบบ Long Take หรือการถ่ายทำแบบยาวต่อเนื่อง ไม่มีตัดต่อให้เห็นเลยเนี่ย มันคือจุดขายและจุดเด่นที่สุดของหนังเรื่องนี้จริงๆ ครับ
ลองนึกภาพตามนะครับ เราจะได้เห็นภาพแบบต่อเนื่องเหมือนเรากำลังยืนอยู่ข้างๆ ทหาร สองนายที่ได้รับภารกิจสำคัญ คือการข้ามแนวรบเข้าไปส่งข้อความเพื่อหยุดยั้งการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งจะทำให้ทหารอีกกองทัพหนึ่งต้องตกอยู่ในวงล้อมและถูกสังหารไปกว่า 1,600 ชีวิต! แค่ฟังภารกิจก็รู้สึกกดดันแล้วใช่ไหมครับ ยิ่งดูยิ่งลุ้น ยิ่งลุ้นยิ่งเหมือนเราเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางอันตรายครั้งนี้ไปด้วย
การถ่ายทำแบบ Long Take นี้ มันสุดยอดมากครับ ผู้กำกับ แซม เมนเดส (Sam Mendes) เขาตั้งใจทำให้หนังเรื่องนี้เหมือนเป็น "วันเดียว" ของสองทหารหนุ่มนั่นแหละครับ เราจะได้เห็นทุกย่างก้าว ทุกอุปสรรค ทุกความเสี่ยงที่พวกเขาต้องเจอแบบเรียลไทม์ ไม่มีจังหวะให้พักหายใจเลย ภาพมันไหลไปเรื่อยๆ เราเห็นสภาพแวดล้อมอันโหดร้ายของสมรภูมิ ทั้งหลุมหลบภัยที่เต็มไปด้วยซากศพ โคลน เลน สภาพทหารที่บาดเจ็บล้มตาย คือมันสมจริงจนน่าขนลุกครับ
เราจะได้เห็นความเหน็ดเหนื่อย ความหวาดกลัว และความมุ่งมั่นของสองทหารหนุ่ม คือ พลทหาร สก็อตแลนด์ (George MacKay) และ พลทหาร เบลค (Dean-Charles Chapman) ครับ การแสดงของทั้งคู่ทำได้ดีเยี่ยมมากๆ ครับ เราสัมผัสได้ถึงความกดดัน ความสิ้นหวัง แต่ก็ยังมีความหวังเล็กๆ ที่จะทำภารกิจให้สำเร็จให้ได้ โดยเฉพาะพลทหารเบลคที่ดูจะมีความหวังและอยากรีบไปช่วยพี่ชายของตัวเองที่อยู่ในแนวหน้า ยิ่งทำให้เรารู้สึกผูกพันกับตัวละคร
แล้วภาพนี่สิครับ คือต้องยกนิ้วให้เลย การจัดแสง การจัดองค์ประกอบภาพ มันสวยงามแต่ก็แฝงไปด้วยความน่ากลัวในเวลาเดียวกันนะครับ ในช่วงที่สองทหารต้องเดินผ่านทุ่งร้างที่เต็มไปด้วยซากศพ หรือต้องหนีเอาชีวิตรอดจากการโจมตี คือภาพมันทรงพลังมากจริงๆ ครับ มันทำให้เรารู้สึกถึงความโหดร้ายของสงครามได้อย่างแท้จริง
อีกอย่างที่ผมชอบคือการใช้เสียงในหนังเรื่องนี้ครับ เสียงปืน เสียงระเบิด เสียงกระสุนที่เฉียดหู มันทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริงๆ ครับ บางครั้งเสียงเงียบๆ ก็ยิ่งทำให้ลุ้นระทึกเข้าไปใหญ่ เพราะเรารู้ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ตลอดการเดินทางของสองทหาร มันเต็มไปด้วยอุปสรรคที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อนครับ บางครั้งก็เจอแนวรบที่ถูกทิ้งร้าง แต่ก็ยังเต็มไปด้วยกับดัก บางครั้งก็ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูแบบไม่ทันตั้งตัว บางครั้งก็ต้องช่วยเหลือทหารคนอื่นๆ ที่บาดเจ็บ คือทุกอย่างมันดูเหมือนเกิดขึ้นจริงๆ ครับ
หนังเรื่องนี้มันไม่ใช่แค่การเล่าเรื่องสงคราม แต่เป็นการเล่าเรื่องของความเป็นมนุษย์ท่ามกลางความโหดร้ายของสงครามครับ มันสะท้อนให้เห็นถึงความกล้าหาญ ความเสียสละ และความมุ่งมั่นที่จะมีชีวิตรอด และทำเพื่อเพื่อนมนุษย์
ผมอยากจะบอกว่า "1917" เป็นหนังที่ควรค่าแก่การรับชมจริงๆ ครับ ไม่ใช่แค่คนชอบหนังสงครามนะครับ แต่ใครก็ตามที่ชอบหนังที่สร้างประสบการณ์การรับชมที่แปลกใหม่ น่าตื่นเต้น และมีความหมาย ไม่ควรพลาดเลยครับ
ถ้าใครเคยดูแล้ว มาแลกเปลี่ยนความเห็นกันได้นะครับ ส่วนใครที่ยังไม่ได้ดู ผมแนะนำให้หามาดูกันเลยครับ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน อาจจะลุ้นจนนั่งไม่ติดเก้าอี้เลยก็ได้ครับ!
ขอบคุณที่อ่านรีวิวจนจบนะครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจนะครับ แล้วเจอกันใหม่รีวิวหน้าครับ!
1917 (2019) - หนังสงครามที่ทำให้หัวใจเต้นระรัว จนอยากตะโกนบอกว่า "สุดยอด!"
TITLE: 1917 (2019) - หนังสงครามที่ทำให้หัวใจเต้นระรัว จนอยากตะโกนบอกว่า "สุดยอด!"
สวัสดีครับชาว Pantip ทุกท่าน วันนี้ผมมีหนังดีที่อยากมาแนะนำให้ดูกัน ชื่อว่า "1917" ครับ หนังเรื่องนี้เข้าฉายในปี 2019 แต่ผมเพิ่งมีโอกาสได้ดูเมื่อไม่นานมานี้เอง แล้วต้องบอกเลยว่าประทับใจมากจริงๆ ครับ ตั้งแต่ต้นจนจบเลย
ก่อนอื่นต้องบอกว่า "1917" ไม่ใช่หนังสงครามธรรมดาทั่วไปนะครับ มันไม่ใช่หนังที่เน้นฉากแอ็คชั่นตูมตาม หรือการวางแผนการรบที่ซับซ้อนอะไรขนาดนั้น แต่สิ่งที่หนังเรื่องนี้ทำได้ดีมากๆ คือการพาเราดำดิ่งไปสู่ประสบการณ์ของทหารจริงๆ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การถ่ายทำแบบ Long Take หรือการถ่ายทำแบบยาวต่อเนื่อง ไม่มีตัดต่อให้เห็นเลยเนี่ย มันคือจุดขายและจุดเด่นที่สุดของหนังเรื่องนี้จริงๆ ครับ
ลองนึกภาพตามนะครับ เราจะได้เห็นภาพแบบต่อเนื่องเหมือนเรากำลังยืนอยู่ข้างๆ ทหาร สองนายที่ได้รับภารกิจสำคัญ คือการข้ามแนวรบเข้าไปส่งข้อความเพื่อหยุดยั้งการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งจะทำให้ทหารอีกกองทัพหนึ่งต้องตกอยู่ในวงล้อมและถูกสังหารไปกว่า 1,600 ชีวิต! แค่ฟังภารกิจก็รู้สึกกดดันแล้วใช่ไหมครับ ยิ่งดูยิ่งลุ้น ยิ่งลุ้นยิ่งเหมือนเราเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางอันตรายครั้งนี้ไปด้วย
การถ่ายทำแบบ Long Take นี้ มันสุดยอดมากครับ ผู้กำกับ แซม เมนเดส (Sam Mendes) เขาตั้งใจทำให้หนังเรื่องนี้เหมือนเป็น "วันเดียว" ของสองทหารหนุ่มนั่นแหละครับ เราจะได้เห็นทุกย่างก้าว ทุกอุปสรรค ทุกความเสี่ยงที่พวกเขาต้องเจอแบบเรียลไทม์ ไม่มีจังหวะให้พักหายใจเลย ภาพมันไหลไปเรื่อยๆ เราเห็นสภาพแวดล้อมอันโหดร้ายของสมรภูมิ ทั้งหลุมหลบภัยที่เต็มไปด้วยซากศพ โคลน เลน สภาพทหารที่บาดเจ็บล้มตาย คือมันสมจริงจนน่าขนลุกครับ
เราจะได้เห็นความเหน็ดเหนื่อย ความหวาดกลัว และความมุ่งมั่นของสองทหารหนุ่ม คือ พลทหาร สก็อตแลนด์ (George MacKay) และ พลทหาร เบลค (Dean-Charles Chapman) ครับ การแสดงของทั้งคู่ทำได้ดีเยี่ยมมากๆ ครับ เราสัมผัสได้ถึงความกดดัน ความสิ้นหวัง แต่ก็ยังมีความหวังเล็กๆ ที่จะทำภารกิจให้สำเร็จให้ได้ โดยเฉพาะพลทหารเบลคที่ดูจะมีความหวังและอยากรีบไปช่วยพี่ชายของตัวเองที่อยู่ในแนวหน้า ยิ่งทำให้เรารู้สึกผูกพันกับตัวละคร
แล้วภาพนี่สิครับ คือต้องยกนิ้วให้เลย การจัดแสง การจัดองค์ประกอบภาพ มันสวยงามแต่ก็แฝงไปด้วยความน่ากลัวในเวลาเดียวกันนะครับ ในช่วงที่สองทหารต้องเดินผ่านทุ่งร้างที่เต็มไปด้วยซากศพ หรือต้องหนีเอาชีวิตรอดจากการโจมตี คือภาพมันทรงพลังมากจริงๆ ครับ มันทำให้เรารู้สึกถึงความโหดร้ายของสงครามได้อย่างแท้จริง
อีกอย่างที่ผมชอบคือการใช้เสียงในหนังเรื่องนี้ครับ เสียงปืน เสียงระเบิด เสียงกระสุนที่เฉียดหู มันทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริงๆ ครับ บางครั้งเสียงเงียบๆ ก็ยิ่งทำให้ลุ้นระทึกเข้าไปใหญ่ เพราะเรารู้ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ตลอดการเดินทางของสองทหาร มันเต็มไปด้วยอุปสรรคที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อนครับ บางครั้งก็เจอแนวรบที่ถูกทิ้งร้าง แต่ก็ยังเต็มไปด้วยกับดัก บางครั้งก็ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูแบบไม่ทันตั้งตัว บางครั้งก็ต้องช่วยเหลือทหารคนอื่นๆ ที่บาดเจ็บ คือทุกอย่างมันดูเหมือนเกิดขึ้นจริงๆ ครับ
หนังเรื่องนี้มันไม่ใช่แค่การเล่าเรื่องสงคราม แต่เป็นการเล่าเรื่องของความเป็นมนุษย์ท่ามกลางความโหดร้ายของสงครามครับ มันสะท้อนให้เห็นถึงความกล้าหาญ ความเสียสละ และความมุ่งมั่นที่จะมีชีวิตรอด และทำเพื่อเพื่อนมนุษย์
ผมอยากจะบอกว่า "1917" เป็นหนังที่ควรค่าแก่การรับชมจริงๆ ครับ ไม่ใช่แค่คนชอบหนังสงครามนะครับ แต่ใครก็ตามที่ชอบหนังที่สร้างประสบการณ์การรับชมที่แปลกใหม่ น่าตื่นเต้น และมีความหมาย ไม่ควรพลาดเลยครับ
ถ้าใครเคยดูแล้ว มาแลกเปลี่ยนความเห็นกันได้นะครับ ส่วนใครที่ยังไม่ได้ดู ผมแนะนำให้หามาดูกันเลยครับ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน อาจจะลุ้นจนนั่งไม่ติดเก้าอี้เลยก็ได้ครับ!
ขอบคุณที่อ่านรีวิวจนจบนะครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจนะครับ แล้วเจอกันใหม่รีวิวหน้าครับ!